บทที่ 841 ความทรงจำที่เป็นของเธอหายไปนานแล้ว
ขณะนั้นฉินซีไม่มีเงินติดตัว ทำได้แต่นั่งรถเมล์ เปลี่ยนรถถึงสามรอบ กว่าจะถึงจุดหมายในที่สุด
ฝนยังคงตกหนัก แม้เธอจะกางร่มก็ไม่ช่วยอะไร รองเท้าเปียกชื้นตั้งนานแล้ว กระโปรงเปียกโชกจนแนบกับขา
กระทั่งเธอเดินมาถึงรีสอร์ทชิงหยวนอยู่เบื้องหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มเยาะตัวเอง
ทำไมเธอรู้สึกว่าบ้านเดิมไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปนะ
ตอนนี้ที่เธอยืนอยู่ด้านนอกรีสอร์ทชิงหยวนเธอมองไม่เห็นอะไรเลย
ดูเหมือนว่ากำแพงด้านนอกของรีสอร์ทชิงหยวนจะถูกเพิ่มความสูง ประตูใหญ่ก็ปิดแน่นหนา เธอหาเหตุผลที่จะกดกริ่งไม่ได้ จึงได้แต่เดินไปทางร้านกาแฟ
ยังดีที่ร้านกาแฟยังคงตั้งอยู่ที่เดิม เพียงแต่เปลี่ยนเจ้าของแล้วไม่ใช่คุณป้าใจดีที่เธอเคยสนิทสนม แต่เปลี่ยนเป็นหญิงสาวรุ่นแทน
ดูเหมือนเธอจะประหลาดใจมากที่ยังมีคนเข้าร้านในเวลาที่อากาศแปรปรวนเช่นนี้ เมื่อเห็นฉินซีสภาพเปียกปอนเป็นลูกหมาตกน้ำ สีหน้าก็อดไม่ได้ที่จะ หยิบผ้าขนหนูที่วางตรงหลังเคาเตอร์เดินมาส่งให้เธอ “อากาศอย่างนี้ทำไมยังเดินทางมาอีกคะ วันนี้มองไม่เห็นอะไรแน่ๆ”
ฉินซีเงยหน้าขึ้นรู้สึกแปลกใจ “คุณรู้ได้อย่างไรคะ…ฉันอยากจะมาดูรีสอร์ทชิงหยวน”
หญิงสาวยิ้มให้เธอ “ช่วงนี้คนมาดูบ้านและช่างภาพมาที่นี่กันไม่ขาดสาย กิจการร้านของฉันก็พลอยดีตามไปด้วยไม่น้อย”
“มาดูบ้านหรือคะ” อาจจะเป็นเพราะตากฝน ปฏิกิริยาของฉินซีจึงช้าไปบ้าง
ในร้านไม่มีลูกค้าคนอื่น หญิงสาวนั่งลงตรงข้าม ฉินซีแล้วชี้ไปทางรีสอร์ทชิงหยวน“คุณไม่ได้จะมาดูเหมือนกับคนอื่นหรือคะ บ้านนี้เดิมทีเป็นของนักธุรกิจทำอะไรสักอย่าง ย้ายไปแล้วก็ขายให้คนอื่น ได้ยินมาว่าก็เป็นมหาเศรษฐีเหมือนกัน ซื้อทั้งหมดนี้ห้าร้อยล้าน ร้านกาแฟของฉันอยู่ตรงข้าม ทุกวันฟังเสียงบ้านนี้ซ่อมโครมครามอยู่สองเดือน แต่กำแพงนี่สูงเหลือเกิน ฉันมองไม่เห็นอะไรเลยไม่กี่วันก่อนบังเอิญถูกคนบังคับโดรนแถวนี้บันทึกภาพ ฉันได้ยินเขาพูดกันข้างในหรูหรามาก และสวยมากด้วย พอข่าวนี้แพร่ออกไปตามเว็บบอร์ดก็เลยมีคนมาดูกันใหญ่ อีกอย่างเมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นบ้านของเศรษฐีลึกลับ ทุกวันก็เลยมีคนมากันมากมาย”
ฉินซีฟังจนจบอย่างรู้สึกสับสน มุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้มเจื่อนๆ
ที่แท้ก็ตกแต่งเสร็จแล้วนี่เอง…
เช่นนั้นเธอยังมาที่นี่เพื่ออะไร
