บทที่ 987 บอกว่าไม่ต้องการก็คือไม่ต้องการ
“ทุกคนคงทราบกันดีว่าดิฉันได้แต่งงานกับลู่เซิ่น คนของบริษัทลู่ซื่อโดยเขารู้เรื่องที่ดิฉันได้รับความลำบากใจและการคุกคามจากประธานฉินทั้งหมด ในฐานะที่เป็นสามีของดิฉันเขาจึงไม่สามารถละเลยเรื่องนี้ได้ จึงโจมตีฉินซื่อกรุ๊ปโดยพุ่งเป้าไปยังการแก้แค้น”
ในขณะที่ฉินซีพูดออกมาอย่างเรียบนิ่ง ผู้คนในห้องประชุมต่างเริ่มฮือฮา
หลังจากที่คณะกรรมอดทนกันมานาน ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะต่างคนต่างพูดออกมา
“พุ่งเป้าไปยังการแก้แค้นหมายความว่าอย่างไร”
“ฉินซี อย่างนี้หมายความว่าคุณยอมรับข้อกล่าวหาที่ประธานฉินพูดแล้วใช่ไหม”
“กล่าวอีกนัยหนึ่งคือการที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะบริษัทลู่ซื่ออย่างนั้นเหรอ”
ฉินซีคิดไว้อยู่แล้วว่าปฏิกิริยาของทุกคนจะเป็นแบบนี้ เธอยืนรออย่างใจเย็นเพื่อให้ทุกคนระบายความในใจออกมาจนหมดแล้วจึงเริ่มเอ่ยปาก
“ดิฉันได้พูดไปแล้วว่าดิฉันจะไม่ยอมรับผิดในสิ่งที่ดิฉันไม่ได้ก่อ ดิฉันจะดำเนินการในส่วนที่ดิฉันรับผิดชอบเท่านั้น ที่ดิฉันพูดว่าพุ่งเป้าไปที่การแก้แค้น หมายความว่าบริษัทลู่ซื่อพุ่งเป้าไปยังการถอนเงินลงทุนและเข้าร่วมการประมูลโครงการตึกแฝดค่ะ”
สีหน้าของทุกคนดูสับสนราวกับถูกฉินซีทำให้เวียนหัว
แท้จริงแล้วเธอต้องการสื่ออะไรกันแน่ ในตอนแรกเธอใช้ความพยายามอย่างมากในการอธิบายว่าตนเองไม่ใช่คนที่ทำให้ข้อมูลรั่วไหล แต่มาตอนนี้กลับยอมรับว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องในการที่บริษัทลู่ซื่อเข้าร่วมการประมูลโครงการตึกแฝด เธอทำแบบนี้เพื่ออะไร
ฉินซีมองดูท่าทางของเหล่าคณะกรรมการก็รู้ว่าบรรลุเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้แล้ว เธอค่อยๆลดสายตามองต่ำ “ ฉินซึ่งเทียนพยายามก้าวก่ายเรื่องของฉันหลายต่อหลายครั้ง แม้กระทั่งใช้วิธีการบังคับให้ฉันต้องหย่ากับลู่เซิ่น หากมองในมุมพ่อและลูกสาว ดิฉันยังพอจะทนไหว แต่ลู่เซิ่นไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นเข้ามาก้าวก่ายกับชีวิตการแต่งงานของเขาได้ ดังนั้นเมื่อเขารู้ข่าวการประมูลโครงการตึกแฝดของฉินซื่อกรุ๊ปก็รีบชิงโปรเจคนี้ไปเป็นของบริษัทลู่ซื่อ”
ทันทีที่พูดจบ ทุกคนต่างพากันช็อค
——บังคับให้ฉินซีต้องหย่ากับลู่เซิ่น ฉินซึ่งเทียนช่างหน้าไม่อายเสียจริงๆ
——ชีวิตการแต่งงานของลู่เซิ่นถูกก้าวก่าย มิน่าล่ะเขาถึงต้องแก้แค้น
เรื่องใหม่ๆผุดขึ้นมาเรื่อยๆ กรรมการแต่ละคนราวกับว่ากำลังปูเสื่อรอดูดราม่า จนลืมไปหมดแล้วว่าพวกเขานั้นก็มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ด้วย
ฉินซึ่งเทียนกัดฟันแน่น หันไปมองฉินซีด้วยความโกรธ “ฉินซี ฉันขอเตือน คณะกรรมของฉินซื่อกรุ๊ปไม่สามารถทนฟังเรื่องไร้สาระแบบนี้…”
ฉินซีไม่สนใจเขาและยังคงพูดต่อไป “ในสมัยโบราณมีคำกล่าวไว้ว่า ‘ข้ามิได้ฆ่าป๋อเหริน แต่ป๋อเหรินตายเพราะข้า’ แม้ว่าการประมูลโครงการตึกแฝดของบริษัทลู่ซื่อจะเป็นการตัดสินใจของลู่เซิ่นเองทั้งหมด โดยที่ดิฉันไม่ทราบเรื่องอะไรเลย แต่เมื่อดิฉันได้มาวิเคราะห์ดูแล้วจุดเริ่มต้นก็มาจากตัวดิฉันเองดังนั้นดิฉันจะไม่หนีและจะชดใช้ด้วยความรับผิดชอบที่เหมาะสมค่ะ”
