บทที่ 638 เธอเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ
พอเห็นมู่วี่สิงมาอยู่ตรงหน้า เธอเลยเผลอพูดออกมา “เมื่อไหร่ฉันถึงจะหนีไปจากคุณได้นะ ทำแบบนั้นต่างดีต่อพวกเราทั้งคู่”
เท้าของชายหนุ่มหยุดลงทันที เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงข้าง ๆ เธอ จากนั้นก็ใช้มือจับคางเธอเอาไว้ ดวงตาของกลอกไปมาด้วยความโกรธ เหมือนคลื่นใต้น้ำที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ของห้วงทะเลลึก
จากนั้นเขาก็ก้มลงจูบเธอ เสียงดังล้นออกมาจากกระดูกลำคอ “จิ้งจิ้ง ฉันช่วยเธอออกมา แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ใช่เพื่อที่จะให้อิสระแก่เธอ เพราะเธอต้องถูกผูกมัดอยู่กับฉันไม่ชั่วชีวิต”
คำพูดโรคจิตแบบนี้พูดออกมาจากปากของมู่วี่สิง เวินจิ้งรู้สึกเหมือนสมองจะระเบิดดังตูม ดวงตาหลงเหลือเพียงความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อ
มือของเธอกดหน้าอกของเขาโดยไม่รู้ตัว “มู่วี่สิง คุณจะใช้อำนาจบาตรใหญ่เกินไปแล้ว ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย!”
เหตุผล…ทำไมเขาต้องมีเหตุผล มีเหตุผลแล้วสามารถรั้งเธอให้ดูได้หรือไง
ในเมื่อสุดท้ายยังไงก็รั้งไว้ไม่ได้อยู่ดี แล้วจะมีเหตุผลไปเพื่ออะไร
เขาก้มหน้ามองใบหน้าเล็ก ๆ ที่ประณีตงดงามของเธอ มองเห็นประกายความโกรธฉายชัดในดวงตาคู่ใส ริมฝีปากเม้มเล็กน้อย ดวงตาที่ลึกล้ำของเขาค่อย ๆ ร้อนขึ้น
ลูกกระเดือกกลิ้งขยับ เขาประคองใบหน้าเธอแล้วประทับจูบลงไปอย่างร้อนแรง ใช้มือโอบเอวเธอและอุ้มร่างกายอ่อนนุ่มนั้นวางลงบนตักอย่างง่ายดาย “อย่าโกรธเลยนะ จิ้งจิ้ง ฉันรักเธอ”
เวินจิ้งที่ต่อสู้ดิ้นรนอยู่ในตอนแรกตัวแข็งค้างทันที หัวใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
ชายหนุ่มจึงใช้โอกาสนี้เปิดริมฝีปากของเธอ อย่างลึกล้ำและหนักหน่วง “จิ้งจิ้ง อย่าจากฉันไปเลยนะ”
น้ำเสียงของเขาถูกย้อมทับด้วยคำวิงวอนร้องขออยู่หลายส่วน
เวินจิ้งเคยเห็นมู่วี่สิงเป็นแบบนี้ที่ไหน สติหลุดลอยไปในพริบตา มู่วี่สิงมอบจูบที่ล้ำลึกมากขึ้นกว่าเดิม
เธอรีบหันหน้าหลบจูบของเขาทันที “มู่วี่สิง สามปีก่อนคุณเป็นคนบอกเลิกฉันเอง คุณไม่รู้จักเหตุผลที่ว่าสายน้ำไม่หวนคืนแล้วอย่างนั้นเหรอ”
“ต้องทำยังไงเธอถึงจะให้อภัยฉัน” เขากดร่างกายของเธอลง น้ำเสียงที่ใช้ถามเกือบคล้ายกับเสียงคำราม
น้ำเสียงของเขาราวกับบอกเธอเป็นคนผิดอย่างไรอย่างนั้น
เวินจิ้งเพียงอยากผลักเขาออกไปจากตัวเธอ “มู่วี่สิง คุณปล่อยฉันเลยนะ! ฉันไม่คิดจะเอาใจคุณอีกแล้ว!”
