flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 888 เดินก้าวหนึ่งนับก้าวหนึ่ง

บทที่ 888 เดินก้าวหนึ่งนับก้าวหนึ่ง

ฉินซีรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ไม่รู้จะตอบอะไรในชั่วครู่นั้น

ทำไมเธอไม่ถามคำถามนี้ก่อน ก็ตกลงกับเขาไปก่อนแล้ว!

การไปเห็นหซู่เป่ยไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเธอ ในแง่หนึ่งคือความสัมพันธ์ของเขากับหซู่หนานนั้นใกล้ชิดเกินไป เธอไม่ค่อยอยากยุ่งเกี่ยวกับหซู่เป่ยมากนัก อีกแง่หนึ่งคือ……ครั้งก่อนเรื่องที่เธอแอบถ่ายภาพ หซู่เป่ยทำให้เขาถูกข่มขู่รีดไถเพิ่งจะผ่านมาไม่ ถ้าทั้งสองมาเจอกัน อาจไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่

อานหยันก็ยุ่งมาก ติดต่อฉินซีโดยไม่คิดอะไรมาก หลังจากที่เธอพูดขึ้นมา ก็จำได้ว่า “เรื่องรีดไถครั้งก่อน……เขารู้ไหมว่าคุณเป็นคนยุยง?”

ฉินซีครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้สักครู่ ตอบอย่างไม่แน่ใจว่า “หซู่หนานรู้ว่าฉันเป็นคนถ่ายภาพ งั้นเขา……ก็คงจะรู้แหละมั้ง?”

ทางฝั่งอานหยันเงียบไป

ฉินซีพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เอางี้ เธอหาคนก่อน ถ้าหาช่างภาพคนอื่นได้ยิ่งดี ฉันจะไปที่นั่นด้วย ถ้าหาไม่ได้จริงๆละก็……ก็คงต้องลุย เดินก้าวหนึ่ง นับก้าวหนึ่งละกัน”

อานหยันไม่มีวิธีอื่นเหมือนกัน ก็เลยตกลง

ฉินซีวางโทรศัพท์ หันหน้ากลับมา ก็ถึงบริษัทลู่ซื่อแล้ว ลู่เซิ่นกลับนั่งอยู่ข้างๆไม่ลงรถ

“คุณจะไปถ่ายภาพให้หซู่เป่ย?” ลู่เซิ่นถามตรงๆ

ฉินซีรู้ว่าขานั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินชัดเจนหมดแล้ว หลบๆซ่อนๆกลับไม่มีความหมาย ก็เลยพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “ทางอานหยันมีธุระด่วนนิดนึง ฉันจะไปช่วยเธอบ้าง”

สายตาของลู่เซิ่นหนักอึ้ง “คุณ……จะไปช่วยอานหยัน”

ฉินซีเอียงคอ ถามกลับ “ไม่งั้นล่ะ?”

ลู่เซิ่นไม่ตอบ เพียงแค่จ้องมองตาของเธอ ราวตอบจะขอคำตอบผ่านสายตาเธอว่ากำลังโกหกอยู่หรือเปล่า

ฉินซีก็ปล่องให้เขามองอย่างใจกว้าง

สุดท้ายลู่เซิ่นละสายตาจากเธอก่อน พูดน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณไปเถอะ”

พูดเสร็จ เขาก็เปิดประตูรถออกแล้วเดินจากรถ

ฉินซีไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้เขาโกรธอีกแล้ว ยักๆไหล่

อานหยันส่งที่อยู่มา เธอไม่ได้กลับไปเฝ้าลู่เซิ่นอีก เอามือถือออกมา ยื่นหน้าไปบอกกับคนขับรถ “รบกวนส่งฉันไปที่นี่หน่อยค่ะ”

คนขับรถไม่กล้าละเลยเธอ สตาร์ทรถออกทันที

ฟังเสียงเครื่องยนต์ที่ไปไกล สีหน้าของลู่เซิ่นยิ่งอยู่ยิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่

……

สตูดิโอถ่ายภาพอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมือง ฉินซีใช้เวลาไม่นานก็มาถึงแล้ว

เมื่อเธอลงจากรถเธอก็เห็นอานหยันที่รอเธออยู่ที่หน้าประตู

“กว่าเธอจะมา!” ทันทีที่อานหยันเห็นเธอ ก็วิ่งเข้าไปจับมือเธอ “ผู้จัดการของหซู่เป่ยจะบ้าอยู่แล้ว”

ฉินซีโบกมือ “ไม่แน่ดูรูปภาพที่ฉันถ่ายเสร็จ ผู้จัดการอาจโกรธมากกว่านั้น”

อานหยันตบที่ไหล่เธอ “ฉันเชื่อใจเธอ! ไม่เป็นแบบนั้นหรอก!”

ฉินซีถูกไล่เหมือนเป็ดให้ขึ้นคอนผลักเข้าไปในสตูดิโอ

ทุกคนในสตูดิโอเงยหน้าขึ้นมามองเธอพร้อมกัน

ตามที่อานหยันพูด ในสตูดิโออยู่ในสภาพชะงักงันทุกคน ทุกคนกระจัดกระจายเป็นสองสามกลุ่ม พวกเขาดูเหมือนไม่มีงาน เมื่อมีคนเข้ามา ทุกคนก็จะมองไป

ฉินซีจำใจต้องเดินเข้ามา

เธอไม่ได้มาที่สตูดิโอแบบนี้บ่อยนัก โชคดีที่เธอไม่ได้ขาดประสบการณ์ พอจะรู้ว่าอุปกรณ์พวกนั้นมีไว้เพื่ออะไร

อานหยันผลักเธอไปกลางสถานที่ และแนะนำเธอเสียงดัง “ฉันจะแนะนำคุณให้ทุกคนรู้จัก ช่างภาพที่ฉันเชิญมา ฉินซี เธอจะรับผิดชอบงานปกในครั้งนี้”

เสียงปรบมือดังมาจากทุกทิศทาง แต่สายตาของทุกคนกลับไม่ได้เป็นมิตร

ฉินซีเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ช่างภาพที่ถ่ายภาพทิวทัศน์ แต่ในหมู่ช่างภาพที่ถ่ายภาพดารา กลับไม่มีชื่อนี้

ดังนั้นพวกเขารู้สึกสงสัยเล็กน้อย ก็เป็นปกติ

สีหน้าผู้จัดการของหซู่เป่ยยิ่งมืดมิดราวกับก้นหม้อ

ผู้จัดการนามสกุลเฉิน นิสัยไม่ค่อยดี ภายใต้ก็ได้นำพาหซู่เป่ยเซเลปดังคนนี้คนเดียว แน่นอนว่าต้องดูแลปกป้องเอาใจใส่เต็มตัว

เดิมทีหซู่เป่ยก็ถือว่าเป็นเซเลปดังคนหนึ่ง เรื่องที่ช่วยเหลือคนอื่นก่อนหน้านี้ได้ดึงดูดความรู้สึกดีมากมาย

ตามความดังของหซู่เป่ยแบบนี้ ไม่ใช่ช่างภาพที่ไหนก็จะสามารถมาถ่ายได้

เขาเดินขึ้นไปสองสามก้าว แล้วถามอานหยันโดยตรงว่า “ตอนเซ็นสัญญาช่างภาพที่พูดถึงไม่ใช่คนนี้! ที่ฉันตกลงถ่ายปกนี้เพราะเห็นแก่หน้าของช่างภาพในครั้งนี้เท่านั้น! คนนี้เธอไปหามาชั่วคราวจากไหน? ถ่ายเป็นจริงเหรอ?”

อานหยันได้แค่หัวเราะตาม “ผู้จัดการเฉิน ช่างภาพที่เซ็นสัญญาก่อนหน้านี้ผิดสัญญากะทันหัน ภายหลังดราจะตามเรื่องให้ แต่กว่าพวกฉันจะเชิญให้หซู่เป่ยมาถ่ายปกให้เรา สำหรับซีซั่นนี้เราไม่ได้เตรียมแผนสำรองไว้ด้วย พวกเราไม่มีทางหาคนมาแทนที่ได้ เรื่องที่ผิดสัญญาพวกเราคอยมาคุยกันทีหลัง ตอนนี้ให้ช่างภาพถ่ายรูปสักสองสามภาพ ถ้าคุณไม่พอใจจริงๆ ฉันค่อยหาคนอื่น ได้ไหม?”

อานหยันวางตัวได้ต่ำมาก ผู้จัดการเฉินปฏิเสธไม่ลง เพราะยังไงท้ายที่สุดเขายังคงต้องร่วมมือกับนิตยสาร ถ้าทำให้ความสัมพันธ์มันไม่ดี เขาทำได้เพียงทำเสียงดัง โบกมือ “เธอหานางแบบสักสองสามคนให้เธอถ่านดู แล้วฉันจะดูผลลัพธ์ก่อนที่จะตัดสิน”

อานหยันรีบขยิบตาให้ฉินซีที่อยู่ข้างๆ ให้เธอรีบไปเตรียมตัว

ฉินซีจนใจ เดินเข้าหาอุปกรณ์

โชคดีที่อานหยันเตรียมพร้อมได้ดี รู้ว่าเลนส์ของเธอไม่เหมาะสำหรับการถ่ายใบหน้าคน จึงเตรียมการเลนส์ถ่ายภาพบุคคลแบบมืออาชีพไว้ล่วงหน้า ฉินซีเดินไปที่ตำแหน่งของตัวเอง ลองถ่ายภาพดูเล่นสักภาพ พอปรับตัวเข้ากับกล้องได้ หันหน้าทำสัญลักษณ์มือให้อานหยันเพื่อแสดงว่าตัวเองพร้อมแล้ว

อานหยันผลักนางแบบที่อยู่ข้างตัวเองไปคนหนึ่ง ยืนกลางสตูดิโอ

ตอนนี้ฉินซียังไม่รู้ว่าธีมของปกครั้งนี้เป็นธีมอะไร แต่พอมองไปรอบๆ การจัดแต่งของการถ่ายนี้ดูเรียบง่าย ฉากสีขาว เก้าอี้สูงเรียบง่าย ในใจก็พอรู้บ้าง

ยิ่งฉากที่ดูเรียบง่ายมากเท่าไหร่ ช่างภาพก็จำเป็นต้องสำรวจเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนางแบบเองมากขึ้นเท่านั้น

เธอ……ไม่ถือว่ามีความมั่นใจ

แต่แม้ว่าในใจแอบกลัวๆเล็กน้อย เธอก็ทำได้เพียงเก็บความกลัวนี้ไว้ในใจ แสดงท่าทีที่นิ่งเข้าไว้ แล้วส่งสัญญาณบอกนางแบบ “เธอไปนั่งที่เก้าอี้ ทำท่าสบายๆหน่อย หันหน้ามามองกล้อง”

เธอไม่สามารถปล่อยไก่ได้ ถ้าหากเธอมีปัญหา อานหยันอาจหาช่างภาพไม่ได้อีกแล้ว ผู้จัดการเฉินคนนั้นดูอึดอัดไม่น่าเล่นด้วยขนาดนั้น คงไม่ยอมรออีกต่อไปแน่นอน งั้นปกครั้งนี้ของ หซู่เป่ยอาจจะถ่ายยากจริงๆ

นางแบบเป็นมืออาชีพ เธอทำตามคำแนะนำของฉินซีโพสต์ท่าเสร็จ ฉินซีปรับกล้องไปทีหนึ่ง แล้วถ่ายภาพชุดแรกออกมา

“โอเค ตอนนี้เธอเปลี่ยนอีกท่าหนึ่ง เธอ——”ฉินซีกำลังจะให้นางแบบเปลี่ยนท่าต่อ ข้างหลังกลับมีเสียงลอยมา

“ช่างภาพมาแล้ว……ทำไมไม่แจ้งให้ผมมาถ่าย?”

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset