บทที่ 761 ประหลาดใจและคาดไม่ถึง
ทนายความของโจทก์ยื่นร้องขอเปิดคลิปวิดีโอ “ตอนนี้กล้องวงจรปิดจากที่เกิดเหตุ เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าหลิงฉิงผู้ตายนั้นถูกผู้ใดชนจนถึงแก่ชีวิต”
เวินจิ้งตกใจ คลิปวิดีโอนั้นถูกบ้านหลิงเอาไปแล้วไม่ใช่หรือ
ทำไมตอนนี้ถึง…..
เธอหันไปมองทางหลิงเหยา สีหน้าของเธอก็ดูตกใจไม่แพ้กัน
ไม่ทราบด้วยสาเหตุใด จิตใจเธอเริ่มรู้สึกกระวนกระวาย
หลังจากที่คลิปวิดีโอเริ่มเล่น ใบหน้าเวินจิ้งได้ขาวซีดไปหมด ลานจอดรถชั้นใต้ดินที่ปรากฏอยู่ในคลิปวิดีโอ มีเพียงคนสองคน
มีเพียงเธอกับหลิงฉิงเจ้าของรถคันเกิดเหตุ
ในใจเวินจิ้งยิ้มอย่างดูแคลน ผลลัพธ์ออกมาเป็นเช่นนี้ ช่างทำให้เธอประหลาดใจและคาดไม่ถึงจริงๆ
ถึงอย่างไรบ้านหลิงก็คงไม่ยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับหลิงเหยา อีกทั้งคนที่เสียชีวิตในครั้งนี้ก็ยังเป็นหลิงฉิง
วิธีแบบนี้คงมีเพียงหลิงอี้ที่สามารถทำได้
เพื่อปกป้องหลิงเหยาแล้ว เขาสามารถทำได้ทุกอย่างจริงๆ
ในวิดีโอเป็นภาพที่เธอไม่ทันระวังถูกรถของหลิงฉิงชนจนล้มลง จากนั้นเธอก็ขึ้นรถปอร์เช่คันนั้น แล้วขับมุ่งไปที่หลิงฉิงที่ลงมาจากรถ เรื่องราวช่างปะติดปะต่ออย่างต่อเนื่องกันจริงๆ
ทันใดนั้นมีเสียงร้องดังจอแจขึ้นในศาลเล็กๆ จนเกิดความโกลาหล
แต่เวินจิ้งกลับยังคงนั่งเงียบๆอยู่ในนั้นอย่างไม่สะทกสะท้าน
หลิงเหยาที่ค่อยๆถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อมองไปทางเวินจิ้ง คิ้วของเธอจึงขมวดขึ้นเล็กน้อย
ทุกคนต่างทราบดีว่า เวินจิ้งในตอนนี้ไม่มีทางที่จะรอดพ้นจากความผิดไปได้
“พี่น้องครับ” ปฏิกิริยาลี่หนานเฉิงที่ตอบสนองเร็วมาก “นี่มันคืออะไรกัน เวินจิ้งเป็นคนฆ่าจริงเหรอ”
ทันใดนั้นเขาก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ “ถ้าหากเธอชนคนอื่นโดยไม่ตั้งใจจริงๆ เธอควรจะบอกพวกเราตั้งแต่แรกเพื่อที่จะได้หาทางรับมือถูก แต่ตอนนี้หลักฐานโทนโท่ซะขนาดนี้…..”
ใบหน้ารูปงามแต่เย็นชาของมู่วี่สิงไม่มีอาการใดๆ ทุกสายตาจดจ่ออยู่ที่หน้าจอคลิปวิดีโอที่เปิดวนซ้ำไปซ้ำมา
ทั้งหมดช่างต่างกับที่เวินจิ้งบอกกับเขา
แม้แต่ร่องรอยของอุบัติเหตุแบบไม่ตั้งใจก็ยังมองไม่เห็น เห็นแต่เวินจิ้งนั้นตั้งใจพุ่งชนเข้าไป
เวินจิ้งกับตระกูลหลิงก็ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน หลิงเหยาเคยเป็นคู่หมั้นของมู่วี่สิงมาก่อน และหลิงฉิงก็เป็นหลายชายของคุณนายหลิงถ้าจะบอกว่าเวินจิ้งเกลียดบ้านหลิงนั้นก็มีความเป็นไปได้
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นข้อสรุปไปแล้ว
กุญแจมือที่เย็นเฉียบล็อกข้อมือเวินจิ้ง และเธอก็ก้มลงมองเบาๆ
เสียงก้าวฝีเท้าดังขึ้นเป็นระยะๆ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่ลึกล้ำของผู้ชายจ้องมองเธอด้วยตาเป็นประกาย ทั้งคู่ต่างเงียบไปสักพัก
ลี่หนานเฉิงกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด “เวินจิ้ง ภาพจากกล้องวงจรปิดนั้นมันคืออะไรกัน!”
