บทที่ 914 ประหลาด ๆ
เนื่องจากยังเป็นเวลาเช้าอยู่ ที่ลานจอดรถจึงไม่มีคนอื่นอยู่เลย ฉินซีมองไปรอบ ๆ ชัดเจนแล้วว่าเธอจะต้องขึ้นลิฟต์ตัวนี้ไปพร้อมกับหลี่เหวยเพียงลำพัง
เธอรู้สึกไม่ยินยอมเล็กน้อย
ไม่ใช่เพราะว่าเธอกลัวหลี่เหวย เพียงแต่รู้สึกเบื่อ
หลี่เหวยกับฉินซึ่งเทียนไม่ต่างอะไรกับผีเน่าโลงผุ ทั้งสองคนมีนิสัยและบุคลิกที่คล้ายกันมาก โดยเฉพาะเรื่องการชอบเล่นลูกไม้ หรือการทำเลว ๆ
และสิ่งที่ฉินซีรังเกียจที่สุดคือการทำอะไรแบบนั้น
ทว่าเธอไม่ทันได้มีโอกาสถอยไปรอลิฟต์ตัวถัดไป…เพราะหลี่เหวยมองเห็นเธอแล้ว
“ฉันก็ว่าอยู่ว่าเป็นใคร ที่แท้ก็เป็นคุณนายลู่นี่เอง”
ทันทีที่หลี่เหวยเปิดปากก็พ่นอะไรประหลาด ๆ ออกมา
พยักหน้าอย่างเย็นชา
เธอไม่คิดจะสนใจเจ้าหล่อนแม้แต่น้อย ราวกับว่าหลี่เหวยเป็นเพียงก้อนโคลนใต้เท้าเธอ
หลี่เหวยกัดฟันแน่นทันทีที่เห็นสีหน้าเหยียดหยามของเธอ แต่ก็คิดว่าอีกเดี๋ยวก็จะเริ่มประชุมแล้ว จึงข่มอารมณ์แล้วกลืนคำพูดทั้งหมดลงไป
เมื่อคนสองคนเข้าไปในลิฟต์ ฉินซีก็เดินไปที่ตำแหน่งทางด้านหลังอย่างระมัดระวัง หลี่เหวยเป็นคนกดปุ่มเลือกชั้น จึงรู้สึกว่าตนเองถูกฉินซีปฏิบัติเหมือนเป็นคนรับใช้ เธอรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดก็อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว “อย่างที่คิดไว้จริง ๆ พอได้เป็นคุณนายลู่นาน ๆ เข้าแล้ว มารยาทก็ลืมไปหมดแล้วสินะ”
ฉินซีเหลือบมองเธอแล้วหัวเราะเบา ๆ
“เธอพูดเรื่องมารยาทกับฉันอย่างนั้นเหรอ ฉันก็แค่รู้สึกว่าเธอมีค่าพอแค่กดลิฟต์ให้ฉันก็เท่านั้น ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมนี่ ”
“แก!” หลี่เหวยกับฟัน ตอนที่เธอกำลังจะพูดอะไรประตูลิฟต์ก็ค่อย ๆ เปิดออก
“เก็บทักษะการเล่นละครของคุณเอาไว้ก่อนเถอะ อีกสักพักค่อยเอาออกมาแสดง”
ฉินซีพูดออกมาอย่างเย็นชาพลางก้าวเท้าเดินออกจากลิฟต์
ข้างในห้องประชุมมีคนนั่งอยู่ไม่น้อยแล้ว
ตอนที่ฉินซีเปิดประตูเข้ามา ทันใดนั้นภายในห้องก็เงียบลงไปชั่วขณะ
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เธอ
เธอไม่แม้แต่จะรู้สึกกลัว ทั้งยังมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างเปิดเผย
ในกลุ่มคณะกรรมการมีคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ไม่น้อย คุณป้ากับคุณลุงที่จ้างคนมาลักพาตัวเธอไปเมื่อไม่กี่วันก่อนก็นั่งอยู่อีกฝั่งอย่างหน้าด้าน ๆ
เมื่อเห็นฉินซีเดินเข้ามาแล้ว ทั้งสองคนก็หันไปสบตากัน จากนั้นก็ก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว สีหน้าแฝงไปด้วยความหวาดผวา
แม้แต่คนประเภทนี้ก็ยังมีอยู่ในกลุ่มคณะกรรมการ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตอนนี้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปถึงได้ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่แบบนี้
ฉินซีแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นพวกเขา จากนั้นก็นั่งลงบนที่นั่งว่างอีกด้านหนึ่ง
บรรยากาศในห้องประชุมดูเหมือนจะเย็นลง
ฉินซีไม่สนใจว่าคนอื่นจะรู้สึกอึดอัดอย่างไร เธอเอาแต่ก้มหน้าเปิดโทรศัพท์
หลังจากที่คิดอยู่พักหนึ่งเธอก็ส่งข้อความหาลู่เซิ่น
“ฉันมาถึงบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปโดยสวัสดิภาพ”
หลังจากที่เธอส่งข้อความเสร็จถึงได้รู้สึกตัวว่าความจริงแล้วตัวเองไม่จำเป็นต้องทำเรื่องแบบนี้เลย
ทว่าข้อความถูกส่งออกไปแล้ว จะกดลบก็ไม่มีประโยชน์อะไร ฉินซีไม่ใช่คนที่ชอบเสแสร้งทำตัวว่าตัวเองเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป จึงกดปิดเสียงแล้วนำมันกลับไปวางบนโต๊ะ
มีการเคลื่อนไหวที่บริเวณประตู
เมื่อเห็นคนที่เข้ามาแล้วพวกคณะกรรมการต่างก็ลุกขึ้นกล่าวทักทาย “ประธานฉิน”
ทว่าฉินซีกลับนั่งอยู่บนเก้าอี้ของตัวเองไม่ยอมขยับพลางจ้องมองทุกคนอย่างเย็นชา
เมื่อมองเห็นท่าทีประจบประแจงของคนพวกนี้แล้ว ฉินซีก็เดาได้ทันทีเลยว่าบรรยากาศปกติภายในบริษัทเป็นอย่างไร
แต่เธอไม่คิดจะเป็นหนึ่งในนั้นหรอกนะ
ดังนั้นเธอจึงก้มหน้าลงและตั้งสมาธิกับการเล่นปากกาในมือ
ด้วยเหตุนี้การเคลื่อนไหวของเธอจึงโดดเด่นเป็นอย่างมาก
ฉินซึ่งเทียนขมวดคิ้วพลางกวาดตามอง จึงมองเห็นฉินซีที่นั่งอยู่บนที่นั่งอย่างไม่รู้จักมารยาท
เธอก้มศีรษะลงเพื่อเล่นกับปากกาในมืออย่างตั้งใจ และดูเหมือนว่าจะสนใจปากกาด้ามนั้นมากกว่าเขาเสียอีก
และเขายังรู้สึกได้ถึงสายตาของทุกคนที่มองเขาสลับกับมองฉินซี
การประชุมผู้ถือหุ้นครั้งก่อนเขาถูกฉินซีหักหน้ากลางสาธารณชน ถึงแม้ว่าครั้งนั้นทุกคนจะแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่ในใจของพวกเขาจะต้องกำลังแอบรอชมเรื่องสนุกอย่างแน่นอน
ดูสิว่าเขาจะถูกฉินซีตบหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือว่าท้ายที่สุดแล้วจะสามารถกลับมาอย่างสง่าผ่าเผย
ฉินซึ่งเทียนมองว่าหน้าตาใหญ่กว่าท้องฟ้ามาตลอด สิ่งที่เขารับไม่ได้ที่สุดก็คือการถูกคนอื่นดูถูก เขาก็กระแอมเบา ๆ วางแผนจะให้ทุกคนตำหนิฉินซี ทว่ากลับถูกฉินซีแย่งชิงหัวข้อสนทนาไป
“นี่เป็นครั้งแรกในการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการของฉัน ฉันไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ที่แท้การเปิดประชุมคณะกรรมการก็เหมือนกันกับการเปิดประชุมชั้นเรียนสมัยประถม ไม่ต่างอะไรกันเลยสินะ” ฉินซียิ้มแล้วมองไปรอบ ๆ “หลังจากที่คุณครูประจำชั้นเข้ามา ทุกคนก็ต้องยืนขึ้นทำความเคารพ”
ประโยคคำถามนี้นับรวมทุกคนที่อยู่ในที่นี้ไปด้วย เธอไม่กลัวว่าจะต้องผิดใจกับใครทั้งนั้น ยังคงมองทุกคนด้วยรอยยิ้ม
ฉินซึ่งเทียนถูกดักทางจนพูดไม่ออก เขาจึงรีบเดินไปประจำตำแหน่งของตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปิดไมโครโฟน “เริ่มประชุมได้”
ฉินซีเหลือบมองไปรอบ ๆ ก็พบว่าหลี่เหวยไม่ได้อยู่ที่นี่ จึงรู้สึกอดสงสัยไม่ได้
เธอไม่เชื่อว่าหลี่เหวยจะยอมพลาดโอกาสนี้ แต่เธอไม่รู้ว่า..แท้จริงแล้วในผลน้ำเต้าของหลี่เหวยใส่ยาอะไรลงไปกันแน่
เธอคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ก็เลยถือโอกาสทำใจให้สงบแล้วหันกลับไปตั้งใจฟังคำพูดของฉินซึ่งเทียน
…
ตามกระบวนการแล้ว ในฐานะประธานกรรมการฉินซึ่งเทียนควรจะแนะนำฉินซีที่เพิ่งเข้ามาใหม่ให้ทุกคนรู้จัก แต่เขากลับข้ามขั้นตอนนี้ไปโดยไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกันแน่
ฉินซีเองก็ไม่ได้ใส่ใจ ถึงอย่างไรในที่นี้ก็ไม่มีใครฉันไม่รู้จักเธอ
“ความจริงแล้วในไตรมาสนี้บริษัทกำลังพบกับปัญหาบางอย่าง” ฉินซึ่งเทียนชี้ไปที่จุดหักมุมบนจอโปรเจคเตอร์ “แต่ความยากลำบากนี้ไม่ใช่ว่าจะจัดการไม่ได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ เธอว่าอย่างนั้นไหมฉินซี”
ฉินซีที่อยู่ ๆ ก็ถูกเรียกชื่อเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย “สร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์อย่างนั้นเหรอ”
ฉินซึ่งเทียนยกยิ้มเย็นชา “บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเป็นบริษัทที่รับผิดชอบการนำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างประเทศ หลายสิบปีมานี้ได้รับความร่วมมือจากบริษัทลู่ซื่ออย่างใกล้ชิดสนิทสนม บริษัทลู่ซื่อใช้ช่องทางทางการค้าที่แข็งแกร่งเปิดช่องทางการค้าขายให้กับพวกเราไม่น้อย ทว่าในไตรมาสนี้บริษัทลู่ซื่อที่เซ็นสัญญาร่วมมือกับพวกเรามาอย่างยาวนานกลับปฏิเสธที่จะต่อสัญญา”
ความหมายที่แอบซ่อนอยู่ในคำพูดของเขาก็คือเรื่องที่บริษัทลู่ซื่อไม่ต่อสัญญานั้นเกี่ยวข้องกับฉินซี
ฉินซึ่งเทียนมองฉินซีที่ไม่ปรากฏอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้าก็ลอบกัดฟันแน่น
ตั้งแต่ฉินซีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาก็ไม่สามารถติดต่อกับฉินซีกับลู่เซิ่นได้ เขาทำแม้กระทั่งไปพบกับเพื่อนของฉินซี แต่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำให้เขาติดต่อกับฉินซีได้
หลังจากที่เสียเงินกู้ก้อนนั้นไป ฉินซึ่งเทียนก็รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เดิมทีเขาคิดว่าลู่เซิ่นจะต้องตอบโต้อย่างดุเดือดเพื่อเป็นการต้อนรับ คิดไม่ถึงเลยว่าลู่เซิ่นจะไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง ทว่าหลังจากที่สัญญาสิ้นสุดลง กลับโทรศัพท์มาบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่าจะไม่ต่อสัญญาแล้ว
การสูญเสียการร่วมมือเหล่านี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร เพียงแต่การลงมือช้า ๆ จนทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทันทีต่างหากที่ทำให้เขาทุกข์ใจ
ฉินซึ่งเทียนคิดว่าตัวเองเข้าใจการวางตัวของลู่เซิ่นดี นี่ไม่ใช่วิธีการแก้แค้นของเขาอย่างแน่นอน
เขาอกสั่นขวัญแขวนอยู่นาน แต่พอพบว่าอีกฝ่ายไม่แก้แค้นแล้ว ฉินซึ่งเทียนจึงรู้สึกโล่งใจ
เขาไม่รู้ว่าลู่เซิ่นทำแบบนี้เพราะอะไร ทั้งยังก็ขี้เกียจที่จะเดาแล้ว
ถ้าไม่ใช่ฝีมือของลู่เซิ่น ก็ต้องเป็นความตั้งใจของฉินซี
ในเมื่อเป็นความคิดของฉินซี ถ้าอย่างนั้นฉินซึ่งเทียนก็ไม่รู้สึกกลัวแล้ว ต่อมาที่เขาพยายามติดต่อฉินซี ก็เพราะอยากจะเตือนเธอว่าเลิกก่อเรื่องได้แล้ว
ดังนั้นฉินซึ่งเทียนจึงตั้งใจเน้นย้ำเรื่องนี้ในที่ประชุมคณะกรรมการเป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่เพื่อที่จะฉีกหน้าของฉินซีเท่านั้น ยังต้องการทำให้คณะกรรมการทุกคนในที่ประชุมรู้ว่าฉินซีไม่ใช่คณะกรรมการที่จะคิดเพื่อประโยชน์ของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป
ถึงแม้ว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นจะลงมติให้เธอเข้า แต่การประชุมคณะกรรมการก็มีวิธีที่จะทำให้เธอออกไป