บทที่ 985 เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ
ฉินซีหัวเราะออกมาเบาๆ เธอเออก็ขี้เกียจเกินกว่าจะมัวเสียเวลากับเขา
ทันใดนั้นเธอหันหน้าไปทางหซู่หนาน “ ผู้จัดการหซู่คะ พวกคุณตัดสินใจเรื่องการประมูลโครงการตึกแฝดกันเมื่อไหร่คะ”
หซู่หนานไม่รู้สาเหตุของคำถาม เขาเหลือบมองฉินซึ่งเทียนพลางตอบด้วยความลังเล “…เมื่อวันที่ 18”
“นอกเหนือจากการประชุมในครั้งนี้แล้ว พวกคุณได้หารือเกี่ยวกับปัญหาการประมูลเมื่อไหร่คะ” ฉินซีถามอีกครั้ง
หซู่หนานมองไปที่ ฉินซึ่งเทียนอีกครั้ง สีหน้าของฉินซึ่งเทียนดูตึงเครียด แต่ไม่มีท่าทีว่าจะให้เขาหยุด หซู่หนานจึงตอบออกมาด้วยเสียงเบา “นอกจากการประชุมสาธารณะในครั้งนั้น รายละเอียดของการเสนอราคาได้เป็นการหารือส่วนตัวระหว่างผม ท่านประธานฉินและผู้จัดการสองสามท่านครับ”
“นั่นหมายความว่าไม่มีการหารือในที่ประชุมสาธารณะใช่ไหมคะ” ฉินซียังคงตั้งคำถาม
หซู่หนานพยักหน้า
ฉินซียังคงถามต่อไป “มีรายงานการประชุมไหมคะ”
หซู่หนานกำลังจะตอบ แต่ถูกฉินซึ่งเทียนขัดจังหวะ “ฉินซี! การประชุมวันนี้ก็เพื่อถอดเธอออกจากตำแหน่ง หยุดถ่วงเวลาด้วยการตั้งคำถามไร้สาระได้แล้ว”
ฉินซีที่ถูกขัดจังหวะไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใด เธอหันหน้าไปมองฉินซึ่งเทียน “ทำไมประธานฉินไม่ให้ผู้จัดการหซู่ตอบคำถามนี้ล่ะคะหรือว่าเกิดรู้สึกละอายใจขึ้นมา ”
ฉินซึ่งเทียนที่ถูกพูดแทงใจดำ เลยก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาพูดดังขึ้น “ฉันแค่ไม่อยากให้เสียเวลา… ”
“อย่างนั้นผู้จัดการหซู่ก็รีบตอบสิคะ” ฉินซีพูดแทรกขึ้นอย่างนิ่งๆพลางหันหน้าไปทางหซู่หนาน “ตอนนี้ประธานฉินกำลังเสียเวลาอยู่นะคะ”
ฉินซึ่งเทียนนิ่งไปชั่วขณะ เห็นว่าหซู่หนานไม่มีทางเลือกจึงพยักหน้าให้กับเขา “มีครับ มีรายงานการประชุม”
ฉินซีหัวเราะเบาๆ เธอยืนตรงหันหน้าไปทางกรรมการ “ทุกท่านคะ ฉินซึ่งเทียนยังคงยืนกรานจะโยนเรื่องการเสนอราคาประมูลโครงการตึกแฝดให้กับฉัน ฉันทำได้แค่หาหลักฐานเพื่อมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของฉัน”
ผู้ถือหุ้นทุกท่านต่างสงสัย :จะมีหลักฐานได้อย่างไร
ฉินซีกล่าวต่อ “ในเมื่อมีรายงานการประชุม ทุกท่านสามารถไปตรวจสอบได้ ซึ่งในรายงานการประชุมไม่มีชื่อของดิฉันอย่างแน่นอน ถ้าชื่อของดิฉันอยู่ในรายงานการประชุม ดิฉันมีสิทธิ์ที่จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดใต้ตึกบริษัทเพื่อพิสูจน์ว่าวันนั้นดิฉันไม่ได้มาที่ฉินซื่อกรุ๊ปและไม่เคยเข้าร่วมการประชุม ดิฉันไม่เคยเข้าร่วมทั้งการประชุมในครั้งนี้และการประชุมหารือแยก ดังนั้นดิฉันไม่ทราบเรื่องการประมูลโครงการตึกแฝด เป็นเช่นนี้แล้วจะเปิดเผยความลับให้แก่บริษัทลู่ซื่อ จนทำให้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแพ้การประมูลได้อย่างไร”
สิ่งที่เธอพูดออกมานั้นล้วนมีเหตุผลรวมกับท่าทางที่แน่วแน่ของเธอ ผู้ถือหุ้นที่ตั้งข้อสงสัยในตัวเธอจากคำพูดของฉินซึ่งเทียนก็เริ่มรู้สึกลังเล ต่างพากันหันไปมองที่ฉินซึ่งเทียนเพราะอยากฟังคำอธิบายจากเขา