ฉินซึ่งเทียนหาโอกาสพูดแทรกขึ้น เขายิ้มเย้ยหยัน “เธอจะรับผิดชอบอย่างไร ตอนนี้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปกำลังประสบปัญหาใหญ่ หรือเธอจะไปพูดโน้มน้าวให้ลู่เซิ่นปล่อยโปรเจคโครงการตึกแฝดแล้วเอากลับมาหรือไง”
เขาพูดลอยๆเพราะคิดว่าฉินซีคงจะเมินคำพูดเขาเหมือนอย่างเคย โดยคาดไม่ถึงว่าครั้งนี้เธอจะหันมาแล้วพูดด้วยท่าทีจริงจัง “สำหรับโปรเจคโครงการตึกแฝดแล้ว ดิฉันไม่สามารถจริงๆ แต่…การที่ดิฉันยังคงอยู่ในฉินซื่อกรุ๊ปต่อไป เกรงว่าลู่เซิ่นคงจะไม่เลิกแก้แค้นไปง่ายๆ ดังนั้นดิฉันขอลาออกจากตำแหน่งผู้ถือหุ้นด้วยความสมัครใจค่ะ”
เมื่อเธอจบดวงตาของทุกคนก็เบิกกว้าง
แม้แต่ฉินซึ่งเทียนเองก็แสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมาและอดไม่ได้ที่จะถาม “เธอพูดอะไรออกมา จะทำอะไรกันแน่”
ฉินซีหันกลับมาพูดกับทุกคน “หากมีคนยินดีที่จะรับหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของดิฉัน ดิฉันก็ยินดีที่จะลาออกจากการเป็นกรรมการในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปค่ะ”
เธอพูดซ้ำอย่างชัดเจน แต่สายตาของทุกคนกลับรู้สึกไม่กล้าที่จะเชื่อ
ทุกคนรู้ดีว่าฉินซีต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการนำหุ้นคืนมาได้สำเร็จและกลับสู่ฉินซื่อกรุ๊ป จะเป็นไปได้อย่างไรที่บอกว่าไม่ต้องการจะแปลว่าไม่ต้องการจริงๆ
แม้แต่ ฉินซึ่งเทียนก็คิดเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนอย่างที่ฉินซีคาดไว้ แต่กลับขมวดคิ้วเป็นปม “เธอคิดจะทำอะไรกันแน่”
ปล่อยหุ้นในมือไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ ท้ายที่สุดแล้วเธอมีแผนอะไรซ่อนอยู่
แต่นั่นยังดี ไม่ใช่ว่าฉินซีไม่เตรียมการอะไรเลย เธอยิ้มจางๆ “ประธานฉินและคณะกรรมทุกท่านคะ ดิฉันไม่ใช่คนที่ดีเด่นอะไร หากดิฉันยังคงอยู่ในบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปและถือหุ้นต่อไป ดิฉันจะทุ่มเทสุดความสามารถอย่างแน่นอน แต่วันนี้ดิฉันรู้แล้วว่าดิฉันไม่สามารถแสดงความบริสุทธิ์ให้แก่ตัวเองได้ หากวันใดที่ดิฉันมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับลู่เซิ่น ประธานฉินและทุกท่านก็จะต้องตั้งข้อสงสัยเช่นนี้ขึ้นอีก อีกทั้งประธานฉินก็จะหาเหตุผลต่างๆโดยสร้างความเดือดร้อนให้แก่ดิฉัน ดังนั้นเพื่อประโยชน์แก่ตนเองและเพื่อทุกท่านแล้ว ดิฉันจึงตัดสินใจเช่นนี้ค่ะ ”
หลังจากที่เธอพูดจบ คิ้วของฉินซึ่งเทียนก็ค่อยๆคลายปมออก
สิ่งที่เขาได้ยินนั้นก็คือ เพราะฉินซีละอายใจแกตนเองที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโปรเจคโครงการตึกแฝด จึงขอลาออก
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกต่อไป
เขาเชิดปลายคางขึ้น การแสดงออกที่ดูเย่อหยิ่งกลับมาอีกครั้ง “เธอต้องการขายหุ้น?”
ฉินซีพยักหน้า
ฉินซึ่งเทียนเลิกคิ้วขึ้น “เธอคิดว่าจะขายราคาเท่าไหร่”
ฉินซีตอบอย่างเรียบนิ่ง “ราคาตลาด”
ฉินซึ่งเทียนยิ้มเยาะ “ฉินซี การจากไปของเธอมันช่างน่าเศร้าจริงๆ ทำไมถึงหวังว่าตัวเองจะสามารถขายหุ้นในราคาที่สูงได้อีกล่ะ”
กลยุทธ์การแสดงความเห็นใจของฉินซึ่งเทียนเป็นประโยชน์เสมอเพราะอาศัยเขาเป็นเครื่องมือในการระงับข่าวในเชิงลบทั้งหมด ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปยังคงมีแนวโน้มที่มั่นคงและอยู่ในระดับที่สูง
แม้ว่าคนอื่นๆจะไม่เข้าใจ แต่ฉินซึ่งเทียนนั้นรู้ดีว่าอัตราการพัฒนาของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปกับราคาหุ้นในตอนปัจจุบันนั้นไม่ตรงกันอย่างสิ้นเชิง
ฉินซีต้องการขายหุ้นขนาดใหญ่ที่อยู่ในมือออกไปโดยเมื่อแปลงแล้วก็ถือว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อย
แต่ฉินซียังพูดไม่จบ เธอหันไปมองฉินซึ่งเทียนและค่อยๆหันกลับมามองทุกคน ใช้น้ำเสียงที่ทุกคนคุ้นหูพูดกับฉินซึ่งเทียนว่า “ประธานฉิน ซื้อหุ้นของดิฉันไป ไม่เพียงแต่หมายถึงเงินปันผลยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ยังหมายถึงผู้ถือหุ้นสูงเป็นอันดับสองของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปอีกด้วย ทุกท่านคิดว่านี่มันไร้ค่าเหรอคะ”
ทันทีที่เธอพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของทุกคนต่างแสดงความสนใจ… ฉินซีพูดสิ่งที่อยู่ในใจของพวกเขาออกมา
สีหน้าของฉินซึ่งเทียนเปลี่ยนไป
ตามหลักโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป เขาและฉินซีครอบครองนั้นเป็นหุ้นหลัก ส่วนคนที่เหลือต่างเป็นหุ้นที่กระจัดกระจายกันไป ไม่มีผลต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมากนัก
แต่หากมีใครซื้อหุ้นไปจากฉินซีก็จะสามารถเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปไปโดยปริยายและหากซื้อหุ้นที่กระจัดกระจายของคนอื่นๆไปด้วยอีกล่ะก็ นี่อาจเป็นการคุกคามต่อตำแหน่งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเขา
ฉินซึ่งเทียนค่อยๆขมวดคิ้ว
เขาไม่สามารถทนให้อำนาจการบริหารฉินซื่อกรุ๊ปต้องตกไปเป็นของผู้อื่นได้อย่างแน่นอน