บทที่ 682 คุณยอมทำไหม
“เพื่อชีวิตน้อย ๆ ของฉันแล้ว ฉันคิดว่าออกห่างจากคุณหน่อยน่าจะปลอดภัยกว่า” เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะบ่นงึมงำ
มู่วี่สิงมองใบหน้าซีดขาวของเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “พวกเราห่างกันสักพักเถอะ เธอไม่ต้องสนใจคุณปู่ฉันแล้ว”
เวินจิ้งขมวดคิ้วแล้วเอ่ยเสียงเบา “ขอบคุณที่เมื่อกี้นี้คุณมาช่วยฉัน ฉันเพียงแค่อยากตามหาหลินยี่ อีกอย่างถึงยังไงเดิมทีพวกเราก็ไม่เหมาะสมกันอยู่แล้ว”
ความจริงตอนที่มู่วี่สิงช่วยเธอไว้เมื่อกี้นี้ เธอก็โมโหอยู่นิดหน่อย
ไม่ใช่ว่าเธอเสแสร้งไม่เต็มใจที่จะให้อภัย แต่เธอไม่มีความเชื่อมั่นระหว่างพวกเราเลยสักนิด
“มู่วี่สิง ในเมื่อคุณรู้สึกว่าเรื่องการตายของมู่ซือซือเกี่ยวข้องกับฉัน คุณก็ไม่ต้องฝืนตัวเองให้คบกับฉันก็ได้ คุณปู่มู่ไม่ยินยอม ตระกูลมู่ไม่ยินยอม ทำไมคุณถึงต้องอกตัญญูกับพวกเขา”
เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าอยู่ วันไหนจู่ ๆ มู่เฉิงจะลุกขึ้นมาจัดการเธอ
หรือบางทีผู้ชายคนนี้อาจวางเธอไว้ข้างตัวศัตรูอีกครั้งด้วยเหตุผลบางอย่าง
“มู่วี่สิง ความรู้สึกบางอย่างดูแล้วคล้ายจะมั่นคงแข็งแรงมากที่สุด แต่เมื่อมันแตกสลายไปแล้ว มันก็ขาดออกจากกันเหมือนตัดตะปูแยกเหล็ก ของบางอย่างเมื่อสูญเสียความยืดหยุ่นไปแล้ว ยิ่งแข็งแกร่งก็จะยิ่งฟื้นคืนกลับมาได้ยาก”
เธอเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาของเขา แต่พูดอย่างจริงจังว่า “สามปีแล้วนะ คุณเคยคิดมาก่อนหรือเปล่า เกิดเรื่องตั้งมากมายขนาดนี้แล้ว ฉันไม่รักคุณแล้ว ไม่รักคุณอีกต่อไปแล้ว มู่วี่สิง”
สายตาของเธอทอดมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง “ก่อนหน้านี้หลิงเหยาเคยมาหาฉัน เธอบอกว่าเธอแต่งงานกับคุณไม่ได้ เพราะเรื่องที่คุณทำทั้งหมดล้วนทำเพื่อฉัน เธอบอกว่าคุณรักฉัน”
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ “รู้อยู่ชัด ๆ รักเธอ รู้อยู่ชัด ๆ ว่าตอนนี้ฉันไม่ต้องการอะไรนอกจากเธอ แต่ตอนนี้เธอกลับบอกฉันว่าเธอไม่รักฉันแล้ว จิ้งจิ้ง เธอกำลังแก้แค้นฉันอยู่ใช่ไหม”
แก้แค้นที่เมื่อสามปีก่อนเขาแต่งงานกับโจวหย่าน คบหากับหลิงเหยา แก้แค้นที่เขาเคยทำร้ายเธอหลายต่อหลายครั้ง
ความโกรธของเขาปรากฏให้เห็นชัดเจน แม้เขาจะพยายามกดมันเอาไว้อย่างเต็มที่แล้วก็ตาม เวินจิ้งเม้มริมฝีปาก เอ่ยด้วยน้ำเสียงบางเบาว่า “ตอนที่พวกเราคบกันคุณไม่เคยมีความสุข คุณไม่เคยวางเรื่องการตายของมู่ซือซือออกจากใจได้เลย อยู่กับฉันต่อไปก็มีแต่จะขัดต่อมโนธรรมในใจคุณ”
