flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1119 ครั้งนี้คือการบอกลาจริงๆ

บทที่ 1119 ครั้งนี้คือการบอกลาจริงๆ

สำหรับฉินซีแล้ว?

เธอเพิ่งผ่านเรื่องราวความรักของคนอื่นมาโดยบังเอิญ เข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นตัวเอก แต่จริงๆแล้วเป็นแค่ของเล่นของลู่เซิ่นเท่านั้น ตอนจีบกันแรกๆ มันก็ทำให้สดชื่นอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะกลายเป็นความเบื่อ และสลายหายไป

อากัปกิริยามีความสำคัญที่สุด ฉินซีย้ำกับตัวเองในใจ

เธอจะไม่มีวันอ่อนแอเหมือนเหยาหมิ่น และเธอจะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องขายขี้หน้าอย่างแน่นอน เธอแค่ต้องการบอกลา ลู่เซิ่นอย่างเงียบๆ ก่อนจะโบกมือลาจากเขาไป

ฉินซีลุกยืนขึ้นและเดินไปที่หน้าต่าง

หน้าต่างของห้องสมุดหันไปทางสวนด้านหลังซึ่งไม่เหมือนกับวิวในห้องนอนเธอ เธอมองเห็นคนสวนสองสามคนที่รดน้ำอยู่ไกลๆ และพ่อบ้านที่ตอนนี้กำลังยืนคุยอยู่กับคนรับใช้ที่หน้าบ้าน

คงต้องขอลา

……

เมื่อออกมาจากห้องสมุด ฉินซีก็ได้พบกับพ่อบ้านพอดี

เมื่อเห็นเธอดูแตกต่างออกไป พ่อบ้านจึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณผู้หญิง ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ? อาหารเที่ยงก็ไม่ได้กิน สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย”

ฉินซีโบกมือเพื่อขัดจังหวะเขา “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพราะฉันไม่ได้พักผ่อนดี แค่เหนื่อยเท่านั้น”

พ่อบ้านยังคงมีความกังวลฉายชัดในสายตาของเขา แต่เขาก็ไม่ได้เซ้าซี้อีก ก่อนเปลี่ยนเรื่อง “อาหารเย็นพร้อมแล้ว ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายตัว จะให้ผมสั่งคนให้ยกขึ้นไปให้คุณบนห้องไหมครับ?”

ฉินซีส่ายหัว “ไม่เป็นไร ฉันจะลงไป”

นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้กินข้าวที่นี่ แม้จะไม่อยากอาหารเลยสักนิด อย่างน้อยก็แค่อยากบอกลาทุกคน

พ่อบ้านยังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เมื่อฉินซีพูดแค่นั้น เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อีก ก่อนจะขอลงไปสั่งการเรื่องตั้งโต๊ะกับข้าวข่างล่าง

ฉินซีไม่ได้รีบลงไปข้างล่าง แต่ไปที่ห้องมืดอีกทางแทน

เพราะว่ามีคนแอบบุกรุกเข้ามา ทำให้มีการผลัดเปลี่ยนเวรยามของบอดี้การ์ดให้มาเฝ้า ดีที่ไม่มีกล้าเข้ามาขยับกล่องต่างๆของเธอ เมื่อตรวจพบแล้วว่าไม่มีการเปิดออกก็ผลักไปอยู่อีกทาง

ฉินซีเดินเข้าไปจัดเรียงสิ่งที่ของที่เกะกะอีกครั้ง หยิบสิ่งที่ไม่สำคัญออกมา และทิ้งกล่องเล็กๆ สองสามกล่อง

ฉินซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกวักมือไปเรียกสาวรับใช้แถวนั้น เธอพูด “ช่วยย้ายกล่องพวกนี้ไปที่รถฉันหน่อย”

