บทที่ 875 ปิดบัง เก็บเป็นความลับ
หซู่หนานเพิ่งจะคิดเกี่ยวกับการติดต่อตระกูลฉิน หลี่เหวยก็หาวิธีการมาให้ เขารีบตอบทันที“ถึงแล้วถึงแล้วครับ คุณป้าครับ ฉินหว่านเธอ……โอเคไหมครับ?”
เมื่อตอนที่เขาออกมา เห็นได้ชัดว่าฉินหว่านเหมือนจะเป็นประสาทแล้ว ยังไงก็เป็นคนที่เคยอยู่ด้วยมาหนึ่งปี หซู่หนานก็ยังคงเป็นห่วงเธอ
ทางด้านหลี่เหวยไม่ได้พูดอะไรแล้ว เพียงแค่ถอนหายใจออกมายาวๆ
หัวใจของหซู่หนานถูกปลุกขึ้นในทันที“คุณป้าครับ?ฉินหว่านยังโอเคไหมครับ?”
หลี่เหวยใช้เวลานานกว่าจะตอบ“หว่านหว่านขังตัวเองไว้ในห้อง แล้วเอาแต่ร้องไห้ ใครเรียกก็ไม่สนใจ”
หซู่หนานขมวดคิ้ว“ฉินหว่านเธอ……”
“หซู่หนาน”หลี่เหวยขัดจังหวะการพูดของเขา แล้วถามอย่างห้วนๆ ว่า“เธอเป็นคนพูดว่าเลิกกับฉินหว่านใช่ไหม?”
หซู่หนานลังเลอยู่สองสามวินาที และก็ยอมรับ“……ครับ”
หลี่เหวยถอนหายใจออกมาอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานก็ถามอีก“น้าถามหน่อยได้ไหม ว่าเธอทำไมถึงต้องเลิกกับหว่านหว่าน?”
หซู่หนานสามารถสารภาพกับฉินหว่าน ว่าเขายังมีความรู้สึกต่อฉินซีอยู่ แต่ไม่มีทางที่จะพูดเรื่องนี้กับหลี่เหวยได้ จึงทำได้เพียงแค่พูดอย่างคลุมเครือว่า“ผมแค่คิดว่า……ไม่ควรจะหยุดเธอไว้……”
โทนเสียงของหลี่เหวยเปลี่ยนไป เมื่อฟังดูแล้ว น้ำเสียงดูรุนแรงขึ้นเล็กน้อย“หซู่หนาน ฉันคิดว่าเธอเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมาโดยตลอด ถึงได้วางใจยกเรื่องดูแลบริษัทให้เธอ แต่เมื่อดูจากตอนนี้ เธอทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยนะ”
ในใจของหซู่หนานรู้สึกหนาวเย็นทันที
เขาเกือบลืมไปแล้วว่า ตอนนี้ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป และในความเป็นจริง ทั้งหมดมาจากฉินหว่าน เขาถึงได้รับมันมา
ในตอนนั้น หลี่เหวยมีความคิดที่จะรวบรวมความคิดและจิตใจของหซู่หนาน จึงไม่ไปขัดขวางการคบหากันของฉินหว่านและหซู่หนาน และกลับกัน ยังสนับสนุนเดทให้ทั้งสองคนด้วย แล้วของให้หซู่หนานลาออกมาที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป เพื่อให้เขาค่อยๆ ได้รับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงอีกด้วย
ดังนั้นหซู่หนานจึงเติบโตสูง แม้ว่าจะอายุยังน้อย และเขาไม่สามารถทำมันได้อย่างแน่นอน หากไม่มีตัวเอกที่อยู่เบื้องหลังอย่างหลี่เหวย
แต่ความหมายที่หลี่เหวยหมายถึงในตอนนี้ เป็นไปได้ไหม ที่จะยึดทุกอย่างกลับคืนมา?
หซู่หนานกำหมัดแน่น อย่างไม่รู้ตัว
หากสิ่งที่เคยมี แล้ววันใดวันหนึ่งสูญเสียมันไป ก็จะทำให้เสียดายเป็นอย่างมาก
คำประณามของหลี่เหวย ยังคงดำเนินต่อไปทางโทรศัพท์“……หซู่หนาน อย่าโทษว่าฉันพูดไม่ดีเลยนะ ในตอนนั้นเธอพูดว่าจะรับผิดชอบหว่านหว่าน ฉันถึงยอมยกลูกสาวให้เธอ ตอนนี้เธอก็มาพูดเสียเวลาอะไร ตอนนี้รู้สึกเสียเวลา มันไม่สายไปหน่อยเหรอ?เธอได้เสียเวลาของฉินหว่านไปแล้วหนึ่งปี!เวลาที่มีค่าของเด็กสาวในหนึ่งปีนี้ เธอจะชดเชยมันยังไง?”
