บทที่ 655 คุณทำแบบนี้กับเธอได้อย่างไร
หมัดหนักของเขาต่อยลงไปบนพวงมาลัย มู่วี่สิงเงยหน้ามองไปยังการจราจรที่ไม่ขยับตัวเลยสักนิด
เขาคิดบางอย่าง ก่อนที่จะเปิดประตูรถลงไปอย่างไม่ลังเล
รถหรูมูลค่าหลายสิบล้านถูกทิ้งไว้โดยชายหนุ่มที่เลือกจะวิ่งไปที่โรงพยาบาลแทน
สติของเวินจิ้งยังอยู่ครบเมื่อเธออยู่ในรถพยาบาล
เธอจำตอนที่จิ่งห้วนมาหาเธอได้ ดวงตาเขาแดงด่ำ เขาไม่กล้าอุ้มเธอไปเองเพราะกระดูกเธอแตก จึงทำได้เพียงกดโทรไปเบอร์ฉุกเฉินอย่างตื่นตระหนก
หลิงอี้ยืนห่างจากพวกเธอไม่ไกล เขากำหมัดแน่น สุดท้ายเขาสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ได้
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่” หยูจิ่งห้วนกำหมัดแน่น เขาตะคอกใส่หลิงอี้ด้วยความโกรธ
สายตาเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย
เวินจิ้งเข้าใจอารมณ์โกรธของหยูจิ่งห้วน ตอนที่อยู่โรงพยาบาลแรกๆคนอื่นแค่ผลักเธอเบาๆ เขาก็แทบจะทุ่มคนพวกนั้นลงบนพื้น ไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์ที่เธอนอนขยับไม่ได้อยู่บนพื้นแบบนี้
“จิ่งห้วน……” เธอตะโกนเรียกเขา หยูจิ่งห้วนเลยใจเย็นลงมาได้หน่อย เขาหันกลับมาหาเธอ ก่อนพูดเสียงอ่อนโยน “อดทนก่อนนะ รถพยาบาลใกล้จะถึงแล้วล่ะ”
ไม่นานรถพยาบาลก็มา เวินจิ้งถูกหามขึ้นเปลอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นไฟบนทางเดินกลับสว่างไสว ข้างนอกเต็มไปด้วยผู้คนตอนไหนก็ไม่รู้
ผู้รักษาความปลอดภัยในชุดดำยืนขวางคนมุงไว้ แต่ก็ไม่สามารถกั้นเสียงซุบซิบที่เล็ดลอดมาเข้าหูเธอได้
“ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่มีข่าวลือเรื่องชู้สาวกับหมอมู่นี่”
“ได้ยินมาว่าเข้าไปแทรกกลางระหว่างสองคนนั้น”
… …
น่าขัน
ความเจ็บปวดนี่ทำให้เธอได้เข้าใจอะไรได้กระจ่างขึ้น จู่ๆเธอก็นึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ อาจจะมีคนแอบถ่ายรูปเธอ จากนั้นก็ส่งมันให้มู่วี่สิง
นี่หรือเปล่าที่ทำให้เรื่องของเราจบลง
เขาอยากแก้แค้นเธอ แก้แค้นให้เจ็บปวดให้สมกับที่ทำให้มู่ซือซือจากโลกนี้ไปแล้ว
หยูจิ่งห้วนถูกไม่อนุญาตให้ขึ้นรถพยาบาล ทำได้แค่ขับรถตามมาเท่านั้น เขานำโทรศัพท์ของเวินจิ้งมาด้วย ลังเลอยู่พักหนึ่งจึงโทรหามู่วี่สิงเพื่อบอกเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังจากมู่วี่สิงรับสาย เขาบอกแค่ไม่กี่คำก็สามารถเล่าทุกอย่างโดยกระจ่างได้แล้ว “เวินจิ้งถูกหลิงอี้ผลักตกลงมาจากบันได ตอนนี้เธอกำลังตั้งท้อง”
พูดจบเขารู้สึกอึดอัดใจมาก จึงรีบวางไป
โรงแรมอยู่ไม่ห่างจากโรงพยาบาล ขับรถไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงแล้ว หยูจิ่งห้วนขับตามมาถึงและกำลังจะเข้าไป แต่กลับถูกกันไว้โดยหมอเสียก่อน
“ใครเป็นญาติเจ้าของคนไข้ครับ การผ่าตัดต้องได้รับการเซ็นยินยอมโดยญาติ”
พลันมีเสียงเย็นชาด้านหลังดังขึ้นมา “ผมเอง”
มู่วี่สิงสวมแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวเท่านั้น และเหมือนว่าเขาจะมาคนเดียวด้วย มู่วี่สิงไม่ทันได้มองหยูจิ่งห้วนแค่เดินตรงไปยังหมอเท่านั้น ก่อนจะก้มลงไปมองกระดาษเซ็นชื่อนั้น
เมื่อเซ็นชื่อตัวเองลงไปแล้ว เขาไม่รู้ตัวเองเลยว่าน้ำเสียงของเขาเจือความหวาดกลัวแค่ไหน
“เธอเป็นยังไงบ้าง”
“ตอนมาถึงนี้ก็เสียเลือดมากแล้วครับ แต่พวกเราจะพยายามให้ถึงที่สุด” หมอรีบดึงกระดาษกลับไป “รบกวนจ่ายเงินทางนู้นครับ”
ทันใดนั้นมู่วี่สิงกลับนึกขึ้นได้ว่ากระเป๋าสตางค์และกุญแจอยู่ในรถ ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกไร้หนทางและอับอายมาก
ในขณะที่เขาไม่รู้ตัวนั้นหยูจิ่งห้วนเดินมา ก่อนรับใบจ่ายค่ารักษาพยาบาลมาแทน พูดน้ำเสียงแกมเย็นชาว่า “ผมจะไปจ่ายเงินเอง”
มู่วี่สิงยังคงยืนอยู่ที่เดิม ทว่าทันใดนั้นหยูจิ่งห้วนได้หันกลับมาและต่อยไปยังใบหน้าหล่อเหลานั้น
“ผมเคารพท่านประธานมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ ผมทนไม่ไหวแล้วจริงๆ คุณยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า!”
มู่วี่สิงถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะจับมือของหยูจิ่งห้วนไว้โดยไม่รู้ตัว
“ตอนแรกเธอยืนยันที่จะอยู่กับคุณ ผมไม่มีทางเลือก แต่ คุณกลับทำแบบนี้กับเธอได้ยังไง!” หยูจิ่งห้วนผละมือออกจากเขา ก่อนจะไม่ลังเลที่จะชกอีกรอบ
มุมปากของมู่วี่สิงแตกและมีเลือดไหลซิบ ไม่ได้ตอบโต้กลับ เขาแค่คิดว่าคืนนี้จะได้กอดและจูบเธอโดยมีฉากหลังเป็นแสงสว่างไสวของเมืองนี้เท่านั้น
ตอนนั้นเธอไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาก็เดาไปเองเสียแล้ว
แต่ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
มีคนตรงเข้าไปจับหยูจิ่งห้วนแยกออกมา พลางพูดอย่างร้อนใจว่า “หมอหยู คุณอย่าทำแบบนี้เลยครับ”
มู่วี่สิงเงยหน้ามองตรงไปยังหยูจิ่งห้วนที่ยังคงดิ้นและจะกระโจนมาที่เขาอีก หมัดหนักที่กระทบใบหน้าเขาเมื่อตะกี้ คงจะระบายอารมณ์ของเจ้าตัวได้อย่างดี
ในตอนนี้เขาก็รู้สึกสับสนไปหมด เห็นได้ชัดว่าแผนเขาเป็นไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แค่ตอนนี้ทุกอย่างมันเหมือนดูผิดจังหวะไปหมด ภาพตรงหน้าของเขากลับกลายเป็นสีเทา เมื่อก้าวข้ามไปแล้วก็ไปไม่ถึงจุดหมายอยู่ดี
“ยังมีหน้าไปพบแม่ของเธออยู่อีกเหรอครับ?” หยูจิ่งห้วนถูกคนลากออกมา แต่ยังคงตะโกนโหวกเหวกไม่หยุด
มู่วี่สิงเหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ เดินตรงไปยังลิฟต์ แต่กลับชะงักขา และหันไปถามนางพยาบาลว่า “ห้องผ่าตัดอยู่ไหน?”
ประตูลิฟต์ค่อยๆปิดลง ในที่สุดหยูจิ่งห้วนก็ถูกปล่อยตัวออกมา ก่อนจะพยายามเบียดเข้าไปในลิฟต์ที่กำลังจะปิดนั้น
ร่างสูงเพรียวของมู่วี่สิงยืนพิงอยู่ที่ผนังลิฟต์ ไม่ได้หันสายตามามองหยูจิ่งห้วน
แต่หยูจิ่งห้วนกลับจ้องเขาอย่างไม่วางตา เมื่อลิฟต์ถึงที่หมายหยูจิ่งห้วนกลับพูดอย่างใจเย็นขึ้นมา “หมอมู่ พอเถอะครับ”
สิ้นคำ มู่วี่สิงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามอง ตอนนี้เสื้อเชิ้ตของเขายับยู่ยี่ ดวงตาทอความหม่นหมอง
ท้ายที่สุด เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเจือไปด้วยความเย็นชาว่า“ฉันทำไม่ได้”
การผ่าตัดของเวินจิ้งสิ้นสุดเมื่อตอนเที่ยงคืน
เมื่อออกมาจากห้องผ่าตัดแล้ว เธอก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น
เรื่องนี้ถูกมู่วี่สิงปิดเอาไว้ ดังนั้นหลินเวยจึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น
เขามองไปยังใบหน้าที่ซีดเซียวไร้สีเลือดของเวินจิ้ง ความเจ็บปวดในใจค่อยๆเผยออกมาทีละนิด
“ประธานมู่ คุณปู่มู่โทรหาคุณหลายสายแล้วครับ” เกาเชียนบอกเขาด้วยน้ำเสียงบางเบาข้างๆ
แต่ดูเหมือนว่ามู่วี่สิงจะไม่ได้ยิน เขาเพียงแค่เดินไปที่ห้องพักผู้ป่วย มองดูนางพยาบาลกำลังสาละวนกับเครื่องมือ โดยมีเวินจิ้งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เขามองดูสีหน้าของเธออย่างตั้งใจ และในใจยังคงมีความกลัวเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นไม่นาน พยาบาลที่เดินไปมาหลายรอบ อดไม่ได้ที่จะบอกเขาว่า “คนไข้ยังไม่ฟื้นตอนนี้หรอกค่ะ คุณนั่งพักสักหน่อยเถอะ”
เขาพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่จะนั่งลงข้างเตียงผู้ป่วย มือเรียวยื่นออกมาปัดผมนุ่มที่คลอเคลียบนหน้าของเธอ
ผมของเธอนุ่มสลวย แต่ไม่ได้ยาวมาก เป็นความยาวที่เขาชอบที่สุดเมื่อก่อน
เธอขยับเล็กน้อย เขารีบปล่อยปอยผมของเธอ หวังว่าเธอจะฟื้นขึ้นมา
ที่จริงแล้วเวินจิ้งแค่ขยับกายเล็กน้อยอย่างไม่สบายตัว ก่อนจะหันเสี้ยวหน้าไปซบกับหมอนขาวใบโต
หยาดน้ำใสรินไหลลงมาจากหางตาของเธอ ก่อนจะไหลลงสู่หมอนอย่างเงียบๆ เธอร้องเพราะอาจเกิดจากความทุกข์ในจิตใจของเธอก็เป็นได้
น้ำตาที่หยดลงมาของเธอ เปรียบเสมือนเกลือที่ราดรดลงบนบาดแผลของเขา ทำให้เจ็บปวดเสียดแทงไปทั้งหัวใจ
แสงสว่างข้างนอกค่อยๆสว่างไสวไปทั่วนภา ทอเป็นแสงแดดสีอ่อนสาดเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย
ในคืนนั้น นิ้วมือขาวสะอาดที่ถูกจับไว้แน่นได้ขยับเบาๆ เวินจิ้งค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ แต่กลับปิดลงเมื่อตากระทบโดนแสงแดด