บทที่ 870 จ่ายค่าตอบแทน
หลี่เหวยเดินมาหาและนั่งลงข้างๆเขา “ในเมื่อตอนนี้คุณรู้แจ้งแล้วว่าฉินซีเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยม ทำให้รู้วิธีรับมือกับเธอในภายหลังไม่มากก็น้อย ถือซะว่าผิดเป็นครูเถอะค่ะ ”
ฉินซึ่งเทียน เงียบไปพักหนึ่งแล้วจึงตอบกลับ “แต่สุดท้าย…เธอเป็นลูกสาวของผม”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีวิธี แต่ติดที่ความรู้สึกเพียงอย่างเดียว เขาไม่อยากทำร้ายฉินซี
นี่คือสิ่งที่ หลี่เหวยกลัว เธอว่า ฉินซึ่งเทียนว่าไร้ประโยชน์ในใจแต่ในขณะเดียวกันก็ปลอบโยนเขาอย่างนุ่มนวล “ค่ะ สุดท้ายแล้วก็เป็นตระกูลฉิน…แต่ไม่รู้ว่าสำหรับฉินซีแล้วจะถือว่าตัวเองเป็นคนตระกูลฉินด้วยหรือเปล่า”
ฉินซึ่งเทียนขมวดคิ้ว “คุณพูดอะไร”
หลี่เหวยแอบคิดว่าแบบนี้ไม่ดีแน่เกรงว่าจะรีบร้อนเกินไป สายตามองต่ำพลางพูดขึ้น “ฉันก็แค่…คิดว่ามันไม่คุ้มกัน”
ฉินซึ่งเทียนสูบซิการ์โดยไม่พูดอะไร
หลี่เหวยกำลังแอบวางแผนในใจว่าจะพูดอย่างไรไม่ให้ ฉินซึ่งเทียนสงสัยในตัวเอง ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูอย่างเร่งด่วนดังขึ้น
ฉินซึ่งเทียนไม่พอใจเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เปล่งเสียงถาม “ใคร!”
ประตูถูกเปิดออกเป็นช่องเล็กๆ พ่อบ้านยืดตัวออกมาจากหลังประตูอย่างระมัดระวัง น้ำเสียงสั่นเครือ “คุณหญิง…เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ”
ฉินซึ่งเทียนมองเขาด้วยความโกรธ “เรื่องใหญ่อะไร! พูดให้มันชัดๆสิ!”
พ่อบ้านยังไม่ทันได้พูด ฉินซึ่งเทียนและ หลี่เหวยก็ได้ยินคำอุทานจากคนรับใช้ดังมาจากข้างนอก “แย่แล้ว! คุณหนูจะกระโดดตึก!”
หลี่เหวย ยืนขึ้นทันที เดินโซซัดโซเซจะออกไปข้างนอก “อะไร โดดตึกอะไร!”
เธอเดินไปอย่างลนลานจนเกือบสะดุดกับพื้นพรม ฉินซึ่งเทียนช่วยประคองเธอไว้ สีหน้าของเขาดูไม่ดีนัก เพียงไม่กี่ก้าวก็เดินไปถึงประตูและตะคอกใส่แม่บ้าน “รีบนำไปเร็ว!”
……
ที่ชั้น 5 มุมที่ห่างไกลที่สุดของคฤหาสน์ตระกูลฉิน
ตอนที่ ฉินซึ่งเทียนซื้อที่แห่งนี้ เดิมทีเขาวางแผนจะให้เป็นที่ที่คนรับใช้อาศัย แต่ภายในตึกหลังนี้กว้างเกินไป ทำให้ไม่สะดวกที่คนรับใช้จะเดินทางไปมา พวกเขาต้องรอนานกว่าที่คนรับใช้จะมาถึง จึงหาสถานที่ใหม่เพื่อเป็นที่อาศัยของคนรับใช้
ต่อมาฉินซีพบสถานที่แห่งนี้และใช้เป็นของตัวเอง บนผนังมีภาพสีน้ำมันที่เธอวาดและผลงานภาพถ่ายของเธอเอง ไม่สำคัญว่าสถานที่นั้นจะอยู่ห่างไกลเพียงใด เธอแค่ไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเธอ ทั้งยังเปลี่ยนห้องหลายห้องให้เป็นห้องมืด ฝังตัวอยู่ในห้องเพื่อล้างภาพถ่ายของเธอ
ฉินซีย้ายออกไปเมื่อปีที่แล้ว เธอเอาข้าวของส่วนใหญ่ที่เธอสามารถเอาไปได้เอาออกไปด้วย เหลือเพียงภาพถ่ายที่ไม่สำคัญไม่กี่ภาพและห้องมืดที่รื้อถอนไม่ทัน
ตึกหลังนี้กลับมาร้างอีกครั้ง
และฉินหว่านกำลังนั่งอยู่บนหลังคาในขณะนี้
ฉินซึ่งเทียนและ หลี่เหวยรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว นี่คือสิ่งที่พวกเขาเห็น
ตึกนี้สร้างมาเป็นปีนานๆทีจะมีคนมาที่นี่ ไม่มีใครซ่อมแซม สีบนหลังคาก็ขึ้นเป็นจุดกระดํากระด่าง
ฉินหว่านนั่งห้อยเท้าออกมาบนกำแพงคอนกรีตบนหลังคา แรงลมพัดกระโปรงปลิวไหว ดูไม่มั่นคงเอาเสียเลย
อีกทั้งรั้วที่เธอนั่งอยู่ก็ดูไม่ค่อยแข็งแรงนัก ซึ่งทำให้ทุกคนต่างเกรงว่าถ้าเธอขยับอีกเพียงนิดเดียวมันอาจจะถล่มลงมา
เมื่อเห็นฉากที่อยู่ตรงหน้า ขาของหลี่เหวยก็อ่อนแรงจนเกือบจะล้มลง
ฉินซึ่งเทียนยื่นมือไปประคองเธอไว้แต่มือของตัวเองก็สั่นเช่นกัน เขาตะโกนบอกฉินหว่าน “ฉินหว่าน ลูกจะทำอะไร รีบลงมาเดี๋ยวนี้!”
ฉินหว่านไม่ตอบ ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
หลี่เหวยรู้ว่าที่ฉินหว่านทำแบบนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของหซู่หนาน แต่เธอรู้จัก ฉินหว่านดี ถ้าเธออยากจะกระโดดตึกจริงๆ คงไม่ปล่อยโอกาสให้พวกได้เขาตอบสนองแบบนี้ การที่ตอนนี้นั่งอยู่บนยอดตึกทำเหมือนจะฆ่าตัวตาย ก็เป็นแค่การเรียกร้องความสนใจเท่านั้น
เมื่อรู้เช่นนี้ ความกังวลในใจก็หายไป ในทางกลับกันเธอเต็มไปด้วยความโกรธต่อความไม่เอาไหนของฉินหว่าน
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ฉินซีทำลายความสัมพันธ์ระหว่าง ฉินซึ่งเทียนด้วยมือของตัวเอง สองแม่ลูกต้องพยายามอย่างมากและท้ายที่สุดทุกอย่างของฉินซึ่งเทียนจะตกเป็นของพวกเธอทั้งหมด!
แต่ ฉินหว่านปล่อยให้ ฉินซึ่งเทียนเห็นภาพเธอจมปลักอยู่กับวังวนความรักหลายต่อหลายครั้งฉินซึ่งเทียนจึงวางใจที่จะให้หุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปไปอยู่ในมือของยัยนั่น!
หลี่เหวยรู้ดีว่าปล่อยให้ ฉินซึ่งเทียนผิดหวังในตัว ฉินหว่านไม่ได้อีกต่อไป เธอทำได้แค่กัดฟันและยืนขึ้น “ฉันจะขึ้นไปโน้มน้าวเธอเอง”
ฉินซึ่งเทียนขมวดคิ้ว “คุณไหวเหรอ ให้ผมแจ้งตำรวจไหม ”
หลี่เหวยรีบส่ายหัว “ไม่ค่ะ ฉันกลัวว่าแจ้งตำรวจแล้วจะยิ่งไปกระตุ้นเธอ ฉันจะไปคุยกับเธอดีๆ เธออาจจะเปลี่ยนใจ”
ฉินซึ่งเทียนไม่มีวิธีอื่น ได้แต่โบกมือให้เธอขึ้นไป
อาคารนี้ไม่มีลิฟต์ หลี่เหวยเหนื่อยหอบเมื่อขึ้นมาถึงยอดตึก ฉินหว่านยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
“ฉินหว่าน!ลงมาหาแม่เดี๋ยวนี้!” หลี่เหวยตะโกนด้วยความโกรธ “ฉันบอกแกว่าไง แกลืมไปหมดแล้วเหรอ!”