เมื่อฉินซึ่งเทียนได้ยินฉินซีถามเกี่ยวกับรายงานการประชุม ก็รู้ทันทีว่าเธอจะบอกว่าเธอไม่เคยเข้าร่วมการประชุม เขาจึงคิดจะกลับไปแก้รายงานการประชุมโดยแอบเพิ่มชื่อเธอลงไป แต่การปลอมแปลงข้อมูลในกล้องวงจรปิดนั้นค่อนข้างลำบาก คิ้วของเขาขมวดเป็นปม พยายามคิดหาวิธีใหม่
“ตอนนั้นเธอมีประชุมทางไกลหรือเปล่า อาจจะมีวิธีอื่นที่จะรู้เรื่องการประมูลโครงการตึกแฝดก็ได้นี่ อาศัยแค่รายงานการประชุมหรือกล้องวงจรปิดอย่างเดียวเห็นทีคงจะไม่ได้” ฉินซึ่งเทียนพูดอย่างเย็นชา
ฉินซียิ้ม “ประธานฉินตัดสินใจจะโยนความผิดให้ฉันจริงๆใช่ไหมคะ”
ท่าทีของฉินซึ่งเทียนกลับสู่สภาวะปกติ “ฉินซี หยุดเล่นลิ้นเสียทีเถอะ ข่าวการประมูลของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ถ้าเธอไม่ได้รู้มาจากการประชุม อย่างนั้นแล้วมีคนอื่นบอกเธอหรือไง นี่มันไม่สำคัญหรอกนะ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ แล้วจะอธิบายเรื่องที่จู่ๆบริษัทลู่ซื่อก็เข้าร่วมประมูลโครงการตึกแฝดว่าอย่างไร”
ฉินซีหัวเราะออกมาเบาๆ “คุณต้องการหลักฐานสินะคะ”
เมื่อฉินซึ่งเทียนเห็นท่าทางของเธอก็รู้ได้ทันทีว่าเธอต้องเตรียมการมาเป็นอย่างดี เขาลอบขมวดคิ้ว “เธอมีหลักฐานอะไรก็เอาออกมา”
ฉินซีหันกลับมาพร้อมกับยื่นแฟลชไดรฟ์ในมือให้ เลขาต่งหลังจากนั้นไม่นานข้อมูลสองอย่างก็ปรากฏบนหน้าจอขนาดใหญ่
ฉินซีค่อยๆเดินไปที่ด้านข้างจอโปรเจคเตอร์ “ทุกท่านเชิญชมได้เลยค่ะ ด้านนี้เป็นข้อมูลที่เปิดเผยหลังจากการประมูลสำเร็จของบริษัทลู่ซื่อ ส่วนด้านนี้เป็นข้อมูลการประมูลของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมีปัญหาอะไร เพียงแค่ทุกท่านดูก็จะพบคำตอบ”
เมื่อนำข้อมูลทั้งสองอย่างวางคู่กัน ไม่เพียงแต่ฉินซึ่งเทียนเท่านั้น สีหน้าของกรรมการด้านล่างก็ดูจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เพราะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า การเสนอราคาของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปนั้นดีกว่ามาก
“ถ้าดิฉันเป็นคนเปิดเผยเรื่องการประมูลของฉินซื่อกรุ๊ปจริงๆล่ะก็ เป็นไปไม่ได้เลยที่ดิฉันจะบอกเพียงว่าบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปต้องการเสนอราคาดังกล่าวและไม่ได้พูดถึงสิ่งที่สำคัญอย่างใบเสนอราคาและปล่อยให้บริษัทลู่ซื่อประมูลไปในราคาที่สูงเช่นนี้”
คณะกรรมการบางคนอดไม่ได้ที่จะถาม “แต่ว่า… ราคาประมูลของบริษัทลู่ซื่อไม่ใช่ราคาที่ดีที่สุด แล้วทำไมถึงไม่เลือกบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปล่ะ”
ฉินซียิ้มพลางตั้งคำถามกลับ “ได้เปรียบทางด้านราคา คือความได้เปรียบทั้งหมดแล้วเหรอคะ”
