บทที่ 798 เขาไม่เสียดายเงินแต่ฉันเสียดายนะ
“อืม”ลู่เซิ่นเลิกคิ้วด้วยความคาดไม่ถึง“คุณจะทำอะไร”
เวินจิ้งยิ้ม “ดี คุณให้เขามาหาฉันที ฉันจะประมูลของ”
“ผู้ชายของคุณก็อยู่ที่นั่นไม่ใช่รึไง”
เวินจิ้งยิ้มอย่างพอใจหลังจากได้ยินคำพูดลู่เซิ่น “คุณถูกใจอะไรถึงขนาดที่เขาไม่สามารถจ่ายให้ได้จนต้องประมูลเอง?”
เวินจิ้งพูดเสียงเรียบ “เหอะ แค่ดูก็รู้แล้วคุณคงไม่เคยถูกผู้หญิงรักสินะ อย่ามาถ่วงเวลาฉัน เลขาคุณอยู่ไหน”
ลู่เซิ่นและตระกูลลู่ไม่สนใจเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นลู่เซิ่นก็คงจะมาด้วยตัวเอง คงไม่ทำเพียงแค่ส่งเลขามาเท่านั้น
มู่วี่สิงเปลี่ยนที่นั่งและกวาดสายตามองผ่านฝูงชนแต่เขากลับไม่พบเวินจิ้ง
ใบหน้าหล่อเหลาก้มต่ำ ผู้รับผิดชอบงานมองไปที่ใบหน้าเย็นชาของเขา เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “คุณมู่ครับ ต้องการให้ผมปิดฉากเพื่อคุณจะได้สามารถตามหาคนก่อนดีไหมครับ”
มู่วี่สิงมองกลับพลางส่ายหน้า “ไม่ต้อง”
ในเมื่อเธอต้องการเล่นซ่อนแอบ อย่างนั้นก็ตามใจเธอหน่อยแล้วกัน
“เครื่องเคลือบโบราณหยกจากราชวงศ์ถัง เริ่มเปิดประมูลที่สิบล้านหยวน ตอนนี้ทุกคนเริ่มประมูลได้แล้วครับ”
คิ้วดูดีของมู่วี่สิงยังคงขมวดเป็นปมเหมือนกำลังเหม่อลอย ปลายนิ้วเรียวเคาะลงบนหัวเข่าของเขาอย่างช้าๆ
ศึกชิงการประมูลเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ยี่สิบสิบล้าน”
“ห้าสิบล้าน”
“……”
มู่วี่สิงเหลือบมองไปที่เกาเชียนที่ปรากฏตัวอย่างไม่เฉยเมย เขารับรู้และยกเสนอราคาในทันที “ร้อยล้าน”
เวินจิ้งมองไปที่ต้นเสียง ที่มุมตาของเธอกระตุก มองเห็นเกาเชียนส่วนมู่วี่สิงเองก็เป็นธรรมชาติเช่นกัน
ผู้ชายคนนี้เปิดราคาได้น่ากลัวมาก….
“คุณนายเวิน เราจะประมูลสิ่งนี้จริงๆหรือครับ?” เลขาของลู่เซิ่นที่อยู่ข้างๆเธอถามขึ้นอย่างไม่สบายใจ
บอสแค่ให้เขามาที่งานประมูลแต่ไม่ได้บอกให้มาซื้ออะไร แม้ว่าต้องการจะซื้อจริงๆ…ก็ไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินขนาดนี้ บอสเองก็ไม่ได้สะสมของเก่าเหล่านี้เป็นงานอดิเรก
เวินจิ้งยึดบัตรประมูลในมือของเขาไป เธอยิ้มหวานและเสนอราคา “หนึ่งร้อยห้าสิบล้าน”
เสียงที่นุ่มนวลและอ่อนหวานของหญิงสาวดังก้องไปทั่งฮอล
มู่วี่สิงมองไปที่ต้นเสียงที่คุ้นเคย เขาก็เห็นร่างของเวินจิ้งจากระยะไกล ดวงตาเขาขุ่นมัวเพราะบริเวณนั้นคือเขตของตระกูลลู่
เกาเชียนที่อยู่ด้านข้างยกป้ายตามมาทันที “สองร้อยล้าน”
เวินจิ้งขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ หันหน้าไปถามเลขาที่อยู่ข้างๆเธอ“ หยกก้อนนั้นมีมูลค่าสองร้อยล้านหยวนเลยหรือเปล่า”
เลขาตอบอย่างประหม่า “คุ้มค่ากับราคาครับ… ”
แต่หลังจากได้เห็นสายตาของเวินจิ้งเขาก็พูดทันทีว่า “ในสายตาของคุณลู่ สิ่งนี้ไม่น่าจะมีมูลค่าถึงสองร้อยล้านครับ”
เวินจิ้งมองเขาอย่างสงสัย“ ฉันไม่ได้ประมูลให้เขา”
ในใจของเลขา ณ ตอนนี้กำลังจะบ้าตายแล้ว ไม่ได้ซื้อให้บอสหรอกเหรอ….
แต่เวินจิ้งในตอนนี้เป็นตัวแทนของตระกูลลู่ ถ้าไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้นก็ต้องให้ท่านประธานลู่เป็นคนจ่ายน่ะสิ….
เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะถูกไล่ออก
ดวงตาที่เย็นชาของมู่วี่สิงมองไปที่คนทั้งสองที่ดูเหมือนจะคุยกันอยู่ไม่ไกล สีหน้าของเขาตึงเครียดมากขึ้น เขายังคงพูดเสนอราคาต่อ “สองร้อยห้าสิบล้าน”
จะแข่งกับเธอจริงๆสินะ!
เวินจิ้งกัดริมฝีปากของเธอ ราวกับเลือดกำลังหลั่งรินภายในใจ “สามร้อยล้าน”
ถ้ามู่วี่สิงยังคงเสนอราคาอีกเธอจะไม่เล่นแล้ว เขาไม่เสียดายเงินแต่เป็นเธอเองที่เสียดาย
นิ้วของมู่วี่สิงที่วางอยู่บนโต๊ะไม่ได้ขยับแล้ว ดวงตาที่มีความหมายลึกซึ้งทำให้ผู้คนไม่สามารถมองผ่านได้
เกาเชียนมองบอสที่นิ่งเงียบเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ “ท่านประธานมู่ครับ พวกเราไม่ประมูลแล้วหรือครับ เพิ่มอีกไม่กี่สิบล้านอีกฝ่ายก็ไม่เอาแล้ว คุณปู่มู่บอกว่าแม้ราคาจะสูงแต่ก็ต้องซื้อกลับไปให้ได้ไม่ใช่เหรอครับ”
มู่วี่สิงไม่เคยยอมแพ้และไม่มีราคาใดที่เขารับมือไม่ได้
ดวงตาเหลือบมองไปที่เครื่องลายครามที่มีลวดลายวิจิตรบรรจงบนเวที ดวงตาของชายหนุ่มไม่เฉยเมย ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เพียงแค่ริมฝีปากที่เม้มแน่นเผยให้เห็นความไม่พอใจเล็กน้อย
ผู้รับผิดชอบงานก็ประหลาดใจเช่นกัน เครื่องลายครามนี้คงไม่พ้นมือมู่เฉิงแน่นอนเพราะเมื่อครู่มู่วี่สิงบอกว่าเขาจะออกไปก่อนเวลาเขาจึงจัดเตรียมเครื่องลายครามนี้ให้ประมูลล่วงหน้าเป็นกรณีพิเศษ
แต่สุดท้ายกลับไม่ต้องการแล้วอย่างนั้นหรือ
“สามร้อยล้านครั้งที่หนึ่ง” พิธีกรพูดขึ้นหลังจากภายในงานเงียบสงบ
“สามร้อยล้านครั้งที่สอง”
“สามร้อยล้านครั้งที่สาม”
ไม่มีใครประมูลอีกแล้ว“ เคาะราคาที่สามร้อยล้าน!”
ใบหน้าซีดเซียวของเลขามองไปที่ใบหน้าผ่อนคลายของเวินจิ้ง พูดด้วยเสียงต่ำ “คุณนายเวินครับ รายการนี้ไม่ได้จ่ายโดยคุณลู่ใช่ไหมครับ”
เวินจิ้งลุกขึ้นยืน ตามองไปยังเลขาที่กลัวจนเหงื่อแตก “นายว่าไงนะ”
ดวงตาของเลขาเป็นประกาย “คุณหลินสั่งให้คุณซื้อใช่ไหมครับ”
เวินจิ้งส่ายหัว “รีบไปจ่ายสิ”
เลขา:……
เวินจิ้งก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้ใครเห็นใบหน้าของเธอ แต่ระหว่างทางที่เดินไปก็ยังคงมีการพูดคุยเกิดขึ้นไม่น้อย
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำไมดูมีอำนาจจังแถมยังชิงของที่ตระกูลมู่ต้องการไปอีก?”
“เธอไม่เห็นเหรอว่าเธออยู่ฝั่งตระกูลลู่น่ะ เธอคงจะเป็นนายหญิงของตระกูลลู่”
“ดูแล้วไม่เห็นเหมือนเลย… ”
เดิมทีที่นี่เป็นสถานที่ทางการ เวินจิ้งจึงปกคลุมตัวเพื่อไม่ให้ใครเห็น เลขาที่อยู่ข้างหลังเธอก็ยิ่งดูเศร้า ฉากนี้ทำให้คนอื่นรู้สึกตลก
“เฮ้ ทำไมฉันถึงคิดว่าคุณนายลู่ดูคุ้นๆนะ… ”
หลังเวที
“คุณนายลู่ครับ งานประมูลยังไม่จบ อยู่จนจบงานก่อนแล้วค่อย… ”
“ฉันจะกลับตอนนี้” เวินจิ้งพูดตัดบทอีกฝ่ายอย่างนิ่งๆ
ทันทีที่สิ้นเสียง ออร่าอันน่าเกรงขามปรากฏขึ้นจากทางด้านหลัง แขนของชายหนุ่มดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้ว “จะไปแล้วเหรอ รีบร้อนจังเลยนะ”
ผู้จัดงานจ้องไปที่คนใกล้ชิดทั้งสองที่อยู่ต่อหน้าเขาด้วยสีหน้างุนงง
มู่วี่สิง…กับคุณนายลู่…กอดกัน?
เวินจิ้งไม่แปลกใจเลยที่มู่วี่สิงจะปรากฏตัวที่นี่ เธอเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้เขา ยืนเขย่งตัวพูดที่ข้างหูของเขาอย่างไม่รู้ไม่ชี้“เดี๋ยวไปดูหนังด้วยกันไหม”
“เวินจิ้ง” มู่วี่สิงจ้องไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นของเขา เสียงของเขาตึงเครียด “เธอแย่งของของฉันไป”
เวินจิ้งจูบไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเบาๆ ยิ้มหวานและพูดว่า “นายไม่ได้ตั้งใจให้ฉันหรอกเหรอ”
“เธอซื้อให้ใคร” ตอนนี้มู่วี่สิงโกรธมาก แต่เขาก็อดกลั้นความโกรธของตัวเองไว้
เวินจิ้งกระพริบตา พูดอย่างเป็นธรรมชาติ “แน่นอนว่าซื้อให้ผู้ใหญ่น่ะสิ ไม่งั้นจะให้ใครล่ะ”
ของพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอชอบ
ผู้ใหญ่เหรอ
ผู้ใหญ่ของตระกูลลู่หรือเปล่า
เธอแย่งของที่คุณปู่ของเขาต้องการไปให้ผู้ใหญ่ตระกูลลู่อย่างนั้นเหรอ
เวินจิ้งดูเหมือนจะรู้ว่ามู่วี่สิงกำลังโกรธ หลังจากที่รู้ตัวก็เอ่ยถามอย่างกังวลว่า “นายไม่ดีใจเหรอ”
ริมฝีปากบางของชายหนุ่มโค้งลง
สีหน้าของผู้คนรอบข้างดูอึมครึมไปหมด ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอว่ามู่วี่สิงกำลังไม่พอใจอยู่….
เวินจิ้งกลับยิ้ม ลูบแผงอกของเขาอย่างออดอ้อน พูดเสียงค่อย “นายไม่พอใจจริงๆเหรอ”
ท่าทางเช่นนี้ของเวินจิ้ง แต่ดูๆแล้วกลับทำให้รู้สึกน้อยใจนิดๆ