บทที่ 724 พวกเรากลับไปไม่ได้แล้ว
สีหน้าของเวินจิ้งเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องดื่ม ฉันจะไปนอนแล้ว”
มือที่โอบเอวเธอไว้ไม่ผ่อนแรงแม้แต่น้อย เวินจิ้งมองเขาอย่างไม่พอใจ “มู่วี่สิง คุณหมายความว่ายังไงกันแน่”
ดวงตาดำลึกของเขาจ้องมองเข้าในตาของเธอ แต่หลังจากนั้นก็เลื่อนลงไปมองริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ ลูกกระเดือกขยับ พูดเสียงเบา “ฉันดื่มก็ได้ เธอจูบฉันสิ”
เห็นอยู่ชัด ๆ ว่ามียาอยู่ในชา แต่เขาก็ยังกล้าดื่ม นี่เขากำลังดูถูกเธอหรือมั่นใจในสภาพร่างกายของตัวเองมากเกินไปกันแน่
เวินจิ้งยื่นมือไปหยิบถ้วยชาขึ้นมา จากนั้นก็ส่งมันไปป้อนให้เขาถึงปาก สายตาแฝงไปด้วยการยั่วยุอยู่หลายส่วน “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ดื่มสิ”
เขามองหน้าเธอ ริมฝีปากยกยิ้ม “จูบฉันสิ”
เวินจิ้งไม่แม้แต่จะกะพริบตา “ได้”
มู่วี่สิงก้มหน้าลงตามการเคลื่อนไหวของเธอ กลิ่นชาหอมอบอวลทำให้รู้สึกสบายจมูกเป็นอย่างมาก เขาดื่มชาลงไปครึ่งถ้วยโดยไม่แม้แต่จะลังเล
ทว่าพอวางถ้วยชาลง ริมฝีปากของชายหนุ่มก็ทาบทับลงมา
“อื้อ…” เธอเบิกตากว้าง มองใบหน้าของเขาที่อยู่ห่างไปไม่ถึงคืบ คำพูดทั้งหมดถูกสกัดกั้นเอาไว้ในลำคอ
เขาเลียริมฝีปากนุ่มของเธอ แววตาที่มัวเมาและพร่าเลือนดูคล้ายจะได้สติขึ้นมาทันที เขากดเธอลงบนโซฟานุ่มที่อยู่ด้านใต้
เวินจิ้งลืมตา แววตาเต็มไปด้วยความชัดเจน จนกระทั่งเขาค่อย ๆ ผละออกจากริมฝีปากของเธออย่างช้า ๆ เธอจึงสามารถเปิดปากพูดได้ “ฉันรู้ว่าคุณเป็นหมอที่สามารถแยกแยะรสชาติและผลลัพธ์ของยาที่ฉันใส่ลงไปได้ คิดจะทำให้คุณติดกับไม่ง่ายเลยจริง ๆ ”
มู่วี่สิงมองเธอ “ดังนั้นเธอก็เลยทาเอาไว้ที่ริมฝีปากอีกชั้น”
“ใช่” เวินจิ้งพยักหน้า “นี่เป็นวิธีเดียวที่ฉันคิดได้เพื่อลดการตอบสนองและการป้องกันของคุณ”
มู่วี่สิงยิ้มเล็ก ๆ วางหน้าฝากลงบนที่พักแขนของโซฟา ลมหายใจของเขารินรดอยู่ใกล้หูของเธอ “ที่แท้เธอก็รู้อยู่แล้วนี่เองว่า ต้องเป็นตัวเธอถึงจะสามารถทำให้ฉันติดกับได้”
เวินจิ้งยังคงรักษาท่าทางของเธอไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เธอหลับตาลงแล้วพูดออกมาด้วยเสียงเรียบ ๆ “ฉันไม่รู้ ฉันรู้แค่ว่าพวกเรากลับไปไม่ได้อีกแล้ว”
เรื่องระหว่างพวกเรา ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้อีกแล้ว
มู่วี่สิงขมวดคิ้วโดยไม่พูดอะไรออกมา ลมหายใจค่อย ๆ กลายเป็นสับสนวุ่นวาย มือของเอาโอบกอดเอวผอมบางของเธอเอาไว้ กักขังเธอไว้ในอ้อมแขน ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมากนัก เขารู้ดีว่ายิ่งทำให้เลือดไหลเวียนก็ยิ่งทำให้ยาออกฤทธิ์เร็วขึ้น
