บทที่ 975 เบาะแส
ฉินซีค่อยๆขมวดคิ้ว
คำพูดของเหยาหมิ่นเหล่านี้ ความหมายที่บอกเป็นนัยๆมันช่างลึกซึ้งเกินไปแล้ว…………
ลู่เหวยก็ก้มหน้าลง “ขณะนั้นจู่ๆฉันก็ได้รับข่าวสารตั้งมากมาย และไม่ค่อยตื่นตัวด้วยแหละ เพราะฉะนั้นจึงไม่พบความต้องการของเธอ…….”
ฉินซีผายมือ “ไม่โทษท่านหรอกคะ”
นับเวลาดู ตอนที่เหยาหมิ่นไปหาลู่เหวย น่าจะเป็นเวลาที่เธอเป็นไข้แล้วอยู่ที่บ้านตระกูลฉินตั้งหลายวัน ที่แท้ตอนนั้น เธอก็มีความคิดที่จะฆ่าตัวตายแล้ว
อาจจะเป็นตอนที่หลังจากลู่เหวยออกไป เธอถึงค่อยกลืนยานอนหลับลงไป
ถ้าให้พูดจริงๆ ฉินซีที่หลบหนีความจริงมาตั้งหลายวัน ไม่ได้ไปเยี่ยมเยียนเธอเลย ก็ใช่ว่าจะไม่มีความรับผิดชอบ
แต่ว่ายังดีนะหลังจากนั้นเธอรีบไปโรงแรมที่เหยาหมิ่นพักอยู่ ช่วยเธอลงมา
เพียงแต่ว่าไม่ได้ช่วยแม่ไว้อย่างสิ้นเชิง……..
ฉินซีส่ายหน้าเบาๆ ไม่อยากให้ตัวเองจมอยู่ในอารมณ์ที่ติดลบ
ลู่เหวยก็ก้มหน้าดื่มกาแฟ กระแอมคอ “แต่ว่า ฉันมาหาหนูในวันนี้ ไม่ใช่เพื่อมาอธิบายกับหนูเรื่องพวกนี้ ฉัน……พบอะไรบางอย่าง จะบอกกับหนู”
ฉินซีเงยหน้าขึ้นมามองเขา
สีหน้าลู่เหวยเข้มงวดมาก เสียงก็กดให้ต่ำลงมากๆ “เหยาหมิ่นเคยพูดกับหนู ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น ใช่รึเปล่า?”
ฉินซีพยักหน้า “ต่างจากที่แม่บอกกับท่านไม่มากนัก”
“เพราะฉะนั้น” ลู่เหวยเม้มปาก” ทีแรกฉันก็สงสัยมาก รูปถ่ายที่เธอถูกจับได้ว่ามีชู้ซึ่งนอนอยู่บนเตียงเหล่านั้น แค่ถูกคนใส่ร้ายเท่านั้น”
ฉินซีพยักหน้า ความคิดของเขาแตกต่างจากตัวเองไม่มาก
ลู่เหวยพูดต่ออีกว่า” แม่หนูพูดว่าไม่ให้ฉันสืบ แต่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะไม่สนใจเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นตามความคิดนี้สืบหาต่อไปเถอะ ถ้าหากสามารถสืบปัญหาของรูปถ่ายพวกนี้ได้ ถ้าอย่างนั้นมลทินในตัวเหยาหมิ่นก็สามารถลบล้างจนหมดสิ้นไป”
มีหน้าของฉินซีก็ค่อยๆเข้มงวดขึ้นมา มือทั้งคู่ประสานกัน” ท่าน……..สืบหาเบาะแสได้หรือยัง? “
ลู่เหวยส่ายหน้าเบาๆ” หลังจากแม่ของหนูจากไป ฉันคิดหาวิธีสืบคดีนี้มาโดยตลอด แต่ว่าสูหยิงจ้องจับตาฉันอย่างไม่ให้คลาดสายตา เพราะฉะนั้นการพัฒนาจึงหยุดชะงักไปนานมาก และฉันก็หาต้นตอไม่เจอสักที”
ระหว่างคิ้วของฉินซีมีความผิดหวังเล็กน้อย แต่ว่าลู่เหวยกลับไม่ได้หยุดนิ่ง” จนถึงเมื่อไม่นานมานี้ ข่าวการค้าขายผิดกฎหมายของบริษัทจ้าวซื่อที่ผลิตยาถูกรายงานออกมา พูดถึงเรื่องนี้กับเพื่อนที่เคยตกปลาด้วยกันบ้างเป็นบางครั้ง ฉันถึงได้รู้ว่า เป็นโรงแรมเดียวกัน”
ฉินซีได้ยินเขาพูดถึงบริษัทจ้าวซื่อ กลุ้มใจทันที คิดว่าเขารู้เรื่องที่ตัวเองทำ แต่ว่าได้ยินเขาเปลี่ยนคำพูด เหมือนกับไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ถึงฟังต่อไปอย่างสบายใจ
” บังเอิญจัง เพื่อนฉันคนนั้นก่อนหน้านี้ได้ไปมาหาสู่กับเจ้าของโรงแรมบ้าง ก่อนที่จะเปลี่ยนเจ้าของโรงแรมนั้นพอดี” ลู่เหวยเปิดมือถือออกมาหารูปถ่ายออกมานึงใบ วางไว้ตรงหน้าฉินซี “ฉันรู้สึกว่า ตัวเขาน่าจะสืบเรื่องอะไรได้บ้าง”
ฉินซีก้มหน้าดูรูปถ่ายไปด้วย และคิดไปด้วยอยู่หลายวินาที
จริงๆ ถ้าหากตอนนั้นฉินซึ่งเทียนจะเล่นตุกติก เป็นไปไม่ได้ที่จะอ้อมไปทางเจ้าของโรงแรม มีความเป็นไปได้สูงมากว่าเขาอาจจะถามได้เรื่องได้ราวอะไรบ้าง…….
รูปถ่ายไม่มีอะไรพิเศษ ก็แค่รูปถ่ายธรรมดาหลังจากที่ประชุมธุรกิจเสร็จสิ้น นับถอยหลังแถวที่สองมีคนคนนึงถูกวงกลมไว้ คิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของโรงแรม
น่าเสียดายรูปถ่ายที่เป็นรูปหมู่แบบนี้คุณภาพต่ำมาก คนคนนั้นก็ยืนอยู่แถวหลัง เพราะฉะนั้นจึงเห็นได้ไม่ชัดเจน
“แต่ว่าเพื่อนฉันคนนั้นเคยเจอกันที่ห้องประชุมครั้งเดียวเท่านั้น นอกจากให้รูปถ่ายใบนี้กับฉันก็ไม่ได้ให้เบาะแสที่สำคัญอะไรเลย” ลู่เหวยเอามือถือกลับมา แล้วก็เปิดเอกสารข้อความนึงออกมา และยื่นออกไป “แต่ว่าฉันตามรูปถ่ายใบนี้ ตรวจเอกสารที่ประชุมในตอนนั้น” หาข้อความของคนคนนี้ออกมาเรียบร้อยแล้ว”
ฉินซีดูตัวหนังสือที่ง่ายๆแค่ไม่กี่บรรทัดในเอกสารข้อความ
เห้อเสียง เพศชาย สี่สิบสองปี คนในประเทศ เจ้าของโรงแรมเก่าเหม่ยหลิน
หัวใจของเธอค่อยๆเต้นแรงมากขึ้น
……….. ไม่แน่ ในตัวเขา มีทางออกของปัญหาทุกอย่าง
เสียงของลู่เหวยมีความเสียใจเล็กน้อย” แต่ว่าฉันได้ทันสืบพบแค่นี้เอง เดิมที….. ฉันกะจะสืบหาให้ชัดเจนด้วยตนเอง ค่อยติดต่อหนู คิดไม่ถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา ถึงแม้พูดว่ารูปถ่ายของฉินซึ่งเทียนปลอมขึ้นมาเอง จุดนี้สูหยิงก็ได้เชื่อไปแล้ว แต่ว่าเรื่องที่ฉันไปเชงเม้งเรื่องนี้ เป็นความจริง เพราะฉะนั้นสูหยิงจึงยังสงสัยฉันอยู่ วันข้างหน้าเธอจะต้องจับตาดูฉันให้เข้มงวดกว่านี้แน่นอน เพราะฉะนั้นฉันไม่มีหนทางแล้ว ได้แต่บอกกับหนูล่วงหน้าก่อน หวังว่าหนูจะสืบต่อไป แน่นอน ฉันก็จะไม่ล้มเลิกอยู่แล้ว มีข่าวคราวแล้วก็ เราแจ้งให้ทราบซึ่งกันและกันนะ ได้รึเปล่า? “
ฉินซีเงยหน้าขึ้นมามองเขา น้ำเสียงจริงจัง” ขอบคุณท่าน”
ลู่เหวยส่ายหน้า” ฉันไม่ได้ทำตามที่เธอพูด ดูแลหนูเป็นอย่างดี ทำได้แค่เรื่องเหล่านี้”
ฉินซียิ้มแย้ม” ไม่นะคะ ท่านสืบพบเหล่านี้ออกมา ก็คือการดูแลที่ดีที่สุดสำหรับหนูแล้วคะ”
ลู่เหวยก็ยิ้มแย้มตาม เพียงแต่ว่าในรอยยิ้มของเขาเหมือนมีความหมายอื่นแฝงอยู่ แต่ว่าฉินซีไม่ได้ถาม
บันทึกข่าวคราวที่ลู่เหวยให้มาเรียบร้อยแล้ว ฉินซีถึงนึกขึ้นได้ว่า “คุณนายลู่เธอ…… ให้อภัยท่านแล้วหรือยังคะ?”
ความจริงนับๆดู เธอไม่มีสิทธิ์ถามคำถามนี้แล้วนะ เพราะยังไงซะหลังจากหย่าขาดกับลู่เซิ่นเรียบร้อย เธอกับตระกูลลู่ก็ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้ว
แต่ว่าลู่เหวยก็ยังตอบกลับอยู่ดี เขาตอบกลับอย่างยิ้มแย้มปนขมขื่น “วันแรกที่ฉันเข้าไปในห้องผู้ป่วย เธอไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดีก็ตีจนฉันออกมาทีเดียวเลย วันที่สองฉันอธิบายดีๆ เธอเหมือนจะหายโกรธแล้ว แต่ว่าก็ยังไม่ให้ฉันเข้าไป เช้าวันนี้ฉันเข้าไปทานอาหารเช้าในห้องผู้ป่วย เธอไม่ได้ว่าอะไรแล้ว นิสัยสูหยิงดื้อรั้นนัก รู้ว่าตัวเองถูกฉินซึ่งเทียนหลอก ก็ไม่ยอมก้มหน้าขอโทษ ฉันต้องปูทางดีๆ เกลี้ยกล่อมสักหน่อย เธอถึงยอมหายโกรธ”
ฉินซีมองดูรอยยิ้มของเขาถึงแม้จะขมขื่น แต่ว่าในสายตาไม่มีอะไรที่ไม่ยอมจำนน ก็เลยยิ้มแย้มตาม” ถ้าอย่างนั้นท่านต้องลำบากสักหน่อยแล้ว”
ต่างจากชะตาชีวิตที่น่าอนาถของเหยาหมิ่น หรือว่าเรื่องราวตาลปัตร ตระกูลลู่ต้องการจัดการให้ได้ ลู่เหวยจึงพลิกผันได้มาพบกับสูหยิง และกลับเป็นคนที่เหมาะสมกับเขาที่สุดคนนั้น
ลู่เหวยฟังออกว่าเป็นคำพูดที่ล้อเล่น ส่ายหน้าพูดต่อว่า “ก็ไม่ได้ลำบากอะไร”
ฉินซีเห็นว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว จึงลุกขึ้นมาบอกลา
ลู่เหวยลุกขึ้นมาส่งเธอ
“วันข้างหน้า….. ต่อให้ไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกันแล้วก็ตาม หนูก็เห็นฉันเป็นอาวุโสของหนูได้นะ มีเรื่องอะไร มาหาฉันได้ทุกเมื่อ” ลู่เหวยพูดเสียงเบา
ใบหน้าของเขาอบอุ่นกว่าลู่เซิ่นเยอะเลย บวกกับสีหน้าที่ใจดี เป็นผู้อาวุโสที่หน้าตาใจดีทีเดียวจริงๆ
ฉินซีไม่ปฏิเสธ” แน่นอนค่ะ”
หลังจากพูดกันอย่างเปิดเผย ความรักอันซับซ้อนที่ฉินซีมีต่อลู่เหวยนั้นได้กลายมาเป็นความซาบซึ้งใจที่ง่ายๆเสียแล้ว
ขอบคุณเขาในยามที่เหยาหมิ่นต้องการความช่วยเหลือสุดๆเขาปรากฏตัวอยู่ข้างๆเธอ ขอบคุณเขาที่ให้เบาะแสสำคัญเช่นนี้ และขอบคุณเขาหลังจากที่เหยาหมิ่นจากไปแล้ว…… ก็ไม่เคยลืมเธอ
ตอนที่ฉินซีหันหลังและกะจะเดินออกไปนั้น จู่ๆก็คิดออกคำถามนึงขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“หลังจากที่แม่หนูแต่งงาน ท่านก็เจอกับแม่แค่ไม่กี่ครั้ง ใช่ไหมคะ?”
ลู่เหวยไม่อาจเข้าใจ ได้แต่พยักหน้า
ฉินซีสงสัยเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นท่านรู้ได้ยังไงคะ ว่าแม่ชอบที่สุดก็คือลูกบอลลายปัก?”