เขาเป็นคนปากไวใจตรง “เธอเป็นคนชนหลิงฉิงตายจริงๆเหรอ?”
เวินจิ้งๆไม่ได้ตอบ แต่กลับเป็นมู่วี่สิงที่ถามขึ้นด้วยโทนเสียงต่ำ “มีอะไรอยากบอกกับผมไหม”
ข้อมือเรียวบางของเวินจิ้งที่อยู่ในกุญแจมือได้ขยับขึ้น เงียบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยิ้มขึ้นเจื่อนๆ “คุณไม่เชื่อฉันใช่ไหม”
ในสถานการณ์เช่นนี้หากยังมีใครบอกว่าเชื่อเธอนั้น แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้จริงๆ
แม้แต่ตัวเธอยังสงสัยว่าเป็นเธอเองที่จำผิดไปหรือเปล่า ภาพที่อยู่กล้องวงจรปิดนั้นต่างหากที่เป็นเรื่องจริง
แต่ว่าเธอไม่มีมูลเหตุจูงใจที่จะทำเช่นนั้น หลิงฉิงเกือบจะชนโดนเธอ เธอคงไม่ชนคนเสียชีวิตด้วยแค่เรื่องอุบัติเหตุเล็กๆเช่นนี้
แต่เมื่อสักครู่ตอนที่อยู่ในชั้นศาลถึงแม้จะเห็นว่าเธอนั้นไม่ได้ตั้งใจทำให้คนเสียชีวิต แต่ถึงอย่างไรก็คงหนีความผิดทางคดีไม่ได้
ความผิดนี้เธอจะต้องรับผิดแทนหลิงเหยา
และด้วยท่าทีของมู่วี่สิง ทำให้เธอรู้สึกเย็นวูบวาบในหัวใจ
ถึงอย่างไรก็ต้องเดินหน้าต่อไป จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญ
เธอหรี่ตาลง “ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัวก่อนนะ”
ดวงตามู่วี่สิงที่ลึกล้ำ เธอเห็นถึงความผิดหวังอย่างมากในแววตาของเขาได้อย่างชัดเจน
ถ้าเขานั้นไม่เชื่อมั่นในตัวเธอ ผิดหวังกับเธอเพียงนี้ แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน
ต่อไประหว่างพวกเขาก็จะได้ไม่มีอะไรพัวพันกันอีก
มู่วี่สิงมองดูหญิงสาวถูกพาตัวออกไปต่อหน้าต่อตา เธอที่สันหลังตรงดูสุขุม ไม่มีอาการตื่นตระหนก ไม่มีท่าทีที่ทำให้คนรู้สึกถึงความสิ้นหวัง
ไม่มีใครสังเกตเห็นฝ่ายชายนั้นได้กำหมัดแน่น จนเสียงกระดูกดังขึ้น เสียงดังราวกับจะแตกหักออกมาให้ได้
มู่ซีตกใจจนเข้ามาใกล้ๆเขา ทั้งน้อยใจและข้องใจ “ทำไมเธอถึงทำแบบนี้ ก็เห็นอยู่ตำตาว่าเธอเป็นคนชน ยังจะปากแข็งอีก เธอคงต้องการให้พี่มาช่วยชี้แจงแก้ต่างให้เธอ…..”
เขาหันขวับไปมองเธอทันควันด้วยแววตาสุดเย็นชาดุจเข็มทิ่มแทงเข้าที่ตัวเธอ “มู่ซี หุบปาก ไม่ใช่ธุระกงการของคุณที่จะมาตัดสินเธอ”
มู่ซีตกใจจนตัวหด ยิ่งรู้สึกน้อยใจมากกว่าเดิม
มู่เฉิงถือไม้เท้ากำลังเดินเข้ามาแล้วได้ยินเข้าคำพูดเหล่านี้ จึงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “วี่สิง แกดุมู่ซีทำไม เธอก็แค่เป็นห่วงแก…..แต่สำหรับเวินจิ้งแล้ว”
เขาถอนหายใจลึกๆ “มาถึงขั้นนี้ พวกเราคงทำอะไรไม่ได้แล้ว หาทนายความดีๆสักคน ดูว่าจะมีวิธีทำให้โทษของความผิดนั้นเบาบางลง”
เวลานี้หากพูดเรื่องความผิดของเวินจิ้งเหมือนยิ่งทวีความโกรธให้กับมู่วี่สิง ข้อนี้มู่เฉิงทราบดี
ใบหน้าหล่อเหลาของฝ่ายชายดูมืดมนหมองคล้ำดำคล้ายจะสามารถหยดออกมาเป็นน้ำหมึกดำ แล้วหันหลังจากไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวมองมู่เฉิงกับมู่ซี
บนรถ ลี่หนานเฉิงนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ มองผู้ชายนั่งหลับตาผ่านกระจกมองหลัง เดาไม่ออกถึงความคิดของเขาจริงๆ
เขาเกาศีรษะไปมา อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “พี่น้องครับ ถึงแม้ว่าเวินจิ้งจะโกหกพวกเรา แต่ผมคิดว่าเธอนั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะชน คน อาจจะด้วยสายตาพร่ามัว……นายคงไม่ปล่อยไปเฉยๆโดยไม่สนใจหรอกนะ”
เขาชอบเวินจิ้งขนาดนั้น แม้จะเกิดอุบัติเหตุรถยนต์จนสูญเสียความจำเขาก็ยังจำได้แต่เธอ…..ต่อให้จะโกรธเพียงไรเขาก็คงจะไม่เพิกเฉย
เวลานี้ที่เรือนจำ
เวินจิ้งนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงที่ยังจัดได้ว่าสะอาดเรียบร้อย
ผ้าพันแผลอยู่บนหน้าผากเธอ ที่ยังไม่ได้ดึงออก อากาศหนาวเย็น เธอเงยหน้ามองฝ้าเพดานที่มีรอยด่างด้วยสายตาที่หงอยเหงา
สักพักก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ ตำรวจได้เปิดประตูอย่างรวดเร็ว กล่าวขึ้นอย่างเคารพ “คุณหลิงครับ คุณมีเวลาเพียงสิบห้านาทีนะครับ”
เธอได้ยินเสียงของหลิงเหยา “ฉันทราบแล้วค่ะ”
ริมฝีปากค่อยๆผุดรอยยิ้มขึ้น เธอเอนหลังพิงกำแพงที่แข็งและยิ้มอย่างแห้งๆ “ไม่คิดว่าคุณหลิงจะสามารถมาเยี่ยมฉันที่ห้องขังได้”
เธอยอมรับว่าตัวเองนั้นดูเหมือนจะไม่เคยรู้จักตัวตนจริงๆของผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่โหดร้ายและน่ากลัว
ความคิดจิตใจเธอนั้นลึกลับแค่ไหนกันแน่
“คุณหลิงยังมีเรื่องอะไรที่จะคุยกับฉันอีก” เวินจิ้งยิ้มจางๆ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจการมาของเธอด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับคำถามที่ทำให้น่าโมโห
เธอถอนสายตากลับอย่างรวดเร็ว เพียงแต่แววตาจางๆเชิงเหยียดหยามถากถางนั้นไม่สามารถซ่อนปกปิดได้
“ฉันอยากจะบอกว่า ไม่รู้มู่วี่สิงยังอยากจะช่วยเธอให้พ้นคดีอีกหรือเปล่า วันนี้เห็นได้ชัดว่าเขานั้นดูเหมือนจะผิดหวังกับเธอมาก” เธอมองดูหญิงสาวที่สุขุมเงียบสงบอย่างถือไพ่เหนือกว่า
เวินจิ้งยิ้มอย่างเยือกเย็น “เหรอ ฉันก็อยากจะรู้จริงๆว่าเธอที่ชนลูกพี่ลูกน้องของตัวเองจนตายนั้น เคยฝันเห็นเขามาทวงชีวิตจากเธอหรือเปล่า”