“เธออยากจะไปใช่ไหม” แม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงของเขากลับดูคล้ายประโยคบอกเล่า “จิ้งจิ้ง ต่อให้เธอหนีไปจนสุดขอบฟ้ามหาสมุทร ฉันก็จะไปหาเธอ”
“เด็กดี อยู่กับฉันดี ๆ เถอะนะ”
ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน เขาล้วนตามหาเธอพบ ต้องหาเธอจนพบแน่นอน
เธอพูดออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง “ทำไมคุณถึงต้องดื้อดึงขนาดนี้ มู่วี่สิง ฉันสามารถทำใจให้เชื่อได้ว่าคุณไม่ได้ต้องการจะเอาชีวิตพี่ชายฉัน แต่คนในตระกูลมู่ของคุณไม่ยอมรับฉัน คุณไม่จำเป็นจะต้องแตกหักกับพวกเขาเพราะฉัน ไม่จำเป็นเลยสักนิด”
เขาแค่นหัวเราะเสียงเย็น “เวินจิ้ง เหตุผลของเธอช่างมากมายเหลือเกิน มันก็แค่เธอไม่รักฉันแล้วก็เท่านั้น”
เวินจิ้งลืมตามองใบหน้าหล่อเหลาของเขา ถึงแม้ว่าแขนที่กอดเธอไว้จะยังคงไม่หลุดออก แต่เธอรู้ว่ายากำลังค่อย ๆ ออกฤทธิ์
น้ำชาก็เป็นเพียงแค่ฉากหน้า เธอรู้ดีว่าเขาไม่มีทางตกลงไปในหลุมพรางนี้
ยาที่เธอทาไว้บนริมฝีปาก เพียงพอที่จะทำให้เขาหลับไปจนถึงเช้า
“จิ้งจิ้ง ทำไมเธอถึงจะต้องไปให้ได้” ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแนบชิดกับเธอ พูดด้วยเสียงเบา “เธอไปแล้วฉันก็สามารถตามหาเธอเจอได้ จิ้งจิ้ง ไม่มีใครรักเธอเท่าฉันหรอกนะ”
โทรศัพท์ของเขาถูกเธอเหยียบจนพังตอนที่เขาจะจูบเธอเมื่อกี้นี้ เวินจิ้งคิดว่าตอนนั้น เป็นการที่การป้องกันของเขาลดต่ำลงที่สุด แม้ว่าเขาจะเพิ่งจูบเธอไปก็ตาม
ในความจริงแล้วเธอเองก็ไม่ได้มั่นใจมากนัก ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้คำนวณอะไรถูกต้องไปเสียหมด หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เขานอนอยู่บนตัวของเธออย่างเงียบ ๆ เส้นประสาทและการลมหายใจที่ตึงเครียดของเธอจึงค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
เวินจิ้งใช้แรงจำนวนมากในการลุกออกมาจากใต้ร่างของเขา ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วแน่น เธอย้ายเขาไปไว้บนโซฟา
เธอจ้องมองเขาอยู่หลายนาที ก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นไปบนห้อง เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไปสองสามชุด หลังจากนั้นก็เดินไปที่ห้องหนังสือของเขา
เธอพิมพ์ข้อตกลงในการหย่าออกมาทีละคำ แล้วใช้เครื่องพิมพ์เอกสารพิมพ์มันออกมา
พอได้ยินเสียงของเครื่องจักร คล้ายกับว่าจะนอกเหนือไปจากการสูญเสียที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้แล้ว ตอนนี้ได้อารมณ์ของเธอสงบแล้ว
จากนั้นก็หยิบกระดาษที่ยังคงมีความร้อนหลงเหลืออยู่ขึ้นมา เวินจิ้งอ่านข้อความบนนั้นทีละคำภายใต้แสงสว่างจ้าอย่างตั้งใจ สุดท้ายแล้วเธอก็วางมันลงไปบนโต๊ะ ใบหน้าบอบบางของเธอสงบนิ่ง หยิบปากกาที่วางอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมา หลังจากตัวสั่นเทาอยู่ห้านาที ปลายปากกาก็ค่อย ๆ จรดลงบนกระดาษสีขาว
เมื่อตัวอักษรตัวสุดท้ายสิ้นสุดลง เธอกะพริบตา จึงได้พบว่ามีน้ำตาไหลหยดลงบนชื่อของเธอ
ท้องฟ้าภายนอกกลายเป็นสีดำมืด แม้แต่พระจันทร์ก็มองไม่เห็น
เธอวางปากกาลง อยู่ ๆ ก็รู้สึกเหนื่อยล้า เธอกอดเข่า ขดตัวแล้วค่อย ๆ หลับไปบนเก้าอี้ตัวใหญ่ เธอตั้งใช้โทรศัพท์ตั้งปลุกเอาไว้ตอนตีสี่
เธอคิดว่าตัวเองไม่สามารถที่จะนอนหลับได้ ทว่าพอหลับตาเธอก็จมเข้าไปในห้วงฝันลึก
สี่โมงเช้าเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบที่สุด เวินจิ้งเพียงสะพายกระเป๋าสีดำและก้าวลงบันได
เดินไปได้สักพัก เท้าของเธอก็หยุดลง
นิ้วมือกำแน่น ดวงตาเบิกกว้าง ผู้ชายที่เคยนอนอยู่บนโซฟาคนนั้นไม่อยู่แล้ว
เธอแค่นยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ก้มหน้าลงอย่างหดหู่ เธอประเมินเขาต่ำไปสินะ
“ฉันคิดว่าเธอเปลี่ยนความตั้งใจแล้วเสียอีก” เสียงนั้นดังขึ้นมาจากข้างหลัง “จิ้งจิ้ง ตอนที่เธอเซ็นชื่อเธอร้องไห้ ในเมื่อร้องไห้แล้ว ทำไมถึงยังเซ็นต่อไปอีก”
เวินจิ้งกำกระเป๋าที่อยู่ในมือเอาไว้แน่น เดินก้าวยาว ๆ ออกไปโดยไม่หันกลับไปมองเขา
แต่ละก้าวแฝงไปด้วยความเร่งรีบ เงาแผ่นหลังเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
เพียงแต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที แขนของเธอก็ถูกผู้ชายที่ไล่ตามมารั้งเอาไว้ “จิ้งจิ้ง ความจริงแล้วเธอต้องการอะไรกันแน่”
ดูเหมือนเธอจะคาดเอาได้ถึงการกระทำของเขามาตั้งแต่แรกแล้ว ทันทีเธอมือของเขาสัมผัสลงบนแขนของเธอมันก็ถูกสะบัดออก
เธอหันตัวกลับไป ดวงตาแดงก่ำ “คุณต้องการอะไรกันแน่! ฉันเคยพูดไว้ตั้งนานแล้วว่าเรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว คุณเข้าใจไหม ต้องให้ฉันพูดอีกสักกี่ครั้งคุณถึงจะเข้าใจ”
เธอสูดหายใจอย่างแรง นี้เป็นครั้งแรกของในช่วงเวลานี้ ที่เธอแสดงออกมาถึงความโกรธอันมากมาย เป็นความโกรธทั้งหมดที่เธอมี
“คุณต้องการให้ฉันตายใช่ไหมถึงจะยอม แม้แต่ลูกของฉันคุณก็พรากเขาไป คุณต้องการให้ฉันตายไปเลยใช่ไหมมู่วี่สิง”
กระเป๋าสะพายของเธอหล่นลงบนพื้น บรรยากาศระหว่างทั้งสองหยุดชะงัก ดวงตาของเขาที่เรียบนิ่งมาเนิ่นนานได้ระเบิดความโกรธเป็นครั้งแรก