บทที่ 1086 สถานการณ์ฉับพลัน
ถังย่ามีความรอบรู้ และรอบคอบ เธอไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุฉุกเฉินเช่นนี้
โชคดีที่ความเป็นมืออาชีพของเธอ ทำให้เธอแทบจะหลุดอาการ ยังคงรักษาสีหน้าสงบ ถือไมโครโฟน และวางแผนที่จะพูด
แต่ฉินซีก็พูดก่อนหน้าเธอ
“ตระกูลลู่ และตระกูลเหยาเป็นเพื่อนกัน” เสียงของฉินซีสงบ “คุณว่าฉันกับตระกูลลู่มีความเกี่ยวข้องยังไงกัน”
ดูเหมือนเธอจะตอบคำถาม แต่ก็ดูเหมือนเธอจะไม่ได้พูดอะไร และคำถามก็ถูกโยนกลับไป
เพื่อนระหว่างตระกูลหรือ
คำตอบว่า เพื่อนระหว่างตระกูล นั้นคลุมเครือเกินไป มันอาจจะใกล้หรือไกล แต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไม ฉินซีถึงได้รับความช่วยเหลือมากมายจากตระกูลลู่
แต่ฉินซีก็พูดเท่านี้ ไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม
การ์ดรีบเดินขึ้นมาจากด้านหนึ่ง และ เชิญนักข่าวที่อาละวาดลงมา
ถังย่าถอนหายใจเบาๆ เมื่อรู้ว่าเธอต้องทำการแถลงอย่างเร่งด่วน สำหรับสถานการณ์นี้
โชคดีที่ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว
“งานแถลงข่าวนี้จบลงที่ตรงนี้ โปรดยืนอย่างเป็นระเบียบ” ในที่สุดถังย่าก็มีโอกาสที่จะจบส่วนที่เหลือ
การถ่ายทอดสดถูกปิดลง และสถานที่จัดงานก็มีชีวิตชีวา ราวกับว่าก้อนหินถูกยกออกจากอก
ผู้สื่อข่าวรีบไปข้างหน้าพยายามปิดกั้นฉินซีบนเวที และถามคำถามของตัวเอง
แน่นอนฉินซีจะไม่ให้โอกาสนี้แก่พวกเขา
บอดี้การ์ดทั้งสองฝั่งหาโอกาสบนเวทีล้อมรอบฉินซีไว้ และป้องกันอย่างเข้มงวด จนฝ่าอุปสรรคมากมายของผู้สื่อข่าว และกลับไปที่ห้องรับรองได้
ภารกิจของฉินซีเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่หน้าที่ของถังย่ายังไม่จบ เธอเดินตามฉินซีที่เพิ่งก้าวเข้าไปในห้องรับรอง แล้วเปิดโทรศัพท์ทันที เริ่มส่งข้อความ
“ตรวจสอบด่วน ว่าเป็นนักข่าวคนไหน จากสำนักไหน ขึ้นแบล็คลิสต์ถาวร”
“ความคิดเห็นของประชาชนตอนนี้เป็นยังไง ส่งข้อมูลมาให้ฉันด้วย”
“ข้างนอกถูกควบคุมไว้หมดแล้ว ผู้สื่อข่าวไปแล้วใช่ไหม พวกเขายังปิดกั้นประตูอยู่หรือเปล่า”
เธอพูดคนเดียว ก็สามารถบอกผลลัพธ์ของคนสิบคนได้
ฉินซีไม่รบกวนเธออีก และก้าวเข้าไปในห้องรับรอง
แต่ฝีเท้าก็หยุดกึก
“ลู่….ลู่เซิ่น” ฉินซีเบิกตาขึ้นด้วยท่าทางไม่เชื่อ “ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่”
คนตรงหน้าเธอ เดินเข้ามาทีละก้าว แต่ฉินซียังคงสงสัยว่าตัวเองมีภาพหลอนหรือไม่
