บทที่ 681 ไม่จริงใจเอาเสียเลย
มู่วี่สิงมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาดำลึกค่อย ๆ หรี่ลง “ที่แท้ก็เป็นนายนี่เอง”
ในที่สุดอู๋ชิงยืนอยู่ที่ด้านหลังเจ้านายของตัวเองก็ตระหนักได้ถึงคำถามนี้ ดูเหมือนว่าคนที่เคยรู้จักเจ้านายจะไม่รู้สถานะในตอนนี้ของเขา แต่ตอนนี้คนของเขา…รวมไปถึงตัวเขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าแท้จริงแล้วก่อนหน้านี้เจ้านายเป็นคนยังไงกันแน่
หลินยี่หัวเราะเสียงเย็น มองชายที่ยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงหน้าอย่างเฉยเมย “ถ้าไม่ใช่เพราะฉันส่งคนไปคอยดูแลเวินจิ้ง ป่านนี้เธอคงตายอยู่มือของตาเฒ่าบ้านนายไปแล้ว! มู่วี่สิง นายปกป้องน้องสาวของฉันแบบนี้เหรอ”
มู่วี่สิงแย้งกลับไปโดยไม่แม้แต่จะคิดลังเล “ในเมื่อนายช่วยเธอไว้ได้แล้วก็ควรส่งเธอกลับมาให้ฉัน ฉันเป็นผู้ชายของเธอ เรื่องของโจวเซินก็ยังไม่ได้ข้อสรุป เขาไม่ยอมจบง่าย ๆ!”
อู๋ชิงตะลึงไปชั่วขณะ คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ เขาคิดมาตลอดว่าเวินจิ้งคือคนเจ้านายชอบ แท้จริงแล้วเป็นน้องสาวหรอกเหรอ…
เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือน “เจ้านาย พวกเราคิดหาวิธีช่วยน้องสาวของคุณก่อนเถอะครับ”
ลี่หนานเฉิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดโน้มน้าว “วี่สิง พวกฉันจะไปพาเวินจิ้งออกมาก่อน เธอไม่ควรถูกจับไปแบบนั้น”
คิ้วของมู่วี่สิงเย็นวาบ พูดเสียงเย็น “ฉันจะพาเธอกลับมา”
หลินยี่ขมวดคิ้ว ใบหน้าหล่อเหลาและเย็นชาของเขาก็เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าเช่นกัน “นายมีวิธีเหรอ”
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว เหลือบมองโทรศัพท์บนโต๊ะอย่างไม่แยแส “กำลังรอข้อมูล”
กลัวว่าเรื่องคราวนี้คงไม่ใช่แค่เพราะโจวเซินต้องการพลิกคดี แต่เกรงว่าอาจจะยังมีคุณปู่หรือหลิงอี้คอยบงการอยู่เบื้องหลัง
ตอนนี้อำนาจและอิทธิพลของหลิงอี้ฝังรากลึกในเมืองหนาน จะสั่นคลอนเขาย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
อีกทั้งตอนนี้ก็ยังไม่หาไม่พบด้วยว่าเวินจิ้งถูกขังที่ไหน
แต่หลังจากนั้นไม่นานลี่หนานเฉิงก็หาพบ เขาโทรศัพท์มา “แต่ว่าได้แค่พิกัดที่ใกล้เคียงนะ ส่วนตำแหน่งที่ชัดเจนยังต้องสืบหาต่อ”
“พูดมา” มู่วี่สิงลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้
หลินยี่ยังคงนั่งอยู่เช่นเดิม วางมือข้างหนึ่งบนโต๊ะด้วยท่าทางเกียจคร้าน แต่แววตาของเขาเผยให้เห็นความโหดร้ายและความต้องการฆ่าที่รุนแรง
คนที่เขารักบนโลกใบนี้มีเพียงแค่หลินเวยกับเวินจิ้ง
เขาไม่ยอมให้พวกเธอเป็นอะไรไปเด็ดขาด
หลังจากมู่วี่สิงวางโทรศัพท์ลงก็หันมามองหลินยี่อย่างเย็นชา “ฉันจะไปพาเวินจิ้งกลับมา หลินยี่ เมืองหนานไม่ใช่สถานที่ที่นายควรอยู่ ตัวตนในปัจจุบันของนายอ่อนไหวมาก มันมีแต่จะทำให้เวินจิ้งลำบาก”
หลินยี่พิจารณาถึงคำพูดของมู่วี่สิง ถูกต้อง จากสถานะของเขาแล้ว เขาไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่
แต่เขาก็อยากใช้กำลังทั้งหมดปกป้องน้องสาวของตนเองอย่างเต็มที่
ในตอนนั้นเอง ณ สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง
“คุณหนูเวินรีบยอมรับเร็วเข้า ยอมรับแล้วพวกเราให้เธอเรียกทนายกับแจ้งผู้ปกครองได้” ชายกักขฬะอายุประมาณสี่สิบหรือห้าสิบปีมองเธอ “สาวน้อยหน้าตางดงามขนาดนี้ พวกเราอดใจทำร้ายเธอไม่ลงจริง ๆ ”
ใบหน้าของเวินจิ้งราบเรียบ แต่ความรังเกียจกลับฉายเด่นชัดในแววตา
ในสถานีตำรวจถึงมีคนน่ารังเกียจแบบนี้ได้ยัง เกรงว่าน่าจะมีคนสั่งมาว่าให้จัดการเธอ
เธอเงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยเสียงเย็น ๆ “ทำไม พวกนายยังต้องบังคับให้ฉันยอมรับผิดอีกอย่างนั้นเหรอ เรื่องที่โจวเซินยักยอกเงินก่อนหน้านี้ก็ตรวจพบไปตั้งนั้นแล้วว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเลยสักนิด พวกนายอยากให้ฉันยอมรับผิด แต่กลับไม่มีหลักฐาน เอาแต่พูดจาซี้ซั้วแบบนี้น่ะเหรอ”
น้ำเสียงของเวินจิ้งสั่นเล็กน้อย เธอต้องปลุกปั่นความกล้าถึงจะส่งเสียงออกมาได้ นอกจากนี้ก็ยังถูกบังคับให้เร่งรีบ
เธอมองออกว่าคนพวกนี้ตั้งใจจะทรมานเธอ ถ้าเธอนั่งรอที่จะตายเธอก็ทำได้แค่รอความตาย
แต่นานขนาดนี้แล้วทำไมมู่วี่สิงถึงยังไม่มาอีกนะ เขาคงไม่ได้ตั้งใจตามหาสินะ
ไม่จริงใจเอาเสียเลย
แค่ตามหาตัวเธอก็ยังไม่จริงใจขนาดนี้ แล้วเขาจะช่วยเธอตามหาพี่ชายอย่างจริงใจได้ยังไง
น่าขำชะมัด คดีของโจวเซินสิ้นสุดไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จะยังมายัดความผิดให้เธออีก!
ดวงตามองไปยังผู้ชายที่เปิดประตูเข้ามา ความสับสนในดวงตาของเวินจิ้งยิ่งล้ำลึก เธอมองไปรอบ ๆ แสงค่อนข้างที่จะมืดเอามาก ๆ ต่อให้เธอคิดจะหนีก็ไม่รู้ว่าจะออกไปยังไง
ยิ่งผู้ชายพวกนี้ปิดตายประตูเอาไว้แล้วด้วย
เธอกำหมัดแน่น แต่เพราะใส่กุญแจมืออยู่ พอเธอดิ้นรนขัดขืนแรง ๆ เลยทำให้ถูกรัดจนเลือดไหลซึม แต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด
“จุ๊ ๆ กลัวแล้วเหรอ ฉันจะบอกอะไรให้นะ เข้ามาถึงในนี้แล้ว นอกจากจะยอมรับดี ๆ ไม่อย่างนั้นก็อย่าคิดว่าจะออกไปได้เลย”
เวินจิ้งตัวสั่นไปทั้งร่าง เธอกัดฟันแน่น ดูท่าว่าชายคนนั้นจะบังคับเธอจนถึงจุดที่ไม่มีทางให้หวนกลับ เธอยกมือขึ้นเพื่อผลักเขาออกไป แต่เพราะมีกุญแจมืออยู่จึงทำให้ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด ความสิ้นหวังในดวงตาของเธอค่อย ๆ แผ่ขยายออกไป
ทันใดนั้นมีเสียงดังสนั่นดังขึ้นมาจากใกล้ ๆ เป็นเสียงถีบประตู หัวใจของเวินจิ้งเต้นตึกตักขึ้นมาทันที เธอรับหันไปมองทางประตู จึงพบชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาอันแสนคุ้นเคยยืนอยู่ที่ตรงประตู
วินาทีถัดมาชายที่อยู่ตรงหน้าเธอก็ถูกถีบอย่างแรงจนล้มกลิ้ง เกาเชียนพุ่งมาข้างหน้า กระแทกผู้ชายพวกนั้นเข้ากับกำแพง กลิ่นของเลือดฟุ้งกระจายไปทั่วห้องมืดทึบ
ใบหน้าของมู่วี่สิงเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต เขาก้าวเท้าเข้ามาแล้วเหยียบลงไปที่ข้อเท้าของชายคนนั้นอย่างแรงเหมือนอยากจะฆ่าให้ตาย ถึงขนาดได้ยินเสียงกระดูกดังก้องอย่างชัดเจน
เขาก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาวที่กำลังตัวสั่งระริก จากนั้นดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะถอดเสื้อนอกคลุมร่างกายเพรียวบาง
ริมฝีปากเย็นประทับจูบลงบนแก้มที่เย็นเยียบเหมือนกันของเธออย่างแนบแน่น
เขากอดเธอไปพลางไขล็อกกุญแจมือไปพลาง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนจนเหมือนจะสามารถมีน้ำไหลออกมาได้ว่า “ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว ฉันจะพาเธอกลับบ้าน”
เวินจิ้งตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ในที่แบบนี้มู่วี่สิงเป็นคนที่เชื่อถือมากที่สุด เธอจึงเผลอยื่นมือโอบคอเขาตามจิตใต้สำนึก เสียงสั่นเครือของเธอแฝงไปด้วยคำบ่นว่า “ทำไมคุณถึงเพิ่งมาเอาตอนนี้…”
ดวงตาของมู่วี่สิงเย็นเยียบ เขาก้มลงจูบที่ที่เธอรังเกียจตัวเองอีกครั้ง จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมาในท่าเจ้าสาว “ขอโทษที่มาช้า”
เขาพบตัวคนบงการเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้แล้ว
เริ่มตั้งแต่ที่หลิงอี้รับรู้ถึงการมีอยู่ของหลินยี่ จึงพยายามตรวจสอบตัวตนของเขา เลยสามารถพบตัวเวินจิ้งที่อยู่ในคอนโดของหลินยี่ได้อย่างรวดเร็ว
เพราะสัญญาการแต่งงานระหว่างมู่วี่สิงและหลิงเหยาถูกยกเลิก ตอนนี้หลิงอี้จึงคิดจัดการกับมู่วี่สิงอย่างไร้ความปรานีเพียงแต่คิดไม่ถึงว่ามือนี้จะยื่นไปถึงเวินจิ้ง
เขาอุ้มเวินจิ้งจากไปโดยไม่หันกลับมามอง คนรอบ ๆ ไม่มีใครกล้าขวาง รู้ดีว่าเขาอุ้มเธอไปนั่งที่เบาะหลังของรถ แล้วให้เธอนั่งบนตักของเขาโดยตรง มีเกาเชียนคอยขับรถอยู่ที่ด้านหน้า
เธอเพิ่งรอดพ้นจากอันตราย จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับความใกล้ชิดนี้ เพียงถามเขาอย่างสับสนว่า “คุณรู้ไหมคะว่าคนที่ต้องการทำร้ายฉันเป็นใคร”
เธอกะพริบตาแล้วถามขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “คงไม่ใช่ศัตรูของคุณใช่ไหม”
ผู้ชายคนนั้นเอาแต่จูบเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ “อืม ต้องโทษฉัน”
“ตกลงแล้วเป็นใคร” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
“หลิงอี้”
สีหน้าของเวินจิ้งดำมืด หลิงอี้อยากจัดการเธออย่างนั้นเหรอ ก่อนหน้านี้เขายังเคยสารภาพรักเธออยู่เลยนะ ตอนนี้อยากให้เธอตายแล้วเหรอ
แต่พอนึกถึงสิ่งที่มู่วี่สิงเพิ่งจะพูด ถ้าหากว่าเรื่องนี้มุ่งเป้าไปยังเขา…
หรือว่าเพราะหลิงเหยา เพราะว่ามู่วี่สิงไม่ยอมแต่งงานกับหลิงเหยาอย่างนั้นเหรอ