เวินจิ้งเป็นผู้หญิงที่รู้จักคิดวิเคราะห์ ความรู้สึกพวกนี้ เธอมองมันออกอย่างชัดเจน
นิ้วมือของเขาบีบลงบนคางของเธออย่างแรง “จิ้งจิ้ง เธอพูดมามากมายขนาดนี้ แต่คิดจะให้ฉันยอมปล่อยมือ ฉันจะพูดให้ฟัง ฉันจะไม่ยอมปล่อยมือ ให้ตายก็ไม่ยอม”
ต่อให้ต้องลงนรก เขาก็จะลากเธอลงไปด้วย
“อื้อ ฉันยังไม่ไปจนกว่าจะตามหาหลินยี่เจอ” เวินจิ้งพูดอย่างสงบนิ่ง
อย่างไรก็ตามเธอรู้ดี ว่าระหว่างเธอกับมู่วี่สิงหลงเหลือเพียงความสัมพันธ์ที่ต้องเลือกเองเท่านั้น
“เขาอยู่ที่เมืองหนาน” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
“คุณมีที่อยู่ของเขาแล้วเหรอ แล้วทำไมไม่รีบบอกฉัน คนล่ะ เขาอยู่ที่ไหน”
“รอตั้งเธอท้องฉันจะพาเธอไปหาเขา”
เขารู้ดีว่าหากเธอตามหาหลินยี่พบ เธอจะต้องพยายามหนีไปจากเขาอย่างสุดกำลังแน่นอน ก่อนหน้านั้นเขาต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อสร้างโอกาสให้เธอได้อยู่กับเขาต่อ
ลูกจึงเป็นเครื่องผูกมัดที่ดีที่สุด
เวินจิ้งโง่งมไปแล้ว ลูก…
เธอไม่กล้าตั้งท้องอีกแล้ว…
เธอไม่อยากมีอะไรผูกมัดกับมู่วี่สิง
เพียงแต่เธอรู้ว่าคนอย่างมู่วี่สิงพูดจริงทำจริง
“ถ้าคุณโกหกฉันจะทำยังไง” เธอพูดเสียงเย็น
“แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเขาอยู่เมืองหนานก็โอเค ฉันจะต้องหาเขาเจออย่างแน่นอน”
นี่เป็นความปรารถนาของแม่ เป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่เธอทำได้เพื่อท่านได้
แต่มู่วี่สิงกลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ “เวินจิ้ง เธอใช้ประโยชน์จากฉันจนติดเป็นนิสัยแล้วจริง ๆ สินะ ตอนแรกก็ใช้ฉันส่งโจวเซินเข้าคุก ตอนนี้ก็ใช้ฉันตามหาหลินยี่ หลังจากใช้งานเสร็จก็สะบัดมือทิ้งเหมือนทิ้งกระดาษชำระ!”
ดูเหมือนว่าเขายิ่งพูดก็ยิ่งโมโห “เมื่อกี้ตอนที่ฉันช่วยเธอ เธอยังกอดฉันด้วยตัวเอง พอหมดเรื่องพริบตาเดียวเธอก็บอกว่าพวกเราไม่เหมาะสมกัน เธอช่วยเหลือตัวเองได้ไม่จำเป็นจะต้องให้ฉันช่วย! ทำไมก่อนหน้านี้ฉันถึงไม่เคยรู้เลยว่าเธอไร้หัวใจขนาดนี้! ”
เวินจิ้งเม้มริมฝีปาก เบนสายตาออกไป
เธอเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะถูกมู่วี่สิงบังคับ แต่เรื่องของโจวเซินเป็นเขาที่เข้ามาช่วยด้วยตัวเอง ส่วนเรื่องที่เธอโดนจับตัวไปก็เพราะถูกมู่วี่สิงลากเข้าไปรับเคราะห์ทั้งนั้น
เขายังทำเป็นมีเหตุผลได้อีก!