หลี่เหวยเหมือนจะมีเหตุผลที่ถูกต้อง ทำให้หซู่หนานเงยหัวไม่ขึ้น เขาลังเลที่จะพูด“ไม่ใช่นะครับ คุณป้า ตอนเช้าผมใจร้อนนิดหน่อยครับ……”
หลี่เหวยพูดเข้าประเด็น“เธอพูดว่าอะไรนะ?ตอนเช้าเธออะไร?”
หซู่หนานพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะทำให้เสียงของเขาฟังดูจริงใจมากขึ้น“เมื่อเช้าผมหุนหันไปหน่อย แล้วพูดกับฉินหว่าน……ไม่ได้พูดจากใจจริง คุณป้าครับ ช่วยผมขอโทษกับฉินหว่านหน่อยนะครับ !”
เมื่อหลี่เหวยได้ยิน ก็รู้ได้ทันทีว่า หซู่หนานเสียใจแล้ว และรอยยิ้มเยาะเย้ยก็ปรากฏบนใบหน้าของเธอ
เป็นจริงอย่างที่คิดไว้ ด้วยการคุกคามเพียงเล็กน้อย เขาก็จะยอมประนีประนอมด้วย
แต่น้ำเสียงของหลี่เหวยยังคงแข็งกร้าว“ฉันได้พูดไปหมดแล้ว ฉินหว่านขังตัวเองไว้อยู่ในห้อง ไม่เจอใคร ฉันก็หมดหนทางที่จะบอกเธอ”
หซู่หนานลังเลอยู่สักพัก ถึงได้พูดออกมา“งั้นผม……จะเข้าไปขอโทษเธอในวันหลัง”
หลี่เหวยไม่ปริปากพูดว่าถูกไม่ถูก หลังจากนั้นก็พูดสั่งสอนตักเตือน“เสี่ยวหนานอ่า ในปีนี้ป้าก็เห็นเธอเติบโตขึ้นทีละนิดๆ มันไม่ง่ายเลยที่จะเห็นเธอเป็นแบบนี้ในวันนี้ หลังจากนี้ก็อย่างหุนหันตามอำเภอใจล่ะ ไม่อย่างนั้น……ทุกคนจะประสบกับหายนะ”
ในคำพูดของเธอมีบางอย่าง หซู่หนานที่ได้ฟังก็เข้าใจ
เขาพยักหน้าตอบรับ หลี่เหวยถึงได้วางใจ แล้ววางสายโทรศัพท์ลง
หซู่หนานมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ดับลง ราวกับอยู่ในภวังค์
เขา……กำลังทำอะไรอยู่?
เขาเพิ่งจะรับปากกับหลี่เหวย ว่าจะไปขอโทษฉินหว่าน
แต่ว่า……ขอโทษเรื่องอะไร?
สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงทั้งหมด เขาไม่เคยลืมฉินซีเลย และเขาอยากหนีออกจากฉินหว่าน
……
บ้านตระกูลลู่
ฉินซีรู้สึกเสียใจเป็นครั้งที่แปดร้อยแล้ว สำหรับการรับหน้าที่เป็นเพื่อนคุยกับสูหวั่น
หลังจากที่ลู่เซิ่นพูดอย่างชัดเจน และหนักแน่นว่า“ถ้าไม่อย่างนั้น พวกเราจะออกไปตอนนี้ หรือไม่อย่างนั้น ให้ผมขึ้นไปชั้นบนเพื่อจัดการงาน ฉินซีจะให้ความบันเทิงกับสูหวั่นเอง”หลังจากนั้น สูหยิงทำได้เพียงแค่ยอมถอม ปล่อยเขาเป็นการชั่วคราว
ไม่ว่ายังไงก็ตาม คืนนี้ก็ทำให้ตัวคนอยู่ที่นี่ได้
แล้วลู่เซิ่นก็เดินขึ้นไปชั้นบนอย่างสง่างาม หลังจากนั้นไม่นานหลินหยังก็มาด้วย ฉินซีมองดูลู่เซิ่นจากไป ด้วยความรอคอยอย่างวิตกกังวล เป็นครั้งแรกที่ตัวเธอเองปรารถนา ที่จะมีเรื่องให้ต้องจัดการด้วยเหมือนกัน
“ไม่ต้องมองแล้ว ลู่เซิ่นเดินไปไกลตั้งแต่แรกแล้ว จริงๆ เลย ไปไกลๆ สักหน่อยก็ไม่ได้”สูหยิงมองดูการกระทำทั้งหมดของเธออยู่ในสายตา พร้อมกับพูดจาเหน็บแนม
ฉินซีดึงแววตากลับมา แล้วหันไปยิ้มเบาๆ ให้เธอ ไม่พูดอะไรต่อ
สูหยิงมองไปรอบๆ เธอ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี
ฉินซีและสูหวั่นที่นั่งข้างกันอยู่บนโซฟา แล้วมองไปที่สูหวั่น เธอก็เป็นสาวน้อยที่สวยสะอาดบริสุทธิ์ แต่เมื่อนั่งข้างๆ ฉินซี ไม่เพียงพอให้ชวนน่าดึงดูดเลย
ถ้าพูดถึงเรื่องหน้าตา ฉินซีเป็นผู้นำอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในสายตาของสูหยิง เธอเป็น“นังจิ้งจอก”
ถ้ามองแค่เพียงผิวเผิน ก็ไม่รู้ว่าทำให้ลูกชายของเธอ หลงจนหัวปรักหัวป่ำได้ยังไง
สูหยิงถามออกไปอย่างเย็นชา“พ่อของเธอก็คือฉินซึ่งเทียน?”
ฉินซีพยักหน้า
สูหยิงพูดซ้ำอีกครั้ง“เป็นฉินซึ่งเทียนจริงๆ เหรอ?”
เธอจงใจเน้นคำว่า“จริงๆ”สองคำให้หนักๆ แล้วฉินซีฟังออกในทันที ว่าเธอหมายถึงอะไร
สูหยิง……กำลังพูดถึงเรื่องที่แม่ของเธอมีชู้
ฉินซีกำหมัดแน่น แล้วรักษาน้ำเสียงของเธอให้มั่นคง“ใช่ค่ะ ฉินซึ่งเทียนเป็นพ่อของฉัน”
สูหยิงต้องการที่จะทำให้เธอโกรธ แต่เมื่อเห็นว่าเธอยังมีความอดทน และรู้ว่าตัวเองไม่บรรลุผลลัพธ์ ก็หันหน้าไป แล้วพูดอย่างหยิ่งยโสว่า“ใช่ก็ดีแล้ว แต่เดิมฉันก็ไม่ได้มองเห็นอะไรจากตระกูลฉินอยู่แล้ว และถ้าเธอไม่ใช่ลูกสาวที่แท้จริงของฉินซึ่งเทียน นั่นต้องยิ่งปิดบัง เก็บเป็นความลับ”
ฉินซีไม่เคยคิดว่า สูหยิงจะใช้คำพูดโหดร้ายแบบนี้ เธอใช้คำพูดสุภาพอ่อนหวาน ถึงจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่เคยพูดคำด่ากลับไป
เธอคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนที่อารมณ์รุนแรงอะไร แต่ว่าแม่ของเธอเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของร่างกาย เมื่อถูกสูหยิงพูดดูถูกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอไม่ใจร้อน มันคงเป็นเรื่องที่หาเจอได้ยากแล้ว
ใจเย็น
เธอย้ำกับตัวเองในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สูหยิงแค่ต้องการที่จะทำให้ตัวเธอเองโกรธ เพื่อหาข้ออ้างให้ลู่เซิ่นและเธอต้องหย่ากัน
ตัวเธอเองจะตกหลุมพรางของเธอไม่ได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉินซีก็หายใจเข้าลึกๆ หลายๆ ครั้ง ก่อนที่จะสงบลงในที่สุด
“สิ่งที่คุณพูดก็ถูก ตระกูลฉินเป็นตระกูลเล็กๆ ไม่มีทางเทียบกับตระกูลลู่ได้เลยค่ะ”ฉินซีตอบด้วยสายตาที่หดหู่
สูหยิงเลิกคิ้วขึ้น
ตัวเธอเองก็จี้จุดที่เจ็บปวดของฉินซีขนาดนี้แล้ว แบบนี้ยังไม่โกรธอีกเหรอ?
ดังนั้นเธอจึงยอมแพ้ ที่จะใช้วิธีเพื่อทำให้ฉินซีโกรธ และพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า“เธอมีความรู้ความเข้าใจแบบนี้ก็ดีแล้ว”
นอกจากนี้ ผู้หญิงที่หลอกลู่เซิ่นให้แต่งงานด้วย โดยไม่บอกครอบครัวของเธอนั้น ทำไมถึงมีบทบาทง่ายๆ ได้
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ สูหยิงก็หันหน้าไปมองสูหวั่น“เสี่ยวหวั่น อย่าเพิ่งนิ่ง มีเรื่องอะไรจะถาม ก็ถามตอนนี้ได้เลย”