บทที่ 1189 จะไม่ก้าวไปจนถึงขั้นนั้น
“ผมไม่มั่นใจว่าคุณจะสามารถเข้าใจข้อมูลข่าวสารนี้ได้ ภายใต้สภาวะทางจิตใจของคุณก่อนหน้านี้” คุณหมอตอบอย่างรวดเร็ว “ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้จิตใต้สำนึกของคุณเป็นตัวรับรู้ข่าวสารนี้”
ฉินซีไม่ได้เอ่ยคัดค้านอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้า
แน่นอนว่าเธอทราบว่าคุณหมอก็เป็นคนขององค์กรเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงแทบจะมีความเชื่อถือในตัวคุณหมอท่านนี้ตามสัญชาตญาณ เธอสามารถรู้สึกได้ว่า เขาไม่เหมือนกับคนเหล่านั้นที่อยู่ในองค์กร ดังนั้นหลายวันมานี้ก็เกือบจะทำตามที่เขาพูดทั้งหมด
ดังนั้นเธอจึงเบนไปที่จ้านเซิน
“คุณบอกว่า ฉันเป็นอิสระแล้ว” หลายวันมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินซีสนทนากับจ้านเซิน ครั้งแรกที่ไม่ทำเป็นมองไม่เห็นเขา ไม่ทำเหมือนเขาเป็นอากาศ “ฉันต้องการคำอธิบายที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้”
จ้านเซินมองฉินซีอย่างลึกซึ้ง หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีก็เอ่ยขึ้นว่า “คุณได้ออกจากองค์กรไปชั่วคราว ไม่จำเป็นต้องรับภารกิจใดๆ และไม่ต้องอยู่ภายใต้การจับตามองและดูแลขององค์กรอีก”
ฉินซีกลับพบว่ามีบางอย่างที่ไม่ปกติได้อย่างรวดเร็ว“ชั่วคราวหรือ”
จ้านเซินไม่ได้วางแผนจะอธิบายค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายให้กับองค์กรหากว่าต้องการจากไปออกมาอย่างชัดเจน เขาเพียงแค่เอ่ยเสียงเรียบว่า “ไปจากองค์กร จำเป็นต้องลงนามในเอกสารที่ซับซ้อนมาก จำเป็นต้องปิดผนึกความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวกับองค์กรของคุณ ขั้นตอนซับซ้อนมาก จำเป็นต้องให้คุณกลับสู่สภาพปกติแล้วถึงจะสามารถจากไปได้จริงๆ ตอนนี้ทำได้เพียงแค่จากไปชั่วคราวเท่านั้น”
ฉินซีฝืนยอมรับคำอธิบายของเขา เธอพยักหน้า “อย่างนั้นการไปจากองค์กรชั่วคราวต้องทำอะไรบ้าง ก็ให้รีบทำ”
เธอแทบจะเขียนคำว่าแทบทนรอไม่ไหวแล้วไว้บนใบหน้า สีหน้าของจ้านเซินยิ่งไม่น่ามองยิ่งกว่าเดิม แต่คำพูดเหล่านี้ก็เป็นตัวเองที่พูด การตัดสินใจนี้ก็เป็นตัวเองที่ตัดสินใจ เขาจึงยากที่จะเสียใจในภายหลัง เพียงแต่มองไปทางคุณหมออย่างแข็งๆ
คุณหมอรีบเอ่ยต่อว่า “การไปจากองค์กรชั่วคราวมีลำดับขั้นตอนที่ซับซ้อนเป็นอย่างมาก ตอนนี้ผมจำเป็นต้องปิดผนึกความทรงจำที่คุณมีต่อองค์กรชั่วคราว รอจนคุณสุขภาพแข็งแรงแล้ว ประเมินแล้วว่าสภาพจิตใจของคุณกลับมาเป็นปกติทั้งหมด ค่อยให้คุณลงนามในเอกสารที่เป็นสัญญาลับเพื่อไปจากองค์กร ทั้งยังต้องดำเนินการลบความทรงจำทั้งหมดของคุณทิ้งไปด้วย
เขาเขียนอธิบายเรื่องการลบความทรงจำลงไปจนเหมือนกับว่าไม่ใช่เรื่องน่าตึงเครียดอะไร ไม่มีอันตรายอะไรจากการกระทำแบบนั้นแม้แต่น้อย
เพราะว่าเขารู้ว่า ฉินซีจะไม่ได้เดินไปจนถึงก้าวนั้น
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลยว่า ฉินซีก็ไม่ได้คิดมาก เมื่อฟังจบแล้วก็พยักหน้าให้กับคุณหมอ “ได้ อย่างนั้นก็เริ่มเลยเถอะ”
พูดจบแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องให้คุณหมอออกคำสั่ง เอนตัวลงนอนบนเก้าอี้ผ้าใบและหลับตาลงในทันที
ทว่าคุณหมอกลับไม่ได้เคลื่อนไหวในทันที แต่หันหน้าไปมองจ้านเซินครั้งหนึ่ง
หลังจากที่ได้รับการพยักหน้าจากบุคคลหลังแล้ว เขาถึงได้เดินไปทางฉินซี
“ครับ ตอนนี้ผ่อนคลายร่างกายของคุณ…….” เขาสูดลมหายใจลึก เริ่มทำงานของตัวเอง
……….
การปิดผนึกความทรงจำ พูดไม่ได้ว่าซับซ้อน แต่ก็จำเป็นต้องอาศัยสมาธิเป็นอย่างมาก ทั้งยังต้องใช้พลังงานมากมาย
ตอนฉินซีอายุสิบขวบก็รู้จักกับองค์กรแล้ว จนถึงตอนนี้ ก็ผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว
ภายในช่วงเวลาสิบปีมานี้ แทบจะถูกผูกติดเอาไว้ด้วยกันกับองค์กร จะต้องปิดผนึกความทรงจำในหลายปีนี้ไปทีละเล็กทีละน้อย ถือได้ว่าเป็นการก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง
อีกทั้ง สิ่งที่คุณหมอต้องทำ ก็ไม่ใช่แค่การปิดผนึกเอาไว้
สมองของคนเราเป็นอวัยวะที่น่าสนใจ ถ้าหากว่าในช่วงเวลาหนึ่ง ปรากฏความทรงจำที่ว่างเปล่ามากมาย จะทำให้ตัวเองรู้สึกว่าผิดปกติ
ดังนั้นคุณหมอจึงจำเป็นต้องสร้างความทรงจำหลอกๆขึ้นมาบางส่วน อำพรางความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับองค์กรที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ เพื่อไม่ให้ฉินซีรู้สึกว่ามีจุดแปลกๆอะไร เมื่อตัวเองย้อนนึกถึงขึ้นมา
เธอจะรู้สึกกระทั่งว่า ชีวิตของตัวเองนั้นสมบูรณ์เป็นอย่างมาก
ตอนที่ฉินซีเดินเข้าไปในห้องตรวจนั้นก็ไม่นับว่าเป็นตอนเช้า รอจนงานของคุณหมอสิ้นสุดลง เวลาก็เกือบจะเข้าสู่ช่วงเย็นแล้ว
คุณหมอและฉินซีล้วนไม่ได้ทานอะไรเลยทั้งวัน ส่วนจ้านเซินก็ไม่ได้ดื่มน้ำสักหยด นั่งอยู่ด้านข้างเงียบๆตั้งแต่ต้นจนจบ
สิ่งสุดท้ายที่ต้องจัดการก็คือ การเสียชีวิตของเหยาหมิ่น
เขาไม่อาจจะให้ฉินซีลืมการตายของเหยาหมิ่นได้ แต่กลับทำให้เธอลืมฟางฟางไปจนหมดสิ้น
กระทั่งตัวเขาเองก็รู้สึกว่าโหดร้ายอยู่บ้าง แต่ไม่อาจไม่ทำแบบนี้
“…….เรียบร้อยแล้วครับ” รอจนเขาจัดการความทรงจำในช่วงสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว คุณหมอก็เกือบจะรู้สึกว่าตัวเองล้มฟุบไปแล้ว
แต่เห็นได้ชัดว่าจ้านเซินไม่ได้มีทีท่าจะดูแลเอาใจใส่เขาเลย
เขาเพียงแค่ลุกขึ้นเงียบๆ สุดท้ายก็เปิดเปลือกตาที่หลับอยู่ของฉินซีขึ้นมาดู
ความรู้สึกของเธอผ่อนคลายมาก ไม่คลุมเครือ ไร้การใส่ใจ เหมือนกับไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เป็นการผ่อนคลายอย่างแท้จริง
………อาจจะเป็นเพราะว่าการจากไปนั้น สามารถทำให้เธอเป็นอิสระได้จริงๆ
จ้านเซินคิดในใจเงียบๆ
สุดท้ายแล้วเขาก็มองฉินซีอย่างลึกซึ้งครั้งหนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัว ผลักประตูเดินออกไปจากห้องตรวจ
ตอนนี้ในความทรงจำของฉินซีไม่มีการคงอยู่ของเขา จู่ๆคนแปลกหน้าคนหนึ่งมาปรากฏตัวในห้องตรวจของตัวเองในตอนนี้ จะต้องทำให้เธอรู้สึกผิดปกติอย่างแน่นอน
จ้านเซินไม่กล้าเสี่ยงกับอันตรายที่ไม่จำเป็น
……
อานหยันมาถึงหน้าประตูห้องตรวจตามที่เวลาที่คุณหมอกำชับเอาไว้
เธอเดินไป พลางมองไปยังทิศทางของลิฟต์โดยสารไม่หยุด
เมื่อครู่นี้คล้ายกับว่า….จะเห็นเพื่อนคนนั้นของคุณหมอที่เดินตามเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยในครั้งนั้นด้วย
ดูท่า จะเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากสินะ ถึงได้มาปรากฏตัวในโรงพยาบาลบ่อยครั้ง
แต่รอจนถึงตอนที่ประตูห้องตรวจเปิดออกมา เธอก็ไม่มีกะจิตกะใจจะไปครุ่นคิดถึงปัญหานี้แล้ว
เธอไปรับฉินซีที่ดูแล้วจะอ่อนแออยู่บ้างมาจากมือของคุณหมอ ถามอย่างเป็นห่วงว่า “เธอรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง”
ฉินซีคิ้วขมวด ลูบท้องไปมาอย่างน่าสงสาร “หิวแล้ว….”
เสียงของเธอฟังดูแล้วปกติกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อย อย่างน้อยก็ไม่ได้สับสน อ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเหมือนกับก่อนๆอีกแล้ว อานหยันเงยหน้ามองคุณหมอ ฝ่ายหลังก็ส่งสายตามั่นใจมาให้เธอ
อานหยันใจชื้นเล็กน้อย พาฉินซีกลับไปยังห้องพักผู้ป่วย ทั้งสองคนทานอาหารอิ่มไปมื้อหนึ่ง เมื่อฉินซีกลับไปนอนบนเตียงอย่างรวดเร็วแล้ว
อานหยันจึงผลักประตูออกไป เมื่อหาคุณหมอพบแล้ว
คุณหมอก็ดูแล้วอ่อนล้าเป็นอย่างมาก แต่น้ำเสียงที่ใช้สนทนากับอานหยันก็ยังถือว่าดีอยู่
“ปมใหญ่ในใจของฉินซีคลี่คลายแล้วครับ” คุณหมอดื่มน้ำคำหนึ่ง “หลังจากนี้ก็ค่อยๆบำรุงรักษา และจะกลับมาสู่สภาพปกติในที่สุด”
อานหยันรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง “ตอนที่ทานข้าวเมื่อครู่นี้ ฉันเห็นว่าเธอปกติมากแล้วนะคะ แทบจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ยังจำเป็นต้องบำรุงอีกหรือคะ”
เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อเทียบกับอาการเมื่อหลายวันก่อน ฉินซีไม่ได้พูดกับอากาศเลยแม้แต่ครั้งเดียวในเวลาทานข้าว และไม่ได้พูดเหลวไหลถึงชื่อฟางอะไรนั่นด้วย คล้ายกับว่าปล่อยวางภาพหลอนของตัวเองไปแล้ว
แต่คุณหมอกลับส่ายหน้า “ปัญหาของฉินซี ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น”
คิ้วของอานหยันขมวดเป็นปม จ้องมองไปที่คุณหมอเขม็ง
“สาเหตุที่ก่อนหน้านี้เธอจินตนาการถึงคุณแม่ของเธอออกมา และยังมีคนอื่นๆมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ หลักๆก็เพราะว่าในใจเธอมีการต่อต้านเรื่องเรื่องหนึ่งเป็นอย่างมาก เธอต่อต้านไม่สำเร็จ จึงจำเป็นต้องจินตนาการคนมาอยู่เป็นเพื่อนหลอกๆ” คุณหมอตอบช้าๆ “แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอมีเรื่องที่ต้องเผชิญหน้าเพียงแค่เรื่องเดียว”