flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1173 ไม่อยากจะเชื่อเลย

บทที่ 1173 ไม่อยากจะเชื่อเลย

ต่อมาฉินซี“ขอบคุณ”เขายังไง จนถึงตอนนี้ลู่เซิ่นยังจำได้อย่างชัดเจน

แต่ว่า……แต่คนอีกคนที่อยู่ในภาพความจำกลับไม่อยู่ข้างกายอีกแล้ว

ลู่เซิ่นไม่ใช่คนที่อารมณ์หวั่นไหวง่าย แต่ตอนนี้ก็เดินเข้าห้องมืดอีกแล้ว แต่ตอนนี้ยิ่งเขาเดินเข้าไปในห้องมืดยิ่งมีอารมณ์ซับซ้อนที่พูดไม่ออก จนอัดอั้นอยู่ในทรวงอกของเขาอย่างไม่หยุด

กังวล ไม่อยากเชื่อเลย สงสัย ความโกรธและยังมีความเศร้า

เขาไม่ยักรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองจะมีอารมณ์ซับซ้อนได้ขนาดนี้

เพียงแต่เขารู้ ยิ่งสถานการณ์แบบนี้ห้ามให้อารมณ์ตัวเองมาควบคุม

แล้วเขาก็ถอนหายใจยาว ปรับอารมณ์ให้สงบลง ถึงบิดประตูเปิดเข้าห้องมืด

หลังจากห้องนี้ถูกดัดแปลงเป็นห้องมืด ก็กลายเป็นดินแดนของฉินซีอย่างสิ้นเชิง

นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามา

ในห้องมืดแทบจะไม่มีอะไรตกแต่งเลย ตู้ก็ถูกเก็บอย่างสะอาดหลายตู้ ของทุกชิ้นถูกเก็บเข้ากล่องไป  วางไว้มุมห้อง

เพราะมีผู้บุกรุกเข้ามาที่นี่ กลุ่ม รปภ. เลยได้เข้ามาตรวจสอบห้องมืดอย่างละเอียด กล่องถูกค้นจนยุ่งเล็กน้อย ยังมีไม้บรรทัดบางส่วนถูกโยนทิ้งไว้อีกข้างหนึ่ง

ลู่เซิ่นมองไปรอบๆ ก็งั้นๆ รู้สึกว่าไม่น่ามีของอะไรที่ตัวเองอยากได้

ฉินซีน่าจะเป็นคนไม่ชอบอะไรวุ่นวาย ฉะนั้นถ้าเธอเคยมาที่นี่ อย่างน้อย……พื้นก็จะไม่รกแบบนี้

เขาจึงหันหลังเดินกลับห้องโดยไม่มีความสงสัย

ห้องนอนเขากับฉินซีจะมีคนเข้าไปความสะอาดทุกเช้า แต่สถานการณ์ของวันนี้คับขัน ก่อนเขากลับมาได้สั่งไว้เป็นพิเศษว่าอย่าแตะต้องของในห้อง เพราะฉะนั้นวันนี้ยังไม่มีใครได้เข้าไป

ผลักประตูออก เพียงแค่ชำเลืองมอง ลู่เซิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย

แม้ว่าจะดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เขาก็สามารถดูออกว่า ห้องนี้มันโล่งขึ้นไปบ้าง

เพราะว่าของส่วนตัวของฉินซีได้ถูกเก็บไปหมดแล้ว

อันที่จริงแล้วฉินซีก็ไม่ได้วางของไว้ในห้องนอนมากนัก แต่ของเหล่านั้นกลับมีความหมายมาก

แต่ถ้าหากไม่มีแล้ว ในสายตาของลู่เซิ่นก็มองว่าห้องดูแปลกตาไป

เขาขมวดคิ้วแล้วเดินเข้าห้องแต่งตัวไป

เสื้อผ้าลดน้อยลง กระเป๋าเดินทางก็หายไป1ใบ

ลองดูดีๆอีกครั้ง……สิ่งที่ขาดหายไปคือเสื้อผ้าตามฤดูกาลนี้ ของที่หายไปจากห้องล้วนเป็นของจำเป็นทั้งสิ้น

