บทที่ 795 เธอมีฉันอยู่เสมอ
เวินจิ้งทำได้เพียงแค่มองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อบรรเทาบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ แขนยาวยืดออกดึงร่างของเธอเข้าไปไว้ในอ้อมแขนของชายหนุ่มอีกครั้ง
เวินจิ้งรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความแน่นของกล้ามเนื้อ สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่ง
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกาเชียนพูด เธอก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อน
เงยหน้าขึ้นในอ้อมแขนของเขา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม “นายไม่โกรธแล้วได้ไหม”
เรื่องลูก…มันผ่านไปแล้ว
เธอยิ้มอย่างขมขื่น มีคนมากมายมองว่าพวกเธอเป็นเหมือนกับกระจกที่แตกสลายแต่ก็กลับประสานกันอีกครั้ง แต่เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน
เพราะเธอไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองเลิกรู้สึกโกรธเกลียดเขามาเนิ่นนานแล้ว แม้จะชอบเขามากแค่ไหน แต่ไม่เคยคิดว่าทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันได้
แต่ท่าทางที่ดูอดกลั้นความโกรธของเขาในเวลานี้มันทำให้เธออดที่จะเกลียดมันไม่ได้ กอดแขนของเขาน้ำเสียงของเธอแผ่วเบาและเนิบนาบ “ฉันแค่ไม่อยากมีลูกก็เท่านั้น”
เธอเอนตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา ในน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงไปด้วยความรู้สึกสมเพชตัวเอง“มู่วี่สิง นายต้องคิดให้ดีๆนะว่าตัวนายขาดฉันไม่ได้จริงๆหรือเปล่า…ถ้าฉันไม่สามารถมีลูกให้นายได้…”
เสียงของชายหนุ่มยังคงตึงเครียด“เวินจิ้ง เธอยังมีเหตุผลไร้สาระอะไรอีกไหม”
ไม่สามารถมีลูกได้
ดวงตาของเขาค่อยๆเอ่อล้นไปด้วยความเย็นยะเยือก สายตาเพิกเฉย“เหตุผลที่ว่าจะไม่มีลูกมันไม่มีประโยชน์ ฉันเองก็ไม่ได้ชอบเด็กขนาดนั้น เธอไม่อยากมีก็ไม่ต้องมี ฉันไม่ยอมแพ้จากเธอเพราะเหตุผลนี้หรอกนะ”
ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือว่าตอนนี้ ที่เขาอยากมีลูกก็เพราะแม่ของเด็กคือเวินจิ้ง
ปอร์เช่ คาเยนน์คันสีดำขับมาถึงหน้าประตูทางเข้าบ้านตระกูลหลิน เวินจิ้งพูดเสียงเบา “งั้นฉันไปก่อนนะ”
เธอกำลังจะเปิดประตูแต่ไม่รู้ว่าประตูรถถูกล็อคไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่
เธอถามด้วยความสงสัย“ผู้ช่วยเกา ฉันจะลงรถ”
เกาเชียนมองเจ้านายที่ยังคงหลับตานิ่งๆผ่านกระจกมองหลัง ก็เข้าใจดีถึงอารมณ์ของเขา ดังนั้นจึงทำเป็นว่าไม่ได้ยินคำพูดของเวินจิ้ง
เวินจิ้งรู้ได้โดยอัตโนมัติว่ามู่วี่สิงหมายถึงอะไรจึงหันหน้าไปพูดกับเขา “ถึงที่แล้ว นายยังมีอะไรจะพูดอีกไหม”
มาส่งเธอถึงที่แล้ว มันจะมีความหมายอะไรกับการที่เขาขังเธอไว้ในรถ
มู่วี่สิงลืมตาขึ้น ดวงตาที่ยากจะเข้าใจมองไปที่เธอราวกับกำลังแผดเผา อันที่จริงเขายังคงโกรธอยู่ แต่สายตาของเขากลับจริงจังและแน่วแน่
เธอปรับโทนเสียงอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว “มีเรื่องอะไร”
“เธอยังไม่จูบฉันเลย”
เวินจิ้ง:……
หากที่นี่เป็นตระกูลลู่ หากเธอแต่งงานมีลูกแล้วจริงๆ…
เธอไม่กล้าคิด
เธอรู้อารมณ์ของชายหนุ่ม เวินจิ้งรีบจูบไปที่ใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว“โอเค ฉันไปแล้วนะ”
เมื่อเห็นสายตายินยอมของมู่วี่สิง เกาเชียนจึงปลดล็อกประตูรถ เวินจิ้งผลักประตูและลงจากรถทันที
เหมือนได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากทางประตู คนรับใช้อุ้มเวินซินออกมา เธอกำลังร้องไห้ โดยปกติแล้วมีเพียงเวินจิ้งเท่านั้นที่สามารถปลอบเธอได้
เวินจิ้งรับเวินซินที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด เธอกอดปลอบเด็กน้อยเป็นเวลานานจนเธอหลับไป เพราะว่าเหนื่อยจึงยิ่งเมื่อยมือมากขึ้น
แต่เมื่อมองดูเวินซินที่นอนหลับสนิท ใบหน้าที่เฉยเมยของเธอก็เริ่มอ่อนโยนมากขึ้น มุมปากค่อยๆยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
ปอร์เช่ คาเยนน์ยังคงจอดอยู่ที่หน้าประตู ประตูทางเข้ายังไม่ปิดทำให้มู่วี่สิงสามารถมองเห็นฉากข้างในนั้นได้อย่างชัดเจน
หญิงสาวผู้อ่อนโยนอุ้มลูกน้อยน่ารัก สีหน้าที่ช่างดูอบอุ่น นั่นคือลูกของเธอแต่ผู้เป็นพ่อ ไม่ใช่เข่า
ดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงสายตาเย็นชา เวินจิ้งหันมองรอบๆตามสัญชาตญาณ มู่วี่สิงยังไม่ไปอย่างนั้นเหรอ
หัวใจของเธอกระตุกวูบ หลังจากพาเวินซินกลับไปที่ห้อง เธอหันหลังกลับไปเปิดประตูรถแล้วนั่งลงข้างๆเขา
เขาคว้าเธอมากอดแน่นๆในอ้อมแขนทันที ริมฝีปากบางแนบข้างหูของเธอ“ถ้าลู่เซิ่นยังยืนกรานที่จะฟ้องร้อง ฉันสัญญาว่าจะทำให้เวินซินชนะให้ได้และฉันจะรักเธอให้เหมือนกับลูกแท้ๆ”
เขานึกว่าเธอวิ่งกลับมาเพราะคิดเรื่องเวินซินขึ้นมาได้หรือเปล่า
ใบหน้าของเวินจิ้งอิงแอบในอ้อมแขนของมู่วี่สิง ฝ่ามือใหญ่อันอบอุ่นกำลังจับมือของเธออยู่ พูดเสียงอู้อี้ “นายชอบเวินซินมากเลยเหรอ แต่นายบอกว่าไม่ชอบเด็ก”
มู่วี่สิง “….ฉันชอบเวินซิน”
ฝ่ามือใหญ่ลูบที่ท้ายทอยของเธออย่างอ่อนโยน น้ำเสียงทุ้มต่ำของช่างน่าฟัง “หากเป็นลูกของเธอ ฉันก็จะอยู่เคียงข้างเธอ”
เวินจิ้งถอนหายใจอย่างเหลืออด “ไม่จำเป็น”
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว มือยกหน้าของเธอขึ้น“ทำไม”
เขากอดเธอแน่นมากขึ้น “อย่างไรก็ตามเด็กคนนั้นใช้นามสกุลของเธอมาตลอด นั่นแสดงว่าความสัมพันธ์กับลู่เซิ่นคงไม่ดีนัก””
“นายจะแข่งกับพี่ชายฉันงั้นเหรอ”
คิ้วของชายหนุ่มขมวดปม “จะไปสนใจพี่ชายเธอทำไม เธอเป็นน้องสาวของเขาแต่เขากลับเลือกอยู่ข้างลู่เซิ่น?”
เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น พูดเสียงอ่อย“เห็นๆอยู่ว่านายยั่วให้ฉันนอกใจ แน่นอนว่าพี่ชายฉันต้องไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่ได้ชอบนายแต่แรกอยู่แล้วด้วย ”
มู่วี่สิง:……
จริงๆ บัญชีของเขากับหลินยี่รวมกันแล้ว มันเยอะมากเลยนะ
เขาก้มลงจูบใบหน้าของเธออย่างแข็งทื่อ “ไม่เป็นไร เธอไปบอกเขานะว่าฉันใช้วิธีกดดันเธอ”
เสียงของชายหนุ่มแหบพร่า นิ้วเรียวยาวลูบไล้ไปบนใบหน้าของเธอ“ฉันจะรับผิดชอบอนาคตของเธอเอง จิ้งจิ้ง เธอไม่จำเป็นต้องกังวลมากขนาดนี้ เธอมีฉันอยู่เสมอ”
เวินจิ้งรู้สึกเจ็บที่หัวใจเล็กน้อย เธอรู้ว่าเขาพยายามทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยเพื่อที่เธอจะได้เชื่อใจเขา
เขาสามารถจัดการกับลู่เซิ่นหรือแม้กระทั่งหลินยี่ได้ แต่ถ้าเวินจิ้งไม่เคยอยู่เคียงข้างเขาเลย ต่อให้เขาจะทำอะไรมากมายแค่ไหนหรือมีวิดีโอนั่นก็ตาม มันก็ไม่มีประโยชน์
หัวใจของเวินจิ้งอ่อนยวบ แต่น้ำเสียงของเธอยังคงแผ่วเบา“นายไม่ต้องดูแลเวินซิน ไม่อย่างนั้นพี่ชายฉันเกลียดนายตายแน่ เขาต้องรักลูกสาวอยู่แล้ว”
เธอพูดบ่ายเบี่ยงซึ่งดูจะเป็นเรื่องที่ผิดปกติ
รูม่านตาของมู่วี่สิงขยายใหญ่อีกครั้ง สีหน้าของเขาช็อกจนไม่สามารถปกปิดไว้ได้
มือที่บีบเอวของเวินจิ้งเริ่มแรงมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ลมหายใจของเขาถี่ขึ้น“เธอว่าอะไรนะ”
เขาบีบเอวของเธอแรงมาก เมื่อคืนก็เจ็บมากพอแล้ว เวินจิ้งขมวดคิ้วและรีบดึงมือเขาออกอย่างรวดเร็ว “เบาหน่อยสิ… มู่วี่สิง!”
ชายหนุ่มจึงปล่อยเธอ เข้ามาใกล้เธอและถามอย่างเคร่งขรึม“จิ้งจิ้ง เวินซินเป็นลูกสาวของใคร”
เวินจิ้งถูกเขาล็อคแขนไว้แน่น แต่เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง พูดเสียงอ่อย “ชื่อเดิมของพี่ชายฉันคือเวินจื่อยี่ ดังนั้นเวินซิน คือลูกสาวของพี่ชายฉัน ฉันแค่ช่วยเลี้ยงเวินซินเหมือนลูกแท้ๆก็เท่านั้น”
เมื่อสิ้นเสียงพูด มู่วี่สิงก็ประทับจูบที่ลึกซึ้งลงมา เวินจิ้งถูกเขารัดไว้อย่างแรงในอ้อมแขนของเขา จูบไปตามอำเภอใจ จูบที่เร่าร้อนไปทั้งร่างกาย
เกาเชียนบังเอิญเห็นภาพจากด้านหลังเป็นใบหน้าสูงอายุที่แดงไปหมด
เวินจิ้งรู้สึกว่าเธอแทบจะหายใจไม่ออก ร่างกายของเธอถูกมู่วี่สิงรั้งไว้ไม่สามารถขยับไปไหน ทำได้เพียงแค่ดันหน้าอกของเขาไปตามสัญชาตญาณ
เวลาผ่านไปเนิ่นนานมู่วี่สิงถึงจะยอมปล่อยเธอ เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้น ถึงแม้ว่าใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง หากแต่สิ่งที่พลุ่งพล่านในดวงตาที่ลึกล้ำนั้นเห็นได้ชัดว่าเขาไม่สงบเลย