flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 722 ฉันจะพาเธอไปเอง

บทที่ 722 ฉันจะพาเธอไปเอง

เวินจิ้งยังเจ็บหัวเข่าอยู่ แล้วนี่ก็ยังเป็นห้องพักฟื้นของเธอ เธอรู้สึกลำบากที่จะต้องย้ายที่ย้ายทางให้พวกเขา

มู่วี่สิงหอมแก้เธอ แล้วพยักหน้าให้มู่เฉิง “ได้”

พูดจบก็เดินออกไปก่อน มู่เฉิงมาคนเดียว ตอนที่จะออกไปเขาหันมองเวินจิ้งด้วยสายตาซับซ้อน

ณ ระเบียงทางเดินของนอก

“วี่สิง” มู่เฉิงมองชายหนุ่มที่มีท่าทีเย็นชาไร้อารมณ์ “แกคิดจะกำจัดมู่ซีจริง ๆ เหรอ”

แววตาของมู่วี่สิงเต็มไปด้วยความเหลืออด “ผมคิดว่าปู่รู้รูปแบบการจัดการของผมชัดเจนแล้วเสียอีก ครั้งนี้มู่ซีลงมือกับผู้หญิงของผม”

มู่เฉิงพูดโน้มน้าว “ตอนนี้แกก็รู้แล้วว่ามู่ซีไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องลูกของเวินจิ้ง เธอแค่พูดเรื่องที่ไม่ควรพูด ไม่น่าจะต้องถึงขนาดให้เธอออกไปจากเมืองหนานตลอดไปเลยก็ได้นี่”

อารมณ์ของมู่เฉิงสงบเป็นอย่างมาก “ไม่ว่าจะยังไง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉันพาเธอเข้ามาอยู่ในตระกูลมู่ วันนี้เธอก็คงไม่เดินมาอยู่ตรงจุดนี้ ฉันรับรองได้ว่าหลังจากนี้เธอจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าแกกับเวินจิ้งอีก แต่ขอแค่แกอย่าฆ่าเธอ”

สายตาของมู่วี่สิงเย็นเยียบ “ใช่ครับ ถ้าปู่ไม่พาเธอกลับมาที่ตระกูลมู่เพื่อแทนที่คนที่ตายไปแล้ว ไม่แน่ว่าผมเองก็อาจไม่ได้อยู่ตรงหน้าปู่แบบตอนนี้”

สีหน้าของมู่เฉิงพลันซีดขาว “แกกำลังจะพูดอะไร”

มู่วี่สิงมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ตั้งแต่ที่ปู่รู้ว่าผมอยากอยู่กับเวินจิ้ง ตั้งแต่ตอนที่ปู่รู้ว่าหลินยี่คือคนร้าย ปู่ก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะเอาชีวิตหลินยี่มาชดใช้ให้กับชีวิตของมู่ซือซือ ใช่ไหมครับ เป็นเพราะว่าผมรู้เรื่องทุกอย่าง เป็นเพราะว่าผมยังอยู่ ปู่เลยแก้แค้นเวินจิ้งไม่ได้”

มู่วี่สิงแค่นหัวเราะเย้ยหยัน “ปู่ก็รู้ว่าความจริงผมคิดจะปล่อยวางเรื่องหลินยี่แล้ว แต่ปู่บอกว่าการที่เธอท้องแล้วบังคับให้ผมตามหาหลินยี่แต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นแค่หมากกระดานหนึ่ง เป้าหมายของปู่คือการให้ผมกับหลินยี่ได้เผชิญหน้ากัน ที่คนของโม่ถิงเซินรู้ก็เพราะมู่ซี เป็นคนบอกเขา และที่เธอกล้าขนาดนี้ก็เพราะมีคุณคอยบงการอยู่ข้างหลังเธอ”

ดวงตาของมู่วี่สิงเต็มไปด้วยความเย็นชาและห่างเหิน ไม่คล้ายกับแววตาที่ใช้มองคนสนิท แต่เป็นแววตาที่คล้ายใช้มองคนแปลกหน้า

หลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง “คุณเป็นปู่ของผม ผมทำอะไรคุณไม่ได้ เรื่องการตายของซือซือไม่เกี่ยวอะไรกับเวินจิ้ง ปู่ตั้งใจทำให้ผมเข้าใจผิดตั้งแต่แรก แต่ความจริงแล้วผมรู้มาตลอดว่าเธอเองก็เป็นผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ผมก็ยังติดอยู่ในวังวนนี้ โยนความผิดทั้งหมดไปไว้ที่เธอ…คุณปู่ครับ ผมรบกวนว่าหลังจากนี้อย่าได้มาปรากฏตัวต่อหน้าเธออีก”

มือของเขาจับลงบนบานประตู แผ่นหลังที่พิงไว้อยู่ตื่นตระหนกตกใจ มู่เฉิงพูดด้วยเสียงเรียบนิ่ง “หากไม่พูดถึงเรื่องมู่ซี ถึงอย่างไรเด็กคนนั้นก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของแก ต่อให้แกมาขอร้องก็ไม่มีประโยชน์”

ตอนที่มู่วี่สิงกลับเข้าไปในห้อง เวินจิ้งก็เปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว นั่งขัดสมาธิบนเตียงมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างใจลอย

เขาพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง “อยากนอนหรืออยากดูทีวี”

เพิ่งจะพูดจบคุณหมอก็ผลักประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว “คุณนายมู่เจ็บตรงไหนไหมครับ สภาพร่างกายของเธอตอนนี้ยังไม่ควรออกจากโรงพยาบาลนะครับ”

ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวมู่วี่สิงจะตำหนิ ในฐานะหมอแล้วเขาไม่กล้าทำผิดเลยจริง ๆ

“คุณนายมู่เจ็บตรงไหนครับ” คุณหมอก้มลงตรวจสอบ

เวินจิ้งเลิกขากางเกงของตัวเองขึ้น “เจ็บหัวเข่านิดหน่อย แต่ไม่ได้หนักหนาอะไร”

เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่ใช่อาการบาดเจ็บที่รุนแรงอะไร คนเป็นหมอก็สั่งยาให้เธอ แล้วกำชับว่า “ถึงแม้ว่าจะไม่รุนแรงมาก แต่ก็ต้องตั้งใจดูแล อย่าให้แผลโดนน้ำ…”

“ฉันทราบแล้ว ฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้ตอนไหนคะ”เวินจิ้งเงยหน้าถาม

“แม้ว่าร่างกายของคุณจะไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงแล้ว แต่การแท้งบุตรนั้นเป็นอันตรายต่อร่างกายของคุณมาก ดังนั้นคุณจะต้องอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยอีกหนึ่งสัปดาห์ ถึงจะสามารถกลับบ้านได้ ”

“ร่างกายของฉันไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วสินะ”หลังจากทายาเสร็จเธอก็ค่อย ๆ ลดขากางเกงลง พูดเสียงเรียบ ๆ แต่ไม่ได้เป็นการถาม

คนเป็นหมอพยักหน้า “ครับ ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”

หลังจากคุณหมอออกไป ห้องพักฟื้นก็เหลือเพียงเธอกับมู่วี่สิง

เธอลดขาลงวางราบ ข้างในห้องพักฟื้นเงียบมาก เงียบจนสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันได้ เวินจิ้งมองผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเตียงของเธอ แล้วคิดไปถึงประโยคหนึ่งที่เคยได้อ่านขึ้นมาได้

สุดปลายของความรักคืออะไร ไม่ใช่เพียงเฉียดหัวไหล่แล้วผ่านไป ไม่ใช่การพบเจอกันแต่เพียงน้อย จากกันแต่เพียงมาก ไม่ใช่การสร้างความเจ็บปวด และไม่ใช่เรื่องของมือที่สาม เพียงแต่สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่มีอยู่ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าพวกเราสองคนรักกันมาก พวกเรานั่งหันหน้าเข้าหากัน แต่กลับไม่สามารถรับรู้ถึงเรื่องราวของอีกฝ่ายได้อีกต่อไป

เหมือนที่ตอนนี้เธอเห็นว่าห่างกับเขาแค่เพียงเอื้อมมือ แม้ว่าเธอจะมองเห็นความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ในดวงตาที่ไม่แสดงออกของเขาได้อย่างชัดเจน แต่เธอกลับไม่สามารถรับรู้ถึงมันได้อีกต่อไปแล้ว

เหมือนที่เธอรู้ดีมาตลอด ความอาวรณ์พันผูกที่เคยพ้นผ่าน ไม่มีทางที่จะถูกตัดขาดออกเป็นสองส่วน ดังนั้นเธอจึงเลือกวิธีที่โหดร้ายและเด็ดขาดที่สุด

เธอเอนตัวลงนอนแล้วหลับตาลงช้า ๆ

มู่วี่สิงรู้ดีว่าเธอแค่ไม่อยากพูดกับเขา เขาเองก็ไม่คิดจะชวนเธอทะเลาะ ทำเพียงนั่งลงบนโซฟาอย่างเงียบ ๆ

จนกระทั่งถึงเวลาทางอาหาร มู่วี่สิงเปิดประตูห้องพักฟื้นเพื่อเตรียมออกไปอะไร ๆ มาให้เธอกิน ผลลัพธ์คือเมื่อเปิดประตูออกไปแล้วก็พบว่ามีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู

หยูจิ่งห้วนแต่งกายด้วยชุดลำลองสีอ่อน ทำให้เขาดูหล่อเหลาเป็นอย่างมาก “คุณมู่คงไม่ถือสาหากผมจะขอพูดอะไรกับเวินจิ้งสักสองสามประโยค”

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว เขาพูดขึ้นมาอย่างไม่ลังเล “ฉันถือสา”

หยูจิ่งห้วนเลิกคิ้ว “ผมคิดว่าตอนนี้คุณทำตามความต้องการของเธอน่าจะดีกว่านะครับ”

ถึงแม้ว่าหยูจิ่งห้วนจะยังคงยิ้มอยู่ แต่ว่าคิ้วสวยของเขากลับเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

“หมอหยู!”

มู่วี่สิงได้ยินความยินดีที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของเวินจิ้งอย่างชัดเจน เธอไม่เคยช่วงเวลาแบบนี้ตอนที่อยู่ต่อหน้าเขาเลยสักครั้ง

เขากำหมัดแน่น พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “นายมีเวลาแค่สิบนาที”

พอเห็นหยูจิ่งห้วนเดินเข้ามา ใบหน้าของเวินจิ้งก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “คุณมาได้ยังไง”

หยูจิ่งห้วนไม่พูดอะไรอยู่นาน เขาเพียงมองเธออย่างเงียบ ๆ มองใบหน้าที่ขาวซีด ร่างกายที่ซูบผอม เส้นผมที่ยาวสวยเหมือนน้ำตก เธอยังคงเป็นเธอ แต่กลับดูไม่เหมือนเธอเลย

เวินจิ้งไม่ควรเป็นแบบตอนนี้

เขากระซิบถาม “หลังจากนี้เธอวางแผนไว้ยังไง”

เขารู้เรื่องที่เธอแท้งลูกแล้ว สำหรับเวินจิ้งแล้วเรื่องนี้น่าจะทะลวงเข้าไปถึงกระดูก

“ฉันจะไปจากที่นี่”

“ไปคนเดียวเหรอ กลับไปอยู่กับคุณนายหลินที่ลอนดอนใช่ไหม”

ดวงตาดำขลับหมุนกลอกอย่างรวดเร็ว ลอนดอนเหรอ

นั่นไม่ใช่สถานที่ที่เธออาลัยอาวรณ์ เธอเพียงแค่อยากจะอยู่กับแม่แท้ ๆ แต่ต้องเป็นได้อยู่กับแม้แท้ ๆ ไปพร้อมกับพี่ชาย ไม่ใช่มีเธอแค่เพียงคนเดียวแบบนี้

“ยังไม่แน่ใจ อาจจะกลับไปประเทศF ฉันชอบที่นั่นมาก”

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะพาเธอไปเอง” หยูจิ่งห้วนพูดออกมาโดยไม่แม้แต่จะคิด

ทั้งสองคนต่างพากันนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง

หยูจิ่งห้วนมองหน้าเธอ “เดิมทีฉันก็กำลังขยับขยายอยู่ที่ประเทศF พวกเรากลับไปด้วยกัน ดีไหม หลังจากนี้เธออยากไปที่ไหนฉันก็จะไปกับเธอ”

เวินจิ้งพูดอย่างลังเล “แต่มู่วี่สิงไม่มีทางปล่อยฉันไป ฉันรู้จักฝีมือเขาดี ฉันไม่อยากทำร้ายคุณ”

เธอทำร้ายคนมามากมายเกินพอแล้ว เธอไม่สามารถดึงหยูจิ่งห้วนเข้ามาจมปลักกับเรื่องนี้ได้

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset