บทที่ 1113 ซับซ้อน
ฉินซีเพิ่งจะโล่งใจที่เธออุตส่าห์แน่ใจแล้วว่าไม่มีใครเข้ามาซ่อนตัวอยู่ภายในห้องนี้
แต่มันไม่ใช่แบบนั้น!
เธอหยุดเดินแทบจะทันที ก่อนจะหันหลังเดินกลับและเดินไปที่ประตู มือสาละวนกดหมายเลขพ่อบ้านบนโทรศัพท์
เสียงของพ่อบ้านแปลกใจเล็กน้อยเมื่อรับโทรศัพท์ “คุณผู้หญิง?”
เขาถึงกับยกมือขึ้นเพื่อดูเวลาบนนาฬิกา
คุณฉินซีขึ้นไปข้างบนเมื่อไม่กี่นาที เธอคงไม่ตื่นเร็วขนาดนี้ หรือว่าเปลี่ยนใจจะลงมาทานอาหาร?
ทว่าน้ำเสียงของเธอดูจริงจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “ไปเรียกบอดี้การ์ดสามคนให้ขึ้นมาข้างบน ฉันจะรออยู่หน้าห้องมืด”
สีหน้าของพ่อบ้านดูตึงเครียดขึ้นมาทันที
เรียกยาม? เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?
เขาไม่กล้าที่จะชักช้า รีบเรียกบอดี้การ์ดสามคนให้รีบขึ้นไปชั้นบนตามคำสั่งของฉินซีทันที
ฉินซียังคงยืนอยู่ที่ประตูห้องด้วยสีหน้ามืดมน
เธอเงยหน้าขึ้นมองคนทั้งสี่ที่วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบด้วยอาการหอบเหนื่อย เธอชี้ไปที่ห้องมืดก่อนพูด “มีคนเข้ามาที่นี่”
บอดี้การ์ดไม่รู้สถานการณ์จริงๆว่าเป็นอย่างไร จึงได้แต่ทำสีหน้างุนงง สีหน้าของพ่อบ้านจึงเปลี่ยนไปแทบจะทันที “เป็นไปไม่ได้ พวกคนงานถ้าไม่ได้รับอนุญาตไม่มีทางที่จะขึ้นมาบนนี้ได้แน่ครับ”
ฉินซีพยักหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย “ฉันรู้ ตอนนี้ฉันแค่สงสัยว่าคงไม่ใช่คนงาน แต่คงเป็นคนอื่น”
สิ้นคำของฉินซี สีหน้าของบรรดาเหล่าบอดี้การ์ดจึงเปลี่ยนทันที
ความหมายของฉินซีคือ… …มีคนนอกบุกรุกเข้ามา?
ระบบรักษาความปลอดภัยของรีสอร์ทชิงหยวนอยู่ในระดับที่เรียกว่าเข้มงวด เพราะว่าลู่เซิ่นไม่ชอบให้นักท่องเที่ยวได้ป้วนเปี้ยนด้วย และเพื่อที่จะปกป้องทรัพย์สินของที่นี่ ทุกปีเขาจึงจ่ายเงินหลายร้อยล้านหยวนกับระบบรักษาความปลอดภัยระดับนี้ ไม่ต้องพูดถึงคนจะเข้ามาได้ แม้แต่ยุงสักตัวก็ยากที่จะบินเข้ามา แล้วแบบนี้ใครมันจะกล้าแอบเข้ามา?
พ่อบ้านขมวดคิ้วมุ่น “คุณผู้หญิง ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อคุณนะครับ แต่ระบบรักษาความปลอดภัยมันไม่มีทางมีช่องโหว่ให้คนนอกแอบเข้ามาแน่นอน มันจะเป็นไปได้ยังไงกันครับ?”