เธอรีบรวบรวมความกล้าแย้งกลับไปทันที “คุณจะไม่ช่วยฉันก็ได้นี่ คุณยอมไหมล่ะ”
เป็นไปอย่างที่คิดไว้ ใจของมู่วี่สิงสั่นสะท้านเบา ๆ ใบหน้าหล่อเขาขยับเข้าไปใกล้เธอ “ใช่ ฉันไม่ยอม”
จากนั้นเขาก็บีบคางเธอไว้ แล้วมอบจุมพิตให้เธออย่างดุดัน
เขาจูบเธอเนิ่นนานเหมือนกับคนที่กำลังหิวกระหาย ร่างกายอ่อนนุ่มของเธอถูกกดไว้แนบชิดกับอกกว้างของเขา ไม่มีที่ให้หลบซ่อนอย่างแท้จริง
เธอใช้กำปั้นดันไหล่ของเขาออก แต่สำหรับผู้ชายคนนี้แล้วเขาไม่นับว่ารู้สึกคัน ๆ ด้วยซ้ำ ไม่ได้สนใจเลยสักนิด
ไม่นานโทรศัพท์ของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เขาจึงจำต้องปล่อยเวินจิ้งชั่วคราว เวินจิ้งเองก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคุยโทรศัพท์กับใครอยู่ เธอไม่คิดจะสนใจ เอาตัวเบียดเข้ากับประตูรถ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างตลอดเวลา
ครั้งนี้มู่วี่สิงพาเวินจิ้งกลับมาที่บ้านตระกูลมู่ หลังจากเวินจิ้งลงจากรถ เธอก็อดที่จะถามเขาไม่ได้ว่า “คุณให้ฉันติดต่อหลินยี่ก่อนได้ไหม แค่โทรศัพท์ก็ได้”
แต่เขากลับพูดประโยคนั้นออกมา “รอเธอท้องแล้วฉันจะพาเธอไปหาเขา ส่วนเรื่องอื่นอย่าแม้แต่จะคิด”
…
ณ คอนโดแห่งหนึ่ง
หลินยี่ยกมือขึ้นเหลือบมองนาฬิกา เกาเชียนที่มาปรากฏตัวตรงหน้าเขาเผยรอยยิ้มเย็นชา “มู่วี่สิงมีปัญหาอะไร หาตัวน้องสาวฉันไม่เจอหรือไง ถึงได้ไม่มีหน้ามาพบฉัน”
เกาเชียนพูดอย่างระมัดระวัง “ประธานมู่ให้ผมมาบอกคุณหลินว่า คุณไม่ต้องสนใจเรื่องของคุณหนูเวิน ผู้หญิงของเขาเขาดูแลเองได้ หวังว่าถ้าไม่มีเรื่องอะไรคุณก็ไม่ต้องโผล่หน้าไปหาเขา”
คิ้วของหลินยี่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตากลับไม่ใช่ “ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าเขาเคยทำเรื่องผิดชอบชั่วดีอะไรกับน้องสาวของฉันบ้าง ถึงได้ไม่มีหน้ามาพบฉัน”
เขาลุกขึ้นยืนจากโซฟาแล้วค่อย ๆ ยกยิ้ม “ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว อย่างนั้นก็ฝากนายไปเวินจิ้ง ว่าพี่ชายจะเธอไปด้วย”
ไม่กล้าให้เวินจิ้งพบเขา ผู้ชายคนนั้นประเมินเขาต่ำเกินไปแล้วจริง ๆ
“อู๋ชิง” เขาก้าวขายาว ๆ เดินไปก่อน แล้วจึงค่อยพูดด้วยน้ำเสียงเย็น ๆ “พวกเราไปกันเถอะ”
เมื่อกลับมาถึงที่รถ อู๋ชิงก็นั่งลงที่ตำแหน่งคนขับ ก่อนจะหันกลับไปมองชายที่ใบหน้าหล่อเหล่าแต่เหี้ยมโหดข้างหลัง “เจ้านาย ทำไมคุณถึงออกมาจากลอนดอนล่ะ เพราะเวินจิ้งเหรอครับ”
หลินยี่ปิดตาลง “ฉันกลับมาทวงทุกอย่างของฉันคืน”
…
ตอนที่มู่วี่สิงกำลังยกของเข้ามาข้างใน ก็เห็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ บนโซฟาถือรีโมทคอนโทรลเปลี่ยนช่องทีวีอย่างเบื่อหน่าย
วันที่ไม่มีงานทำนี่ให้เธอรู้สึกเบื่อจริง ๆ
แต่ตอนนี้เธอไม่เหมาะจะไปทำงาน สภาพจิตใจไม่ค่อยจะดีนัก
แถมตอนนี้เธอยังออกไปจากเมืองหนานไม่ได้ หลังจากได้คุยโทรศัพท์กับหลินเวย เธอก็ยิ่งมั่นใจว่าหลินยี่อยู่ที่เมืองหนาน แต่เธอยังต้องดูแลโจวเซิ่งจึงไม่สามารถกลับไปได้
เวินจิ้งทำได้เพียงแค่ต้องอยู่ที่นี่
แต่พอเวลาผ่านไปเธอกลับยิ่งอยู่ไม่สุข
เธออยากกลับไปประเทศF อยากกลับไปโรงพยาบาลเพื่อทำงานที่ชอบต่อ