บทที่ 797 ฉันกำลังเลี้ยงดูภรรยาในอนาคตของฉัน
จนกระทั่งสองชั่วโมงต่อมา คนรับใช้รายงานกับเวินจิ้ง “คุณนายคะ ที่ประตูมีรถปอร์เช่ คาเยนน์จอดอยู่นานแล้วแต่ว่าคุณชายลู่ไม่อยู่บ้าน เขามาหาคุณหรือเปล่าคะ ”
เวินจิ้งสีหน้าอึมครึม มู่วี่สิงรออยู่จริงๆอย่างนั้นเหรอ
เธอกลอกตา แล้วหยิบประวัติการรักษามาอ่านต่อ “อย่าไปสนใจเขาเลยเดี๋ยวเขาก็ไป”
หลังจากที่คนรับใช้ออกไป เวินจิ้งไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ เธอเปิดมุมหนึ่งของม่านก็เห็นร่างสูงยืนพิงรถมองดูเธออย่างไม่ละสายตา
เวินจิ้งรีบปิดม่านลงด้วยความรู้สึกอาย แต่ไม่ช้าเธอก็ได้สติ เธอจะอายทำไม
เธอไม่ได้รับปากกับเขาว่าจะไปซะหน่อย
หลังจากนิ่งไปชั่วครู่ เธอก็สวมเสื้อคลุมสีดำอ่อนและเดินออกไป
มู่วี่สิงเห็นร่างที่คุ้นเคยจากระยะไกล ชุดของเธอเรียบง่ายมาก สวมรองเท้าบูทไม่มีเครื่องประดับใดๆ ถึงจะเป็นผู้หญิงที่อายุเกือบสามสิบแล้ว แต่ดูๆแล้วก็เหมือนเด็กสาวอายุราวๆยี่สิบปี
เขาเปิดประตูด้านข้างคนขับให้เธออย่างสุภาพบุรุษทันที เพียงแต่เวินจิ้งได้แต่ยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้ก้าวขึ้นรถไป “นายมาจอดรถอยู่เฉิดฉายหน้าบ้านฉันขนาดนี้ มันหมายความว่ายังไง”
เขาช่างโอ้อวดจริงๆ
ดวงตาดำสนิทของมู่วี่สิงจ้องไปที่ใบหน้าของเวินจิ้ง รอยยิ้มอ่อนโยนที่ชวนหลงใหล “งานประมูลที่รออยู่มีของเก่ามากมายที่นักสะสมของเก่ารอประมูลกัน เธอไปกับฉันได้ไหม”
เธอเม้มริมฝีปาก เมื่อกี้ก็บอกว่าไม่ไปแล้วไม่ใช่หรือไง
เธอหลบสายตาและคิดอย่างจริงจัง “ไปกับนายก็ได้… ”
พูดยังไม่ทันจบ ดวงตาที่นิ่งสงบของชายหนุ่มก็เป็นประกายขึ้น “ขึ้นรถก่อนสิ”
เธอเม้มริมฝีปากแล้วเข้าไปในรถ
เธอกำลังจะคาดเข็มขัดนิรภัยของเธอ ชายหนุ่มก็เอื้อมตัวก้มหน้ามาคาดเข็มขัดให้เธออย่างตั้งใจ
ใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหล่าของเขาทำให้คนใจสั่น เขาเอ่ยถาม “เงื่อนไขของเธอคืออะไร”
“คราวหน้าห้ามมาหาฉันที่นี่อีก”เธอหันหน้าหนี ไม่ยอมสบตา
มู่วี่สิงไม่ได้คัดค้าน “อืม มันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
เขาหัวเราะเบาๆในลำคอ “ย้ายไปที่คอนโดในเมืองของฉันสิ โอเคไหม”
สีหน้าของเวินจิ้งขุ่นมัวมากขึ้น “มู่วี่สิงนายจะเลี้ยงเมียน้อยหรือไง”
“ฉันกำลังเลี้ยงภรรยาในอนาคตของฉันต่างหาก” เขาตอบอย่างเป็นธรรมชาติ
เวินจิ้งถูกเขาตอกกลับ เธอจึงไม่พูดอะไรออกมาอีก
การประมูลเป็นทางการมาก ศูนย์ประชุมสามารถรองรับผู้คนได้หลายพันคน เวินจิ้งจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้า ซื้อผ้าพันคอและแว่นกันแดดและเกือบทั้งใบหน้าของเธอถูกปกคลุมอย่างมิดชิด
นอกจากคนคุ้นเคยกันมากๆเท่านั้น ก็ไม่มีใครจำเธอได้
มู่วี่สิงนั่งลงที่มุมห้องและโอบเธอไว้ เมื่อมีคนทักทายเขาก็ทำเพียงพยักหน้าเบาๆเพื่อตอบรับ ออร่าที่น่าเกรงขามแผ่ออกมา เผยรังสีที่คนแปลกหน้าไม่ควรเข้าใกล้ ปิดกั้นคนจำนวนมากที่ต้องการพูดคุยด้วย
แม้ว่าผู้คนจำนวนมากจะสงสัยผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขาก็ตาม
เธอนั่งถัดจากมู่วี่สิง แม้ว่าตำแหน่งนี้จะอยู่ตรงมุมแต่ก็เป็นมุมที่ดีที่สามารถมองเห็นทุกสิ่งบนเวทีได้ชัดเจน
แขนของมู่วี่สิงโอบรอบเอวบางของเธอ ยุกยิกไปมา เวินจิ้งรีบจับมือของเขาทันที เธอมองไปที่เวทีพลางเอ่ยถาม “นายมาที่นี่เพื่อซื้ออัญมณีหรือว่าของเก่า”
เธอตั้งใจนึกคิด “ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนนายไม่มีงานอดิเรกสะสมของพวกนี้นี่”
มู่วี่สิงบีบเอวนุ่มๆของเธอพลางกระซิบที่ข้างหู “อื่ม สิ่งเดียวที่ฉันอยากจะสะสมตอนนี้คือเธอ”
เวินจิ้งถูกเขาหายใจรดจนรู้สึกจักจี้ เธอต้องคอยหลบต้นคออยู่เรื่อยๆ “ดูท่าคุณหมอมู่นี่จะชำนาญในการแสดงความรักนะ”
ทั้งร่างของเธออยู่ในอ้อมกอดของเขา แขนโอบรอบเอวเธอไว้ ริมฝีปากของเขาทาบลงบนแก้มของเธอโดยทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจซึ่งเขาก็เริ่มเสพติดการจูบเช่นนี้แล้ว
เธอแค่อยากอยู่อย่างเงียบๆแต่ผู้ชายคนนี้กลับได้คืบจะเอาศอก แม้ว่าแสงในมุมนี้จะมืดมาก ความสนใจของผู้คนส่วนใหญ่ยังอยู่บนเวทีนิทรรศการ แต่เธอรู้สึกว่าเธอกำลังถูกกระตุ้นให้ตอบสนอง มันมากเกินไปแล้ว …
“มู่วี่สิงหยุดเล่นได้แล้ว!”เธอผลักหัวของเขาออกไป ดวงตาคู่สวยจ้องเขาพลางกระซิบบอก
รอยยิ้มปรากฏในดวงตาดำสนิท เขาชอบที่จะเห็นเวินจิ้งโกรธและเขินอาย เขาโน้มตัวไปจูบเธอที่ใบหน้าอีกครั้ง โดยไม่สนใจความโกรธของเธอ พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องมองฉัน ดูข้างบนว่ามีอะไรที่เธอชอบอยู่ไหมแล้วฉันจะซื้อให้เธอเพื่อเป็นการชดเชย”
“ฉันไม่ได้อยากซื้ออะไร นายออกไปห่างๆฉันหน่อย” เวินจิ้งใจเต้นแรง ชายหนุ่มจูบแบบนี้มีหรือจะไม่รู้ว่าเครื่องของเขากำลังร้อน
ยิ่งไปกว่านั้นเธอรับรู้ได้ไวถึงการเปลี่ยนแปลงของเขา
“จิ้งจิ้ง ฉันคิดถึงเธอมาก” เสียงแหบพร่าของเขาอย่างกับเป็นคนที่ถูกรังแก เสียงทุ้มที่ฟังดูน่าสงสาร “ฉันคิดถึงเธอทั้งคืนเลย”
เวินจิ้ง:……
สิ่งที่เขาคิดอยู่ต้องเป็นเรื่องแบบนั้นแน่ๆ
“งั้นนายจะมาที่นี่ทำไม” เวินจิ้งกลั้นอารมณ์ เอ่ยถาม
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ท่าทางเคืองๆ “ผู้จัดงานเชิญคุณปู่ แต่คุณปู่ไปต่างประเทศเลยสั่งให้ฉันมาดูว่ามีอะไรที่เหมาะกับเขาไหม”
เวินจิ้งหายใจเข้าลึก ๆ “อื่ม งั้นนายเห็นอะไรที่คุณปู่ชอบบ้างไหม ถ้าไม่ก็ออกไปกันเถอะ”
เธอรับไม่ได้ที่มู่วี่สิงทำรุ่มร่ามกับเธอที่นี่….
โดยเฉพาะตอนนี้ ตัวเธอยังคงเป็นคุณนายลู่
มู่วี่สิงกลับยิ้ม “คุณปู่ขอให้ฉันประมูลเครื่องเคลือบตอนฟินาเล่ ออกไปตอนนี้ก็มาเสียเที่ยวสิ”
เวินจิ้ง:……
ทำไมเธอถึงคิดว่ามู่วี่สิงไม่ได้กำลังพูดความจริงออกมา
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมู่เฉิงไม่นับว่าดี เขาจะกตัญญูขนาดนั้นเลยเหรอ?
การประมูลยังคงดำเนินต่อไป เวินจิ้งไปที่ห้องน้ำ เธอจ้องไปที่ใบหน้าแดงก่ำของเธอ หมกมุ่นจริงๆเลย…
ทำไมเธอถึงขึ้นไปในรถของมู่วี่สิงและตามเขามาที่นี่
ดูเหมือนว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขา ตัวเองจะเสียสติไปหมด
ผู้คนผ่านไปมาในศูนย์ประชุม เมื่อเวินจิ้งออกมาก็ไม่พบมู่วี่สิง เธอดึงผ้าพันคอขึ้นปิดถึงจมูกและเอื้อมมือไปดึงหนังยางที่มัดผมสีดำของเธอออก มองผ่านๆก็ไม่เห็นใบหน้าของเธอ
เธอหันไปมา ในที่สุดก็พบที่นั่งหน้าสุด เธอจงใจเลือกที่ที่มีเงาบัง
อัญมณีล้ำค่าหลากชนิดที่จัดแสดงอยู่ด้านหน้าเปล่งประกายแวววับ
เธอไม่สนใจสิ่งเหล่านี้และเธอเริ่มรู้สึกง่วงหลังจากที่นั่งลง
“ต่อไปจะเป็นเครื่องเคลือบสมัยราชวงศ์ชิงนะครับ”
จู่ๆฝูงชนที่อยู่ด้านล่างก็ส่งเสียงดัง เวินจิ้งลืมตาขึ้นเธอเหลือบมองไปที่รายการประมูลที่อยู่ข้างๆ เครื่องลายครามชิ้นนี้น่าจะถูกประมูลในตอนจบและมันเป็นรายการประมูลที่แพงที่สุด แต่ตอนนี้มันถูกประมูลก่อนกำหนดจึงทำให้เกิดความวุ่นวาย
“เนื่องจากเป็นความต้องการของผู้จัดงาน เครื่องลายครามนี้จึงถูกประมูลก่อนกำหนดโดยรายการประมูลที่ตามมาจะยังคงถูกประมูลตามลำดับเดิมนะครับ” พิธีกรรีบอธิบายทันที
เวินจิ้งขมวดคิ้ว มู่วี่สิงรู้เรื่องนี้หรือไม่?
เธอยังจำที่มู่วี่สิงเคยบอกเธอก่อนหน้านี้ว่าคุณปู่มู่มีงานอดิเรกเป็นการสะสมของ โดยเฉพาะสมบัติเครื่องเคลือบดินเผาอันล้ำค่าจากราชวงศ์ต่างๆ
หลังจากนั้นไม่นาน เธอโทรหา ลู่เซิ่น “เลขาของคุณอยู่ในงานประมูลไหม”