ความทรงจำในอดีตที่เป็นของเธอหายไปนานแล้ว
อาจเป็นเพราะเธอดูผิดหวังชัดเจนมาก เจ้าของร้านอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “คุณไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ ตากฝนไม่สบายหรือเปล่า”
ฉินซีส่ายศีรษะ “ฉันไม่เป็นไรค่ะก็แค่…ไม่เห็นบ้าน เลยผิดหวังนิดหน่อยแค่นั้น”
เจ้าของร้านพูดปลอบใจ “คุณเพิ่งมาแค่ครั้งเดียวไม่เห็นก็ไม่แปลกค่ะ พวกนั้นมากันทุกวันก็ไม่ได้ยินมีคนพูดว่าถ่ายรูปอะไรได้”
ฉินซียิ้มตอบความหวังดีของเจ้าของร้าน ยื่นผ้าขนหนูในมือให้แล้วลุกขึ้น “ขอบคุณมากค่ะ วันหลังฉันคงไม่ได้มาอีก ขอตัวก่อนค่ะ”
เจ้าของร้านดูออกไม่น้อยว่าเธอไม่เหมือนกับพวกคนที่มาถ่ายรูปบ้านอย่างเดียว แต่ก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้ เพียงแต่พูดขึ้นประโยคหนึ่ง “ตอนนี้ข้างนอกฝนตกหนักขนาดนี้ รออีกหน่อยดีมั้ยคะ ฝนซากว่านี้แล้วค่อยไป”
บางครั้งฉินซีก็คิดถึงตอนนั้น วันนั้นถ้าเธอฟังที่เจ้าของร้านแนะนำ อยู่ที่ร้านต่ออีกหน่อยค่อยกลับไม่ดื้อดึงไปดูรีสอร์ทชิงหยวนเป็นครั้งสุดท้าย คงจะไม่เจอเข้ากับลู่เซิ่นใช่ไหม และหลังจากนั้นคงไม่เกิดเรื่องราวมากมายตามมา
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วก็คือเธอก็ปฏิเสธข้อเสนอของเจ้าของร้านอย่างสุภาพ ฝ่าฝนห่าใหญ่ออกไปจากร้านกาแฟ
ฉินซีเดิมทีตั้งใจจะเดินไปทางป้ายรถเมล์ แต่เดินไปได้เพียงครึ่งทางก็เปลี่ยนใจกะทันหัน
ในเมื่อจะมาครั้งสุดท้ายแล้ว แม้ว่าจะไม่เห็นข้างใน อย่างน้อย…ไปทางเล็กที่เธอคุ้นเคยดูหน่อยเถอะ
ตอนเธอเด็กๆ ซุกซนไม่ยอมทำการบ้าน กลัวคุณปู่จะจับได้ แอบซ่อนไปรอบๆ สวน บังเอิญเห็นทางเล็กๆ ต่อมาเป็นเพราะทางเข้ามิดชิดพอ กลายเป็นเส้นทางที่บางครั้งเธอกลับบ้านช้า ขี้เกียจเข้าทางประตูใหญ่ไม่อยากทำให้คนในบ้านตกใจก็ต้องผ่านทางนี้
ตอนนี้…แม้ว่าจะตกแต่งใหม่แล้วก็ยังน่าจะมองเห็นเส้นทางเล็กนั้นจากไกลๆ ได้กระมัง
เมื่อคิดเช่นนี้ ฉินซีก็เดินไปตามกำแพงที่ล้อมรอบรีสอร์ทชิงหยวนเดินไปตามเส้นทางในความทรงจำ อ้อมไปทางด้านหลัง
แต่ตอนที่เจ้าของร้านกาแฟคุยกับเธอลืมบอกไปอย่างหนึ่ง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่โดรนถ่ายรูปข้างในเกิดขึ้นอีก รีสอร์ทชิงหยวนติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุด เธอจึงไม่รู้ว่าเวลานี้ทุกความเคลื่อนไหวของเธอ ทั้งหมดปรากฏในกล้องวงจรปิดที่ติดทุกหนแห่งแล้ว
เธอไม่รู้ด้วยว่าพวกบอดี้การ์ดเห็นความเคลื่อนไหวผิดปกตินานแล้ว กลัวว่าจะเกิดเหตุขึ้น รีบรายงานหัวหน้าให้ทราบ
พอดีกับที่วันนั้นฝนตกหนัก ลู่เซิ่นออกจากบ้านช้ากว่าที่ตั้งใจไว้ ที่จริงแล้วบอดี้การ์ดจะรายงานกับหลินหยังไม่รู้เพราะเหตุใดรายงานตรงไปหาลู่เซิ่น
ฉินซีรู้เพียงอย่างเดียว ขณะที่เธอเดินอ้อมไปไกลจนถึงทางสายเล็กที่อยู่ในความทรงจำ ดีใจที่ได้เห็นเส้นทางนั้นยังไม่ถูกปรับเปลี่ยนถึงขนาดยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง ทันใดนั้นก็มีเงาของคนหนึ่งปรากฏขึ้น
ในวันฝนตกหนักมองเห็นไม่ชัด ที่จริงภายหลังเธอมาย้อนคิด อีกฝ่ายคงจะอยู่ตรงนั้นก่อนแล้ว แต่เธอมัวแต่สนใจเรื่องอื่น จึงตกใจที่จู่ๆก็เห็นร่างคนผู้นั้น
ถ้าเป็นเวลาปกติ ตกใจก็อาจไม่เป็นไร แต่วันนั้นฝนตกหนักทำให้ถนนลื่นมาก ฉินซีถอยหลังก้าวใหญ่ เสี้ยววินาทีนั้นทรงตัวไม่ได้
โครม ลื่นล้มลงก้นจ้ำเบ้า
วันนั้นสมองของเธอไม่ว่องไว หลังจากล้มแล้วยังคงนั่งนิ่งตรงนั้นอยู่นาน ราวกับไม่อาจยอมรับว่าเกิดอะไรขึ้น
ในที่สุดคนนั้นที่จู่ๆก็ปรากฏตัวทนดูต่อไปไม่ไหว ยื่นมือให้เธอ
ฉินซีเงยหน้ามอง
สายฝนและร่มที่กั้นไว้ ท่ามกลางแสงสลัวช่วงพลบค่ำ ใบหน้าของอีกฝ่ายพร่ามัว เธอมองออกเพียงอีกฝ่ายรูปร่างสูงใหญ่ รอบตัวมีพลังอ่อนๆ ที่มีแต่คนมีอำนาจเท่านั้นถึงจะมี
ในใจเธอคาดเดาคนที่อยู่ตรงหน้า แต่ไม่กล้าที่จะมั่นใจนัก
คนนั้นไม่พูดอะไร และไม่ใส่ใจที่ ฉินซีรู้สึกตัวช้า ดูเหมือนจะใจเย็นมาก ยังคงยื่นมือมาตรงหน้า ฉินซี
ฉินซียื่นมือไปจับมือนั้น ยืมแรงดึงตัวลุกขึ้น แล้วรีบปล่อยมือทันที
“ขอบคุณค่ะ” เธอพูดเสียงต่ำไม่คิดจะสนทนาอะไรต่อกับคนผู้นั้น เพียงแต่ก้มหน้าสำรวจตัวเอง
ยังดีที่เดิมกระโปรงของเธอเปียกชุ่มอยู่แล้ว เมื่อล้มลงไปก็มองความสกปรกที่เพิ่มขึ้นไม่ออก เธอแค่กังวลนิดหน่อย สภาพกระโปรงเช่นนี้เดี๋ยวขึ้นรถเมล์แล้ว เกรงว่าจะนั่งไม่ได้
แค่เธอได้เห็นถนนเล็กก็พอใจแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็ก้มศีรษะให้คนที่มาช่วย เตรียมจะเดินจากไป
คิดไม่ถึงว่าแค่ขยับนิดเดียว เธอก็ต้องขมวดคิ้ว
คุณพระ เธอ…ขาแพลงแล้ว
ดูเหมือนคนผู้นั้นจะเห็นความผิดปกติของเธอ ถามขึ้น “เป็นอะไรครับ”
ฉินซีรู้สึกเคอะเขินไม่น้อย แต่เมื่อคิดว่าไหนๆ เขาก็เห็นฉากน่าอายตอนที่เธอล้มลงเมื่อครู่แล้วจะขายหน้าไปกว่านี้คงไม่เป็นไรถึงอย่างไรก็เจอกันแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป ตอบอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี “ฉันคงจะข้อเท้าแพลงแล้วค่ะ”