เขาจูบลงบนผิวของเธอ จงใจที่จะทิ้งรอยของตัวเองไว้ที่บนร่างกายของเธอ
“ไม่ต้องเอาใจ” มู่วี่สิงหรี่ตา การเคลื่อนไหวช้าลงเล็กน้อย แต่แรงที่ใช้จูบเธอยังคงลึกล้ำ ใช้เสียงหายใจหนักหน่วงหยอกล้อเธอ “จิ้งจิ้ง พวกเรามามีลูกกันเถอะ พวกเรามีลูกกันอีกสักคนนะ เชื่อใจฉัน”
เวินจิ้งกัดริมฝีปาก เสียงแตกระแหงค่อย ๆ ดังข้างในหูของเขา “มู่วี่สิง ฉันมีลูกกับคุณไม่ได้ ครั้งแรกมันเป็นเหตุสุดวิสัย ฉันไม่สามารถปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นได้อีก”
เขาใช้ลูกมาแก้ปัญหาได้ยังไง
เรื่องระหว่างเราไม่ใช่อะไรที่จะใช้ลูกมาแก้ไขได้
“จิ้งจิ้ง เธอเกลียดฉันสินะ” ริมฝีปากชื้นของเขาประทับลงบนใบหน้าของเธออีกครั้ง ฟันขบลงบนปลายคางของเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำปิดริมฝีปากของเธอไว้
เธอไม่เคยพูดแบบนั้น แม้แต่สีหน้าก็ยังก็เอาไว้อย่างดี
แต่ว่า…เธอเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ
จูบที่ลึกล้ำปล้นชิงลมหายใจของเธออีกครั้ง ร่างกายสูงใหญ่ของชายคนนั้นกดร่างเพรียวบางของเธอลงบนโซฟานุ่ม ใช้แรงเพียงเล็กน้อย เสื้อผ้าของเวินจิ้งก็ถูกฉีกกระชากออก…
…
ในยามเช้าเวินจิ้งถูกแรงสั่นจากเสียงโทรศัพท์ปลุกให้ตื่น รู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัว แม้แต่แรงจะลืมตาก็ยังไม่มี เลยพลิกตัวนอนหลับต่อ
เจ้าคนสารเลวมู่วี่สิงยึดโทรศัพท์ของเธอไปแล้ว เสียงนั่นต้องเป็นโทรศัพท์ของเขาอย่างแน่นอน แล้วทำไมเขาถึงไม่รับ…น่ารำคาญจริง ๆ ให้ตายเถอะ…
หลังจากที่เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์สั่นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสามนาที ต่อให้หลับลึกแค่ไหนก็ต้องตื่นขึ้นมาแล้ว
มือคลำเจอโทรศัพท์ ไม่ทันมองให้ชัดเจนว่าเป็นใครก็กดรับสาย พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ใคร”
คนปลายสายชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นฉันก็ถามอย่างไม่แน่ใจ “ใช่เวินจิ้งไหม”
เป็นเสียงหวาน ๆ นุ่ม ๆ ของเด็กผู้หญิง
เสียงนี้…คุ้นมาก
แต่เวินจิ้งก็คิดไม่ออกว่าใคร
“ฉันคือมู่ซี”
ดูเหมือนปลายจะไม่ได้ยินการตอบสนองของเวินจิ้ง มู่ซีเลยพูดซ้ำอีกครั้ง
“ฮัลโหล”น้ำเสียงของเวินจิ้งอ่อนลงเล็กน้อย ค่อนข้างแปลกใจที่ไม่ใช่คนคุ้นเคย แต่เหมือนเธอเคยได้ยินเสียงแบบนี้ที่ไหนมาก่อน
“คุณหนูเวิน คุณปู่ให้ฉันโทรมาถามพี่ชายวี่สิง ว่าเขาพอจะมีเวลาว่างกลับมาบ้านใหญ่สักรอบใหม่”
ความจริงแล้วเวินจิ้งยังคงเฉื่อยชาอยู่ ตอนนี้สมองของเธอยังไม่ทันได้ทำงาน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประตูห้องนอนถูกเปิดออก ชายคนนั้นกอดเอวเธอจากด้านหลัง จูบแก้มเธออย่างรักใคร่ “ทำไม ใครโทรมา”
เวินจิ้งกระโดดหนีออกจากอ้อมแขนของเขาทันทีราวกับนกตกใจ โทรศัพท์หล่นอยู่บนเตียง เธอลืมตากว้าง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวังและเย็นชา
พอเห็นเขา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานก็โถมเข้ามาในสมอง ผู้ชายคนนี้อยากทำให้เธอท้องจนขาดสามัญสำนึก
หน้าอกของเธอกระเพื่อมแรก ใบหน้าเต็มไปด้วยโทสะ
เพียงแค่ผู้ชายคนนั้นไม่สนใจความโกรธของเธอเลยสักนิด กลับกันยังรู้สึกว่าเวินจิ้งที่เป็นแบบนี้ช่างทำให้คนรู้สึกรักและทะนุถนอม แขนยาวถูกยื่นออกไป แล้วดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมก่อนอย่างง่ายดาย
ความทรงจำของเมื่อคืนทำให้เธอหวาดกลัวและโมโหผู้ชายคนนี้ตามจิตใต้สำนึก “อย่ามากอดฉัน มู่วี่สิง ไสหัวไปให้ไกลเลย”
เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงมองเธออย่างลึกซึ้ง “จิ้งจิ้ง อย่าโกรธเลยนะ”
อย่าโกรธเหรอ นี่เขาคิดว่าเธอขี้โมโหเอาแต่ใจตัวเองอย่านั้นเหรอ
เวินจิ้งถลึงตามองอย่างโมโห จากนั้นก็ยกมือตบลงบนใบหน้าของเขา
ทว่าตั้งแต่ช่วงเวลานั้นเป็นต้นมา เธอก็เหมือนจะค้นพบว่า คนที่ขี้หัวร้อนโมโหง่ายคนนั้นคือโฉมหน้าที่แท้จริงของเขา
เธอนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงโดยสวมเสื้อเชิ้ตผู้ชายที่มีรอยจูบเต็มไปหมด เส้นผมยาวสีดำเงางามที่ปรกอยู่ตามลำคอทำให้ดูสวยและมีเสน่ห์เป็นพิเศษ
แม้ว่าเธอจะตบเขา แต่เธอก็ยังรู้สึกน้อยใจอยู่ดี “มู่วี่สิง คุณรังแกฉัน”
ฝ่ามือใหญ่ของเขาประคองใบหน้าของเธอไว้ หางคิ้วขยับเล็กน้อย เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่เวินจิ้งตบเขามากนัก จึงจูบลงตรงระหว่างคิ้วของเธอ น้ำเสียงที่เย็นเยียบมาตลอดนั้นเต็มไปด้วยความรักความเอ็นดู “บอกฉัน ใครทำให้เธอโมโหกันหืม”
เข้าดึงเธอกลับเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนอีกครั้ง แล้วหยิบโทรศัพท์บนเตียงขึ้นมา เพียงแต่ตอนที่เปิดดูบันทึกการโทรกลับพบเพียงเบอร์ที่ไม่รู้จัก
เวินจิ้งหันหน้าหนี เธอไม่อยากสนใจมู่วี่สิง
แต่พอเห็นเขาถามแบบนั้น เธอจึงตอบด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อมู่ซี เธอบอกให้พี่ชายวี่สิงกลับไปบ้านใหญ่”
เวินจิ้งเลียนแบบน้ำเสียงของมู่ซี แต่พบว่าเธอเลียนแบบได้ไม่เหมือนเลยสักนิด
ยังพี่ชายวี่สิงอะไรนั่นอีก
ฟังแล้วเหมือนกลืนแมลงวันลงไปอย่างไรอย่างนั้น