ในที่สุด เธอก็ถูกกอดด้วยอ้อมกอดอันอบอุ่นของลู่เซิ่น ในที่สุดฉินซีก็เชื่อว่านั่นคือลู่เซิ่นที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอจริงๆ
“ลำบากแล้ว” เสียงของลู่เซิ่นดังขึ้นเหนือหัวของเธอ “ผมขอโทษ ผมอยากจะรีบกลับไปอยู่กับคุณ แต่มันก็ยังช้าอยู่หลายก้าว เมื่อผมเข้ามาพวกเขาบอกว่าฝั่งของคุณใกล้จะจบแล้ว มันก็เลยไม่ดีถ้าจะเข้าไปตอนนั้น”
ฉินซีส่ายหัวในอ้อมแขนของลู่เซิ่น “ไม่มีอะไรเลย แค่คุณมาก็ดีมากแล้ว”
ลู่เซิ่นกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลังคนทั้งสองก่อน
“ขอโทษนะคะ แต่ฉันต้องรบกวนพวกคุณจริงๆ”ถังย่าลดสายตาลง แต่ใบหน้าของเธอไม่มีความรู้สึกผิดเลย “มีบางสิ่งที่ฉันต้องการการยืนยันกับคุณ”
ทันใดนั้นฉินซีก็จำได้ว่า เธอดูเหมือนจะบอกถังย่าว่าเธอกับลู่เซิ่นเป็นแค่เพื่อนกัน…
แต่ในตอนนี้ท่านี้ ไม่ได้ดูเป็นแค่เพื่อน
แต่ถังย่าก็ยังคงแสดงความเป็นมืออาชีพที่ยอดเยี่ยม ไม่ได้ถามอะไรมาก เพียงแค่มองไปที่ฉินซี
ฉินซีรู้ว่ามันไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมสำหรับความสนิทสนม หลังจากลังเลอยู่สองสามนาที เธอก็ปล่อยมือของลู่เซิ่นออก “ฉันจะพูดถึงเรื่องนี้เมื่อฉันกลับมา”
ลู่เซิ่นรู้ว่าเธอมีธุระ จึงไม่รบกวน และพยักหน้ารับรู้
ถังย่าและฉินซีเดินไปยังมุมที่ค่อนข้างเงียบสงบ และพูดคุยกันสั้นๆ เกี่ยวกับแผนการปล่อยข่าวที่เตรียมไว้ และฉินซีไม่ได้คัดค้าน
ถังย่าพูดจบ ก็เงียบไปครู่หนึ่ง “คุณกับคุณลู่…”
ฉินซีแทบจะไม่สามารถรักษาความสงบบนใบหน้าไว้ได้ หูของเธอร้อนขึ้นมาเล็กน้อย “ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองซับซ้อนมาก …และตอนนี้ก็เป็นอย่างที่เธอเห็น”
ไม่แปลกเลยที่ถังย่าเป็นนักแถลงอันดับต้นๆ เธอไม่ได้สอบถามเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของลูกค้าเลย เพียง แต่พยักหน้า “โอเค ฉันจะพิจารณาเรื่องนี้ในแผนภายหลัง”
เธอยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก หลังจากพูดแล้ว เธอก็พยักหน้าให้ฉินซีและจากไป ก่อนฉินซีจะทันได้หันกลับมา เธอได้ยินเสียงร้องเรียกดังอยู่ข้างหลังเธอ “ฉินซี เธอกลับมาแล้ว”
ฉินซีหันกลับมา และพบกับอานหยันที่มีท่าทีรีบร้อนอยู่
อานหยันดูกังวลเล็กน้อย และมองสำรวจฉินซี “เธอโอเคมั้ย ฉันได้ว่ามีนักข่าววิ่งขึ้นไป”
ฉินซีถึงกับผงะยิ้มและส่ายหัว “ไม่มีอะไร เขาแค่ยืนถามหน้าโต๊ะแถลง ไม่ได้ขึ้นมา”
อานหยันถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อได้ยินคำพูดนั้น “ฉันคิดว่า … เขาจะรีบวิ่งไปบนเวทีซะอีก ยิ่งช่วงนี้ยิ่งมีข่าวการทำร้ายคนบนเวทีอยู่บ่อยๆ ฉันกลัวว่าจะมีบางคนในตระกูลฉินแอบซุ่มอยู่ และต้องการวุ่นวายกับเธอ”
ฉินซีโบกมือ “คนนั้นจะถูกส่งมาจากตระกูลฉินหรือเปล่า ฉันก็ไม่สามารถบอกได้ แต่ฉันเป็นไร ไม่ต้องกังวล”
อานหยันหยุด และมองพิจารณาเธอ ก่อนจะเงยหน้ามาจ้องเธอ และพบว่าสายตาของเธอเอาแต่มองไปที่อื่น จึงมองไปตามสายตาของเธอ
เมื่อเห็นคนที่เข้ามาใบหน้าของอานหยันก็แสดงความเข้าใจขึ้นมาทันที “ลู่เซิ่นมา เธอเห็นแล้วหรอ”
ฉินซีพยักหน้า “ฉันเห็นทันทีที่เข้ามา”
ความลังเลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอานหยัน แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจพูด
“ฉินซี” อานหยันลดเสียงลง และเดินเข้าไปใกล้ “ในห้องรับรอง เธอสามารถได้ยินเสียงข้างหน้าได้”
ฉินซีหันไปมองอานหยัน ใบหน้าของเธองงงวยเล็กน้อย
“คำถามสุดท้ายของนักข่าว….ลู่เซิ่นได้ยิน” อานหยันพูดขึ้น
ฉินซีเลิกคิ้ว “เหรอ”
อานหยันขมวดคิ้ว ดูเหมือนจะไม่พอใจกับความไม่เข้าใจในความตั้งใจของฉินซี เธอจึงขยับเข้าไปใกล้ “ฉันแค่นั่งข้างๆลู่เซิ่น และเห็นอย่างชัดเจนว่าเขาได้ยินเสียงข้างนอก เขาฟังนักข่าวถามคำถาม แต่ก็ยังนั่งเฉยๆ”
ฉินซีหัวเราะ “ไม่งั้นเธอจะให้เขาทำไง”
อานหยันดูเหมือนจะงงงวยกับท่าทีของเธอ และถอยหลังเล็กน้อย “ฉินซีคำถามที่นักข่าวถามคือ ความสัมพันธ์ของเธอ กับตระกูลลู่เป็นอย่างไร ฉันได้ยินมาไม่ผิดใช่ไหม ถ้าลู่เซิ่นเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสักหน่อย เขาคงไม่นั่งกับที่ ฟังเธอให้สัมภาษณ์นักข่าวไปเงียบๆอย่างนั้น”
“เธอคิดว่าลู่เซิ่นน่าจะทำเหมือนในนิยายทุกเรื่อง ที่จะต้องเขาเปิดประตู และปรากฏตัวในนั้น จากนั้นก็ช่วยฉันแก้ไขสถานการณ์อย่างนั้นหรอ” ฉินซีถามอย่างจริงจัง
อานหยันพยักหน้าทันที “แน่นอน! ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอคืออะไร ไม่ว่าเธอจะตอบยังไงก็ผิดอยู่ดี จะบอกว่าเกาะแข้งเกาะขา หรือจะบอกยังไงก็ไม่มีคนเชื่อ นอกจากจะให้คนของตระกูลลู่มาพูดด้วยตัวเอง ถึงจะทำให้คนเชื่อ”
ฉินซีถอนหายใจเบาๆ “อานหยันเธอเป็นสื่อ เธอรู้ดีว่าประเด็นสำคัญของข่าววันนี้จะเป็นอย่างไร ถ้าลู่เซิ่นปรากฏตัวขึ้น”
อานหยันสะอึก พูดไม่ออกทันที
ฉินซีตอบแทนเธอ “มันจะกลายเป็นเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของฉันกับลู่เซิ่น”