ทุกคนพยักหน้ารับคำสั่ง

แต่เมื่อพูดถึงเรื่องรถ เธอก็หวนนึกถึงบ้างสิ่งได้

พวกเขาหย่าร้างกันแล้ว เมื่อตอนแบ่งทรัพย์สินกัน ลู่เซิ่นได้ให้รถคันนี้กับเธอ

เรื่องเงินๆทองๆ ระหว่างเธอกับลู่เซิ่นนั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่เรื่องเดียวที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขคือเธอไม่ได้คืนเงินของลู่เซิ่นเลย

ฉินซียิ้ม

เธอจำสิ่งที่ลู่เซิ่นพูดก่อนหน้านี้ได้

เขาบอกว่าเขาไม่ต้องการให้ฉินซีจ่ายเงินคืนเขาเร็วขนาดนั้น เพราะเขากลัวว่าหลังจากเคลียร์เงินแล้วจะไม่มีความเกี่ยวข้องระหว่างกันอีก

เธอยังคิดว่าตอนนั้นลู่เซิ่นน่าตลกอยู่เลย ความสัมพันธ์ของเขาสองคนนอกจากเงินแล้ว ยังมีสิ่งต่างๆให้จำอีกมากมาย

ไม่คาดคิดว่า ประโยคนี้จะกลายเป็นจริงในที่สุด

เธอถอนหายใจเบาๆ แล้วหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง

คนรับใช้จัดโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆเมื่อเห็นเธอเดินผ่านมา จึงรีบดึงเก้าอี้ออกมาให้เธอพร้อมกับพูด “คนครัวคิดว่าตอนบ่ายคุณไม่ได้ทานอะไรเลย เลยจะทำโจ๊กทะเลให้คุณทานเรียกน้ำย่อยสักหน่อย ป้ากัวไปเรียนสูตรมาใหม่ เลยจะทำให้คุณลองทานครับ”

ฉินซียิ้มบาง ก่อนก้มลงไปชิม

โจ๊กทะเลมีกลิ่นหอมมาก มีเพียงแต่รสสัมผัสกลมกล่อม ไร้ความคาว จากที่ฉินซีไม่รู้สึกอยากอาหารสักนิด แต่หลังจากซดโจ๊ก จนรู้สึกท้องอุ่นขึ้น เธอจึงรู้สึกอยากอาหารขึ้นมาเล็กน้อย

พ่อบ้านจึงเรียกคนให้ยกอาหารขึ้นโต๊ะ

ห้องครัวของรีสอร์ท มีเชฟเฉพาะทางสองกลุ่ม มีที่รับผิดชอบการทำอาหารที่หรูหราสวยงามและยังมีแม่บ้านที่ปรุงอาหารตามรสฉบับดั้งเดิมอีกด้วย

โดยปกติแล้วพ่อบ้านจะถามว่าต้องการอาหารแบบไหน แล้วจึงไปบอกคนครัว แต่วันนี้ดูเหมือนทุกคนจะรู้ว่าความอยากอาหารของฉินซีไม่ดีนัก ทั้งสองฝ่ายเลยทำมื้อพิเศษขึ้นมาให้เธอ

“นี่… …” ฉินซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนหันไปมองแม่บ้าน “ฉันจะกินคนเดียวหมดได้ยังไง นี่มันสิ้นเปลืองเกินไปแล้ว”

พ่อบ้านแค่ยิ้ม “นี่ไม่ใช่คำสั่งของผมหรอกครับ วันนี้เป็นวันที่เชฟจ้าวต้องเป็นคนทำ แต่ไม่รู้ป้ากัวไปได้ยินมาจากใครไม่รู้ว่าคุณไม่ค่อยเจริญอาหาร จึงทำมาให้คุณทาน เรื่องมันก็เลยเป็นแบบนี้”

ฉินซียิ้มอย่างช่วยไม่ได้ หยิบตะเกียบขึ้นมาชิมนู่นนี่ อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าชม