คณะกรรมท่านนั้นพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ในความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าราคาของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปจะทำให้ได้สัมปทานที่ค่อนข้างสูง แต่ก็ถือว่ายังเป็นมือใหม่ในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการก่อสร้างอาคารและบริการหลังการขาย ล้วนแต่ไม่มีวิธีใดที่จะให้หลักประกันได้อย่างเต็มที่
แต่กลับกัน บริษัทลู่ซื่อที่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำอยู่แล้ว เพียงแค่นำสัญลักษณ์ของบริษัทลู่ซื่อออกมา นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ
ฉินซึ่งเทียนคาดไม่ถึงว่าฉินซีจะนำข้อมูลส่วนนี้มาเปิดเผยในครั้งนี้ คิ้วของผูกเป็นปมแน่น
เพราะเขาประมาทเกินไป
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยปากออกมา “ข้อมูลที่เธอเอามามันมีประโยชน์อะไร ที่พิสูจน์ได้มากที่สุดคือเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการประมูลของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเลยก็เท่านั้น และแม้ว่าเธอจะไม่รู้เรื่องการประมูลของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป แต่เธอก็ยอมรับออกมาแล้วนี่ว่าการที่บริษัทลู่ซื่อเข้าร่วมการประมูลโครงการตึกแฝด มันก็เป็นเพราะเธอไม่ใช่เหรอ ”
ฉินซีส่ายหัว “ประธานฉินคงจะแก่มากแล้วสินะคะ ลืมแม้กระทั่งสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดไปตอนแรกนี่เอง”
เพราะคำพูดถากถางที่ดูสดใสของเธอ ทำให้ฉินซึ่งเทียนโกรธจัด “ฉินซี!”
แต่ฉินซีไม่สนใจสีหน้าใดๆของเขา หันกลับไปพูดกับคณะกรรมการท่านอื่นๆ “แม้ว่าประธานฉินจะความจำไม่ดี แต่ทุกท่านก็คงไม่ได้บกพร่องเหมือนกับเขานะคะ ตอนที่การประชุมเพิ่งเริ่มขึ้น ประธานฉินแทบจะกัดฉันไม่ปล่อย พูดว่าฉันเป็นคนนำเรื่องการประมูลโครงการตึกแฝดไปบอกแก่บริษัทลู่ซื่อ จนทำให้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปต้องสูญเสียโปรเจคใหญ่นี้ไป จนตอนนี้ดิฉันได้ไขข้อสงสัยจนกระจ่างแล้วว่าดิฉันไม่ใช่คนเปิดเผยข้อมูลการประมูลของบริษัท แต่เขาก็ยังคงไม่ปล่อย ทำแบบนี้ไม่น่าเกลียดไปหน่อยเหรอคะ”
ฉินซึ่งเทียนหัวเสีย “ฉินซี!บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปและบริษัทลู่ซื่อไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ บริษัทลู่ซื่อจะเข้ามาแทรกแซงได้อย่างไร”
สีหน้าของเขาดูดุร้าย แต่สีหน้าของเธอยังคงสงบนิ่ง ราวกับว่าทั้งสองคนอยู่กันคนละโลก
“เพราะฉัน?” ฉินซีหัวเราะออกมาเบาๆ “ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ใช่เพราะคุณหรอกเหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณกัดฉันไม่ปล่อย สร้างอุบัติเหตุทางรถยนต์เพราะหวังจะเอาชีวิตฉัน ลู่เซิ่นก็คงไม่ใจร้ายกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแบบนี้หรอก”
ทันทีที่เธอเอ่ยถึงเรื่องนี้ สีหน้าของฉินซิงและฉินเฉิงก็เปลี่ยนไป
แต่ฉินซึ่งเทียนเพิกเฉยต่อสายตาที่ส่งมาเป็นเชิงขอความช่วยเหลือของทั้งสองคน สีหน้าโกรธจัดของเขาค่อยๆผ่อนคลายลง