ฉินซีถอนหายใจ ชี้มือไปยังห้องนั้น และพูด“ฉันนึกอะไรบางอย่างออก ก็เลยจะไปห้องนั้นสักหน่อย แต่พอจับโดนลูกบิด ฉันรู้สึกว่ามันอุ่น เหมือนมีใครเพิ่งเข้ามาก่อนหน้านี้ หลังจากฉันเข้าไปดู ก็เห็นว่าโน้ตบุ๊กของฉันมันถูกวางไว้ตรงขยะกองนั้น แต่ฉันไม่ได้เป็นคนเอามาวางไว้แน่นอน”
ใบหน้าของทั้งสี่คนค่อยๆขรึมลงตามคำพูดอธิบายเหตุการณ์ฉินซี
พ่อบ้านตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ก่อนหันไปสั่งการบอดี้การ์ดทันทีว่า “ตอนนี้คุณรีบกลับไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดให้ดีก่อน แล้วเรียกคนมาค้นหาทุกซอกทุกมุมของที่นี่ ส่วนคุณ หาสองคนที่มีประวัติการสืบสวนคดีอาชญากรรมมาตรวจสอบที่นี่อย่างละเอียดอีกครั้ง และคุณคอยคุ้มกันคุณผู้หญิงเอาไว้”
บอดี้การ์ดแยกย้ายกันไปตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย พ่อบ้านมีบางอย่างจะต้องไปกำชับเหล่าคนงาน เขาจึงขอตัวลงไปชั้นล่างชั่วคราว
เมื่อมีบอดี้การ์ดตามประกบ เธอก็ไม่สะดวกที่จะเข้าไปพักผ่อนในห้อง เลยเปลี่ยนไปห้องหนังสือแทน
เธอมาที่นี่ไม่บ่อยนัก แต่คนรับใช้ยังคงมาทำความสะอาดทุกวัน ทั้งโต๊ะและเก้าอี้จึงเป็นระเบียบเรียบร้อย
เธอสั่งให้บอดี้การ์ดทำตัวสบาย ๆ ก่อนตัวเองจะหาโซฟาแล้วนั่งลงเอนกาย ในที่สุดก็มีเวลาว่างที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
เวลานี้แล้ว ลู่เซิ่น จะนอนหรือยังนะ?
ฉินซีถูกเรื่องที่มีคนแอบบุกรุกมารบกวน อารมณ์ดีๆก็หายไปเช่นกัน เธอหยิบโทรศัพท์ก่อนจะคิดสักพักนึง ก่อนจะพิมพ์ไปหาลู่เซิ่นง่ายๆว่า “รถติดมาก กำลังกลับจากชิงหยวน ไปหาอะไรกินก่อนนะ ฉันหิวมาก คุณพักผ่อนเถอะ ตื่นแล้วโทรมาด้วย”
ไม่นานหลังจากกดส่งข้อความไป ไม่คิดว่าลู่เซิ่นจะตอบกลับมาทันที “โอเค คุณรีบไปกินข้าวเถอะ ผมมีข่าวดีจะบอกคุณ พรุ่งนี้ค่อยพูดแล้วกัน”
ฉินซีมองไปยังคำว่า ข่าวดี พลันภายในใจกลับเบาหวิวขึ้นมา
ลู่เซิ่นจะบอกข่าวดีอะไรกับเธอกันนะ?
หรือว่า ในที่สุดเขาตัดสินใจที่จะสารภาพ
ฉินซีพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาอารมณ์ให้มั่นคง แต่ปลายนิ้วที่สั่นกำลังฟ้องว่าทำไม่ได้
สุดท้ายเธอเลยเลือกที่จะตอบไปอย่างสั้นๆง่ายๆว่า “โอเค”
ลู่เซิ่นไม่ได้ตอบกลับ คงจะเข้านอนไปแล้ว
ฉินซีหลับตาลง ก่อนเผยรอยยิ้มออกมา
หรือนี่จะเป็น อา ที่เรียกว่า ทุกขลาภ ของเธอ? นอกจากเรื่องนี้แล้ว เพื่อที่จะให้ลู่เซิ่นสารภาพกับเธอช้ากว่านี้สักหน่อย เพื่อที่จะไม่ให้เธอต้องเผชิญกับความจริงที่โหดร้ายแค่เพียงหนึ่งคืน
ฉินซีดื่มด่ำกับอารมณ์ของตัวเองได้ไม่นานนัก เมื่อสิบนาทีต่อมา พ่อบ้านเข้ามาเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้ามา
“ตรวจตรากล้องทุกตัวภายในบ้านหมดแล้วครับ” พ่อบ้านอยู่ในโหมดที่ดูใจดีแต่แฝงด้วยความ “บอดี้การ์ดได้ค้นหาทุกซอกทุกมุมของบ้านเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่พบร่องรอยของบุคคลภายนอกเลยครับ”
ฉินซีคลายปมคิ้วที่ขมวดมุ่น หัวใจของเธอพลันเต้นสงบลง
ดูเหมือนคนที่แอบเข้ามาจะไม่ได้อยู่ในบ้านแล้ว
“บอดี้การ์ดตรวจสอบห้องมืดแล้วไม่มีรอยนิ้วมือของคนอื่นบนลูกบิดประตู แต่ … มีรอยรองเท้าครึ่งหนึ่งในห้อง”สีหน้าของพ่อบ้านดูเคร่งเครียดขึ้น “เราตรวจสอบแล้วลายรองเท้านี้ไม่ได้เป็นของคนในนี้ มีคนเข้ามาที่นี่จริงๆ”
กล้องวงจรปิดจับไม่ได้ แถมบอดี้การ์ดก็ยังตรวจสอบไม่พบ จริงๆแล้ว จะเป็นใครกัน
วันนี้แอบเข้ามาที่นี่โดยไม่มีใครสังเกตเห็นได้ ครั้งต่อไปก็คงมาอีก เหมือนระเบิดฝังดิน ที่ไม่รู้จะระเบิดตอนไหน
ที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเขาไม่รู้ว่าคนที่เข้ามามีจุดประสงค์อะไร
พวกเขาตรวจสอบภายในบ้านอย่างละเอียด นอกเหนือจากห้องมืดนั้น ก็ไม่มีร่องรอยที่ผิดปกติปรากฏ และไม่มีทรัพย์สินตรงไหนหายไปด้วย ของสะสมที่มีค่าที่สุดของลู่เซิ่นถูกเก็บไว้ในตู้เซฟของธนาคาร แต่พวกของประดับที่วางไว้ตามทางเดินก็มีค่าไม่น้อยเหมือนกัน ถ้า ถ้าจะมาเพื่อขโมยของมีค่าของลู่เซิ่นละก็ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่หยิบอะไรออกไป
แต่ดูเหมือนว่า คนที่แอบเข้ามาก็เพื่อที่จะเข้าไปวางโน้ตบุ๊กของฉินซีไว้ที่ห้องมืด ก็แค่นั้น
แล้วเพื่ออะไร?
ทั้งพ่อบ้านหรือบอดี้การ์ดของเธอต่างก็ไม่เข้าใจกันทั้งนั้น
แม้ว่าโน้ตบุ๊กจะกลายเป็นเบาะแสที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ แต่มันก็เป็นสมบัติส่วนตัวของฉินซี พวกเขาไม่กล้าที่จะไปจับมั่วๆทำได้แค่ส่งไปให้เธอเท่านั้น
พ่อบ้านของเธอหันมาหา ก่อนพูด “ดูเหมือนคนที่แอบเข้ามาก็เพื่อโน้ตบุ๊กของคุณผู้หญิงนะครับ พวกเราไม่กล้าทำอะไร ดังนั้นก็เลยนำมาให้คุณตรวจสอบด้วยตัวเอง มีอะไรที่ไม่เหมือนกัน เราตรวจสอบให้หมดแล้ว ไม่พบเบาะแสอะไร คุณผู้หญิงวางใจได้ว่าจะไม่ทำลายหลักฐานใดใด”
หลังจากที่ฉินซีได้ยินรายงานของพ่อบ้าน พลันเธอก็มีลางสังหรณ์ขึ้นมาในใจ
… …คนที่แอบเข้ามา ดูเหมือนจงใจจะวางโน้ตบุ๊กไว้ในที่ๆเธอสามารถมองเห็น
ในนั้นมีอะไรที่ซ่อนไว้กันแน่
ฉินซีขมวดคิ้ว ก่อนจะเลื่อนมือขยับทัชแพด