แต่ดูเหมือนว่าฉินหว่านจะมีภูมิคุ้มกันต่อความโกรธของเธอแล้ว เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ตกอยู่ในภวังค์ “แม่ แม่รู้ไหม ทำไมหซู่หนานถึงอยากเลิกกับหนู”
หลี่เหวยจำได้ว่า ฉินซึ่งเทียนยังคงเฝ้าดูจากด้านล่าง ในหัวคิดหาวิธีว่าจะเกลี้ยกล่อมให้ ฉินหว่านลงมาได้อย่างไร เธอตอบกลับไปอย่างหัวเสีย “ทำไม”
ฉินหว่านยิ้มอย่างเศร้าๆ “เพราะเขายังรักฉินซีอยู่”
หลี่เหวยหยุดนิ่ง เธอหันหน้าไปอย่างเหลือเชื่อ “แกพูดอะไร”
เดิมที ฉินหว่านตั้งใจจะยั่วยวนหซู่หนานเพื่อแก้แค้นฉินซีแต่ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะตกหลุมรักในภายหลัง เพื่อให้ หลี่เหวยและ ฉินซึ่งเทียนเห็นด้วย เธอจึงไม่พูดถึงความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ของหซู่หนานกับฉินซี
แต่ตอนนี้ ฉินหว่านไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกต่อไป เธอมองออกไปไกล เสียงที่แผ่วเบาราวกับจะหายไปในทันที “วันนี้เขามาเลิกกับหนู บอกหนูว่าเขายังลืมฉินซีไม่ได้ ก็เลยไม่อยากถ่วงเวลาหนูไว้”
ในขณะที่เธอพูด อารมณ์ของเธอก็เริ่มแปรปรวนจนร้องไห้ออกมา “ ถ่วงเวลาหนู? ยังลืมเธอไม่ได้? ฉินซีมีอะไรดี!มีอะไรที่หนูเทียบมันไม่ได้!”
หลังจากที่หลี่เหวยประหลาดใจ จู่ๆก็เกิดความคิดขึ้นมาได้
เธอพูดกับฉินหว่านอย่างเย็นชา “หซู่หนานทิ้งแกไปหาฉินซี แต่แกอยู่ที่นี่เพื่อจะตายน่ะเหรอ”
ใบหน้าของฉินหว่านเต็มไปด้วยรอยน้ำตาหันไปมองแม่ของเธอ “แล้วจะให้หนูทำยังไง หนึ่งปีมาแล้วที่หซู่หนานไม่เคยบอกว่ารักหนูเลย ตอนนี้เขามาบอกกับหนูว่าเขายังรักฉินซี?ฮ่าๆๆ แม่ หนูรู้สึกว่าชีวิตหนูอย่างกับเรื่องตลก!”
หลี่เหวยพูดกระซิบ “แล้วถ้าแม่มีวิธีทำให้ฉินซีจ่ายค่าตอบแทนในราคาที่สมควรล่ะ?”
ฉินหว่านผงะ “……หมายความว่ายังไง”
……
ห้องอาหารตระกูลลู่ตกแต่งในสไตล์จีน โต๊ะกลมขนาดใหญ่มีกลิ่นอายโบราณ มองแวบแรกอาจไม่ถือว่าอลังการแต่เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นอาจมีราคาแพงจนน่าตกใจ
ลู่เหวยนั่งที่หัวโต๊ะ สูหยิงนั่งอยู่ทางซ้ายมือ ลู่เซิ่นเดินไปทางขวามือของเขา
ฉินซีอยู่ข้างกายลู่เซิ่นมาโดยตลอด ดังนั้นโดยปกติแล้วเธอควรจะนั่งข้างๆเขา แต่เมื่อลู่เซิ่นเลื่อนเก้าอี้ให้เธอ จู่ๆสูหยิงก็พูดขึ้น “คุณหญิงฉิน มานั่งตรงนี้สิ”