อาหารบนโต๊ะอร่อยมาก ขนาดเป็นเธอที่วันนี้ไม่อยากจะกินอะไร ก็สามารถกินได้เรื่อยๆ

แต่เธอกินไปได้สักครึ่งชามก็หยุด ก่อนวางตะเกียบลง

ทันใดป้ากัวก็เดินออกมา

ป้ากัวเป็นผู้หญิงชาวเหนือทั่วไป เธอดูกระฉับกระเฉง ท่าทีการพูดก็ดูชัดถ้อยชัดคำ เธอเช็ดมือพลางเดินมาสำรวจฉินซี เมื่อพบว่าฉินซีแทบจะไม่แตะจานอาหารบนโต๊ะ แถมเธอยังวางตะเกียบลงแล้ว ป้ากัวอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาทันทีว่า

“คุณผู้หญิง วันนี้รสชาติอาหารไม่ถูกปากหรือคะ?”

ฉินซีส่ายหัว “ไม่เลย อาหารอร่อยมาก แต่ฉันแค่ไม่อยากกินอะไรน่ะ”

ทันใดนั้นสีหน้าของป้ากัวพลันมีความหมายอะไรบางอย่างขึ้นมา ลากนำเสียงยาวขึ้นมา “คุณผู้หญิง ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ ถึงจะไม่อยากทานอะไร ก็ทนฝืนทานหน่อย เดี๋ยวร่างกายจะแย่เอานะคะ”

ตอนแรกที่ฟังฉินซีก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ทันใดเธอก็คิดขึ้นมาได้ ว่าทำไมวันนี้คนครัวถึงคึกคักกัน

จริงๆแล้วพวกเขาคิดว่าที่เธอไม่อยากอาหาร เป็นเพราะ เธอกำลังตั้งครรภ์

นี่ถ้าอยู่ในการ์ตูน บนหัวเธอคงมีเส้นสีดำๆพาดอยู่เป็นแน่

นี่เธอจะไปจากที่นี่แล้วนะ ทำไมถึงกำลังเข้าใจผิดกัน

เธอยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ พลางส่ายหัวและอธิบายว่า “ไม่ใช่ ป้ากัวฉันไม่ได้ ——“

“นี่คุณซ่อนอะไรจากป้าอีกคะ!” ป้ากัวกระแทกแล้วโบกมือไปมา “ป้ารู้ว่าคนอย่างพวกคุณต้องใส่ใจมากค่ะ ไม่ถึงสามเดือนก็ไม่ควรพูดอะไรออกมา ป้าเข้าใจ!”

ใบหน้าของฉินซีแข็งค้าง ใบหน้าของป้ากัวที่พูดว่า “เข้าใจ” ทำให้เธอยิ้มแห้ง

ฉินซีหันไปพูดกับพ่อบ้านว่า “พ่อบ้าน คุณต้องพูดกับฝั่งคนครัวให้เข้าใจ อย่าให้เขาทำงานหนักแบบนี้”

พ่อบ้านยิ้มและพยักหน้า ไม่แน่ใจว่าเขาเชื่อเธอจริงหรือไม่ แต่เขาก็ไม่ได้ดูขัดอะไร

คนรับใช้ทั้งหมดเดินออกไปไม่มีใครอยู่ในห้องอาหาร นอกจากฉินซีและพ่อบ้าน

ฉินซีมองไปรอบ ๆ ห้องอาหาร

การตกแต่งของชิงหยวน แตกต่างจากบ้านอื่น ๆ ในตระกูลลู่ ไม่ใช่สไตล์จีนจ๋าดั้งเดิม แต่เป็นสไตล์ตะวันตกแบบมินิมอล โทนสีหลักเป็นสีขาว มีโต๊ะยาวสีขาววางอยู่ ตรงกลางมีผ้าปูโต๊ะสีขาวดูเรียบง่ายและสง่างาม

เธอยังจำครั้งแรกที่มาที่นี่ ตอนที่มากินข้าวคนเดียวได้

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset