บทที่ 687 เธอร้องไห้เพราะต้องจากเขา
“จะยังไงวันนี้ฉันก็ต้องพาน้องสาวขอฉันกลับไปให้ได้ ” น้ำเสียงของหลินยี่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
ทว่าที่เร็วยิ่งกว่าก็คือ ไม่รู้ว่าบอดี้การ์ดที่ตามมู่วี่สิงมาตลอดมาวิ่งเข้ามาขวางที่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ ปืนในมือก็ถูกแย่งไป สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมาทันที
ทางฝั่งของมู่วี่สิงมีคนอยู่จำนวนมาก แต่ฝั่งของหลินยี่เพียงอู๋ชิง
แขนของเขากอดรัดเธอเอาไว้แน่นกว่าเดิม จากนั้นก็ก้มกระซิบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ “จิ้งจิ้ง เป็นเด็กดีหน่อย ฉันไม่ได้จะทำอะไร”
ตราบใดที่เธออยู่เคียงข้างเขา ก็ยังยินดีที่จะปกป้องหลินยี่
แต่หลินยี่คือระเบิด
หลินยี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นทั้งงดงามทั้งเร้าอารมณ์ “เวินจิ้ง ฉันไม่ชอบที่เธอพูดแบบนั้น”
อำนาจและอิทธิพลของเขาเพียงพอที่จะสู้กับมู่วี่สิงได้ แต่ตอนนี้ยังต้องซ่อนมันเอาไว้
“มู่วี่สิง ปล่อยน้องสาวของฉันซะ”
เมื่อเทียบกับออร่ายั่วยวนน่าหลงใหลของหลินยี่แล้ว มู่วี่สิงกลับยืนตัวตรงอย่างใจเย็นและสงบนิ่งราวกับรูปปั้นตั้งแต่ต้นจนจบ ทว่าคล้ายถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่มืดมิด
พละกำลังเกือบทั้งหมดของเขาถูกใช้เพื่อฉุดรั้งเวินจิ้งเอาไว้
เขาก้มหน้าลงแล้วใช้คางของเขาถูไถลงบนแก้มสีชมพูของเธอ น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้นที่ข้างหู เสียงทุ้มต่ำแทบจะเป็นกระซิบ “จิ้งจิ้ง เธอบอกเขาไปสิว่าเธอจะไม่ไปกับเขา หืม”
เขาเข้าใจถึงความรู้สึกของเวินจิ้งต่อการพึ่งพาอาศัยพี่ชายคนนี้ดี
คนสองคนที่เหมือนกันจนแทบทุกกระเบียดนิ้ว มันเป็นสายสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ดึงดูดทั้งให้สองเข้าหากัน
เวินจิ้งขยับริมฝีปาก เธอส่ายหัวทันที “ฉันไม่อยาก…”
เธออยากพาหลินยี่กลับไปหาแม่ที่ลอนดอน
วันนี้เธอเหนื่อยมากแล้ว เธอไม่ชอบใช้ชีวิตอย่างเหนื่อยล้าแบบนี้เพียงลำพัง
เธอที่อยู่ข้างกายของมู่วี่สิงเหนื่อยจนมองไม่เห็นความรู้สึกของเขาแล้ว เธอถูกทำให้เจ็บจนหวาดกลัวไปหมดแล้ว
แต่เรื่องสำคัญที่สุดคือ เธออยากจะรู้ว่าทำไมพี่ชายของเธอต้องทำตัวลึกลับถึงขนาดนี้ เขากำลังทำเรื่องอะไรอยู่ ทำไมหลังจากพบแม่แท้ ๆ แล้วถึงจากไปโดยไม่รอให้เธอกลับมาก่อน
นัยน์ตาของมู่วี่สิงดำมืดขึ้นเรื่อย ๆ เขาพูดด้วยเสียงเรียบนิ่ง “จิ้งจิ้ง อย่าบังคับฉัน เธอรู้สถานะของพี่ชายตัวเองหรือเปล่า ตอนนี้เขาเป็นอาชญากร ขอแค่ฉันแจ้งตำรวจก็จะ…”
เวินจิ้งตกตะลึง เธอเงยหน้ามองเขาอย่างตื่นตระหนกทันที มู่วี่สิงพูดอะไร…พี่ชายของเธอเป็นอาชญากรอย่างนั้นเหรอ
จะเป็นไปได้ยังไง…
ทว่าไม่ทันได้รอให้เวินอี้ดึงสติกลับมา วินาทีถัดจากนั้นหลินยี่ก็ลั่นไกทันที…
มู่วี่สิงกอดเธอแล้วรีบหลบไปข้าง ๆ คนด้านข้างเขาเองก็เริ่มลั่นไก ทว่าฝีมือการยิงปืนของหลินยี่นั้นแม่นยำกว่ามาก เสียง ‘ปัง’ดังขึ้น ลูกกระสุนแล่นไปที่แขนของมู่วี่สิงทันที เลือดสด ๆ ไหลย้อมออกมาในชั่วพริบตา
ของเหลวอุ่นร้อนไหลไปตามระหว่างนิ้วของเวินจิ้ง
ที่หลินยี่ยิงคือแขนข้างซ้ายที่เขาจับเวินจิ้งไว้ไม่ยอมปล่อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ยอมปล่อย หยดเลือดค่อย ๆ ไหลจากผิวหนังของเขาไปยังฝ่ามือของเธอ
เวินจิ้งหวาดกลัวจนใบหน้าไร้สีเลือด เธอจ้องมองเลือดสีแดงสดพวกนั้นอย่างตกตะลึง หยาดน้ำตาร่วงหล่นลงมาทันที เสียงที่ดังออกมาเต็มไปรอยสะอึกสะอื้น แม้แต่น้ำเสียงก็สั่นระริก “มู่…วี่สิง คุณอย่าทำแบบนี้…”
มือของเขาต้องจับมีดผ่าตัด จะได้รับบาดเจ็บไม่ได้…
เขาก็ไม่ได้คิดจะทำแบบนี้…แต่ครั้งนี้ไม่ว่ายังไง ต่อให้ตายเขาก็จะไม่ยอมปล่อยมือ
“เวินจิ้ง”เสียงแผ่วเบาคล้ายกับลมเมฆดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง “อย่าหลงกลแผนทรมานตัวเองของเขาเด็ดขาด พี่ชายเลี่ยงไม่เอาชีวิตเขา เขาไม่ตายอย่างแน่นอน เธอมากับพี่”
แต่ไหนแต่ไรมาผู้หญิงก็เป็นคนที่ขี้ใจอ่อน เวินจิ้งจะอยู่กับมู่วี่สิงต่อไปหรือไม่นั้นก็เป็นสิทธิ์ของเธอ เขาเข้าไปแทรกแซงไม่ได้
แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ให้เวินจิ้งอยู่กับเขาจะดีที่สุด
เวินจิ้งก้มหน้าลง ใบหน้าภายใต้ผมยาวสีดำเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เช่นเดียวกับเลือดที่ค่อย ๆ หยดลงจากปลายนิ้วของเขา นิ้วเรียวขาวของเธอมือของเขาออกอย่างช้า ๆ
ชายหนุ่มก้มหน้าลง ริมฝีปากสีขาวเนื่องจากการเสียเลือดมากเกินไปค่อยๆ ยกยิ้มประชดประชัน “จิ้งจิ้ง ร้องไห้ทำไม ที่บาดเจ็บก็เป็นแขนของฉัน หรือเพราะพอได้เจอพี่ชายเลยตื่นเต้นที่จะได้ไปจากฉันแล้วใช่ไหม”
น้ำตาที่ไหลลงตามคางของเธอหยดลงบนเลือดสด ๆ ที่เหมือนสายธารบนมือของเขา มู่วี่สิงได้ยินเสียงแผ่วเบาได้อย่างชัดเจน
เขายังคงออกแรง การไม่ใส่ใจกับการทำแบบนี้มีแต่จะทำให้เลือดของเขาไหลออกมาเร็วและมากขึ้นเลยสักนิด เธอใช้แรงแกะเขาออก ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงเบา “คุณ…คุณรอก่อนนะ ให้พวกเขารับคุณไปโรงพยาบาล จะต้องรีบทำแผลเดี๋ยวนี้…มู่วี่สิง พวกเราเอาแบบนี้เถอะ เรื่องบางเรื่องเกิดขึ้นแล้ว…ก็คือถูกลิขิตให้ไม่มีทางย้อนกลับไปได้อีกแล้ว…”
“ฉันไม่เคยเสียใจที่เคยแต่งงานกับคุณ เคยได้อยู่กับคุณ ได้รักคุณ ขอบคุณมาที่ช่วงนี้คุณยอมลำบากเพื่อฉันมากมายขนาดนี้…ไว้พบกันใหม่…”
ไว้พบกันใหม่…ไม่พบกันอีก
เมื่อก่อนเวินจิ้งเคยคิดว่าแปดคำนี้นั้นช่างเป็นอะไรที่เสแสร้ง แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งเดียวที่เธอสามารถพูดได้ในตอนนี้
เธอเอาแต่ก้มหน้าลงพูดต่อ น้ำตายังคงไหลไม่หยุด แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องร้องไห้มากมายขนาดนี้
หลินยี่ที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตรมองเธออย่างเงียบ ๆ น้องสาวของเขาช่างใจอ่อนเสียจริง ความรักความเกลียดบุญคุณความแค้นลึกซึ้งเกินไป แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะเคยทำร้ายเธออย่างโหดร้าย เธอไม่อยากให้ตอนจบสุดท้ายต่างฝ่ายต่างเกลียดชังกัน เพราะอย่างนั้นเธอเลยพูดว่าไม่เสียใจ พูดว่าขอบคุณ
ทั้งยังบอกไว้พบกันใหม่อย่างจริงจัง ไว้พบกันใหม่สองคำนี้หมายถึงการไม่ยินยอม และยังหมายความว่าเธอต้องการยุติความสัมพันธ์นี้จริง ๆ
หลังจากนั้นมือที่เต็มไปด้วยหยาดเลือดของชายหนุ่มก็ลดลง นัยน์ตาสีดำสนิทเหมือนหมึกที่ถูกพลิกกระแทก เป็นดำสนิท เสียงคล้ายถูกรีดเค้นออกมาจากกระดูกคอ เขามองหน้าเธอแล้วค่อย ๆ พูดว่า “ได้ ไว้พบกันใหม่ จิ้งจิ้ง พวกเราจะได้พบกันใหม่โดยเร็ว”
อีกไม่นานหรอก
เวินจิ้งหมุนตัว เธอวิ่งไปข้างหลังแล้วโถมตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของหลินยี่ น้ำเสียงที่ผ่านการร้องไห้มาแหบพร่า “พี่ชาย…เป็นพี่จริง ๆ …”
นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้พบกัน แต่กลับเหมือนรู้จักกันมานานนับสิบปี
เวินจิ้งถูกหลินยี่พาขึ้นไปบนรถ ประตูรถถูกปิดอย่างแรง มู่วี่สิงจึงค่อย ๆ หลับตาลง
หลินยี่เลี่ยงไม่เอาชีวิตของเขาจริง ๆ
รถถูกขับออกไปอย่างรวดเร็ว ลี่หนานเฉิงที่อยู่ข้าง ๆ โมโหอย่างมากแต่สุดท้ายตอนนี้อาการบาดเจ็บของมู่วี่สิงก็สำคัญที่สุด เขารีบไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว “พี่โอเคไหม”
“ไม่เป็นไร” มู่วี่สิงค่อย ๆ ลืมตา
เจ็บแค่นี้ไม่เป็นไร
ขณะนั้นเอง ที่บนรถมีอู๋ชิงนั่งบนอยู่ที่นั่งข้างคนขับ ส่วนหลินยี่กับเวินจิ้งนั่งอยู่ที่นั่งทางด้านหลัง
หลินยี่มองน้องสาวที่กำลังพิงไหล่ของตนเอง เขาปล่อยให้เธอร้องไห้ ร้องอยู่นานเขาก็ถามขึ้นมาอย่างไม่สบายใจว่า “เธอร้องไห้เพราะตื่นเต้นที่ได้พบ เพราะฉันทำร้ายมู่วี่สิง หรือเพราะจากเขา”
คำถามนี้ไม่ใช่แค่มู่วี่สิงที่อยากรู้ เขาเองก็อยากรู้เช่นกัน
แท้จริงแล้วตอนนี้ความสัมพันธ์ของเขากับน้องสาวคนนี้ไม่ได้ลึกซึ้งนัก