เก็บกวาดสะอาดขนาดนี้……ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน แต่ดูเหมือนว่า…ตั้งใจเตรียมการไว้แล้ว

ลู่เซิ่นเม้มปากแน่นขึ้นมา

เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่าฉินซีหายออกไปด้วยตัวเอง

หัวใจของเขากำลังโกรธเป็นไฟ ปิดห้องแต่งตัวอย่างเสียงดัง กลับพบว่าประตูห้องแต่งตัวนั้น……ปิดไม่ค่อยได้

——มีผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งถูกโยนทิ้งไว้ที่มุมประตู ติดอยู่ที่ช่องประตู

ลู่เซิ่นสับสนแล้วโน้มตัวลงอย่างช้าๆ เก็บผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา

เขาและฉินซีไม่มีนิสัยชอบใช้ผ้าเช็ดหน้า เป็นไปไม่ได้ที่คนใช้ที่บ้านจะโยนผ้าเช็ดหน้าทิ้งไว้ที่ห้องของเขา

ลู่เซินนึกถึงผู้บุกรุกที่พ่อบ้านพูดถึงทันที

หรือว่านี่เป็นผ้าเช็ดหน้าที่คนบุกรุกทิ้งไว้หรอ?

ลู่เซิ่นหรี่ตา

หลังฉินซีกินข้าวเย็นเสร็จก็ตรงไปที่ห้องเลย ไม่ได้ไปที่อื่น หากการหายไปของเธอเกี่ยวข้องกับผู้บุกรุกจริงๆ……งั้นก็แปลว่าเวลาเธอน่าจะได้เจอหน้ากับคนที่บุกรุกในห้องนี้!

คิดถึงนี่แล้ว ผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือนั้นกลับเป็นสิ่งที่สำคัญขึ้นมา

ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ

ลู่เซิ่นเดินไปไม่กี่ก้าว อยากจะเอาผ้าเช็ดหน้าวางบนโต๊ะ รอให้หลินหยังขึ้นมานำผ้าเช็ดหน้าไปตรวจดูว่ามีอะไรพิเศษบนผ้าเช็ดหน้าหรือไม่

แต่พอเดินไปข้างโต๊ะ ก็ถูกสิ่งของหนึ่งบนโต๊ะดึงดูดสายตาของเขา

——กระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกพับไว้โดยมีบัตรธนาคารทับอยู่ข้างบน

ลู่เซิ่นไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของเขาจู่ๆถึงได้เต้นแรงขึ้น

แต่ยังไม่ทันได้หยิบกระดาษขึ้นมา ประตูก็ถูกเคาะดังขึ้นมาทันที

“ประธานลู่ครับ!” น้ำเสียงของหลินหยังดูตื่นเต้นและตกใจเล็กน้อย“พวกเขาติดตามคุณผู้หญิงได้แล้วครับ!”

ลู่เซิ่นเงยหน้าขึ้นทันที:“เบาะแสของฉินซีในตอนนี้งั้นหรอ? ”

หลินหยังคิดว่าตัวเองยังคงพูดไม่ชัดเจน รีบพูดอธิบายเพิ่ม:“ ไม่ใช่……แต่เป็นเส้นทางที่คุณผู้หญิงขับรถผ่านเมื่อวานครับ”

ความหวังที่เพิ่งเพิ่มขึ้นในใจของลู่เซิ่นก็ดับวูบอีกครั้ง แต่เขาจะใส่อารมณ์ต่อหลินหยังก็คงไม่ดี จึงเชิดคางให้เขา:“ เอามานี่ฉันขอดูหน่อย”

หลินหยังไม่กล้ารอช้า รีบถือแท็บเล็ตแล้วเดินมา

ลู่เซิ่นนำกระดาษที่ถือไว้วางกลับที่เดิม ยื่นมือรับแท็บเล็ตที่หลินหยังยื่นให้ เปิดมาดูทีนึง

“จุดเริ่มต้นของการติดตามเริ่มจากที่นี่ครับ” หลินหยังเอื้อมมือออกไปและชี้ไปที่แผนที่ที่แสดงบนแท็บเล็ต “นี่น่าจะเป็นบ้านของคุณอานหยัน จุดที่คุณผู้หญิงขึ้นรถนั้นเป็นจุดบอดที่อยู่ใกล้บ้านอานหยัน กล้องตรวจจับภาพที่บันทึกได้นั้นไม่มีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์เลย มีแค่กล้องตัวนี้ตัวเดียวที่เห็นภาพได้ชัด”

เขาชี้ไปที่ข้างๆของคลิปวีดีโอ

ลู่เซิ่นไม่ลังเลที่จะคลิกเปิดทันที

คุณภาพของกล้องมีความเลือนรางมาก ลู่เซินอาศัยความคุ้นเคยที่มีต่อฉินซีมองข้างหลังจากภาพเบลอก็รู้ว่าเป็นฉินซี

แต่เขาสามารถดูออกทุกการเคลื่อนไหวของฉินซี เห็นได้ชัดว่าเธอเปิดประตูรถด้วยตัวเองและเข้าไปนั่งที่เบาะคนขับ

อย่างไรก็ตามมุมกล้องนี้อยู่ในมุมอับสายตามาก มองเห็นแต่การเคลื่อนไหวของฉินซี 

และจุดเบาะข้างคนขับเท่านั้น ส่วนด้านหลังของรถถูกบังมิด มองไม่เห็นอะไรเลย

เพราะฉะนั้นฉินซีออกไปคนเดียวรึป่าวกันแน่ ลู่เซิ่นก็ไม่สามารถรู้ได้

เหมือนกับว่าหลินหยังเคยดูวีดีโอนี้ไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงเตรียมใจไว้ตั้งนานแล้วว่าลู่เซิ่นจะผิดหวัง รอจนวีดีโอนี้จบ เขารีบพูดทันทีว่า:“ รถที่คุณผู้หญิงขับออกไปนั้นหายออกจากกล้องไปเป็นเวลานาน หลังจากนั้นถึงมาปรากฏขึ้นที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งตรงชานเมืองอีกครั้ง”

ครั้งนี้ไม่รอเขาชี้ ลู่เซิ่นเปิดวีดีโอด้วยตัวเอง

ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ปั๊มน้ำมันนั้นชัดเจนกว่าภาพก่อนหน้านี้มาก แต่ว่าก็ไม่ได้ทำให้ลู่เซิ่นได้คำตอบที่เขาอยากได้อีกเช่นเคย

เนื่องจากกล้องตรวจจับภาพถ่ายจากด้านหน้ารถในแนวทแยง เห็นใบหน้าของฉินซีได้ชัดผ่านกระจกรถ แต่หน้าต่างทั้งสี่ด้านของรถของฉินซีถูกปิดด้วยฟิล์มดำที่ค่อนข้างหนา จึงไม่สามารถตรวจจับภาพบริเวณเบาะหลังคนขับได้

แต่เพียงแค่มองไปที่ใบหน้าของฉินซีนั้น ลู่เซิ่นแปลกใจเล็กน้อย

ฉินซีดูแล้วนิ่งมาก เหมือนกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

หรือจะพูดได้ว่า ดูเหมือนกับว่า……ได้ไตร่ตรองไว้ก่อนแล้ว

“สถานที่สุดท้ายที่คุณผู้หญิงปรากฏตัว อยู่ในตัวเมือง” หลินหยังไม่กล้าดูสีหน้าของลู่เซิ่น รอวีดีโอจบ พูดขึ้นเองว่า “เป็นกล้องวงจรปิดจากโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่ง คุณภาพของจอภาพนั้น……ก็ไม่เท่าไหร่”

ครั้งนี้ลู่เซิ่นไม่อยากเสียเวลาไปดูแล้ว แต่เงยหน้ามองหลินหยัง ถามว่า:“ ถ่ายเห็นแค่ฉินซีคนเดียวอีกแล้วใช่มั้ย”

หลินหยังได้แต่พยักหน้า

คิ้วของลู่เซิ่นไม่หยุดขมวดทั้งวัน ครั้งนี้ดูวีดีโอจบ รู้สึกว่าความคิดสับสนวุ่นวายไปหมด

แม้หลินหยังจะคำนึงถึงสีหน้าของเขา แต่สิ่งที่ควรพูดก็ต้องพูด สุดท้ายก็เอ่ยปากพูดไป

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset