flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 632 เป็นแค่ความบังเอิญ

บทที่ 632 เป็นแค่ความบังเอิญ

“ผมจะไปส่งคุณกลับก่อน” หยูจิ่งห้วนก้มลงมองเวินจิ้ง

เมื่อเห็นเธอสวมใส่เสื้อผ้าเพียงชิ้นเดียว จึงได้ถอดเสื้อโค้ทตัวเองมาคลุมให้เธอ แล้วโอบตัวเธอเพื่อพาขึ้นรถไป

แต่ว่าเวินจิ้งกลับผลักเขาออก

ความชาได้พัดผ่านหน้าหยูจิ่งห้วน เขามองออกการปฏิเสธของเธอ

“ฉันอยากจะอยู่เงียบๆคนเดียว” เวินจิ้งไม่ได้มองเขา ได้แต่ก้มหน้าตลอดเวลา

“ผมจะเงียบไม่พูดอะไรทั้งนั้น ขึ้นรถเถอะ” หยูจิ่งห้วนได้เปิดประตูรถข้างคนขับให้เธอ

เวินจิ้งเม้มปาก ไม่นานก็ค่อยๆนั่งเข้าไปในรถ

ระหว่างทางหยูจิ่งห้วนก็เงียบตลอดจริงๆ เวินจิ้งที่เอนหลังพิงเบาะรถอยู่ รู้สึกทั้งตัวไร้เรี่ยวแรงหมดกำลังวังชา จึงค่อยๆปิดตาลง

ในสมองมีแต่รสจูบ ลมหายใจ ความเร่าร้อนของมู่วี่สิงเมื่อสักครู่ และได้แผ่ปกคลุมไปทั่วในความคิดเธอ

ทันทีที่ลืมตาขึ้น ก็ปรากฏว่าได้มาถึงบ้านตระกูลโจวแล้ว

สายตาของหยูจิ่งห้วนจ้องมองที่ใบหน้าเธอตลอด

“ขอบคุณที่ส่งฉันกลับมาค่ะ” เวินจิ้งพูดเบาๆ

เธอกำลังจะลงจากรถ แต่มือหยูจิ่งห้วนได้ยื่นมาหยุดการเคลื่อนไหวของเธอ

“จิ่งห้วน”

“ทำไมคุณถึงไปหาเขาได้” หยูจิ่งห้วนถามขึ้นอย่างเคร่งขรึม

เวินจิ้งชะงัก สบสายตากับหยูจิ่งห้วนโดยที่ไม่มีการตอบใดๆ

เธอไม่รู้จะอธิบายอย่างไรระหว่างความสัมพันธ์เธอกับมู่วี่สิง

ระหว่างพวกเขาสองคนนั้นความสัมพันธ์ได้สิ้นสุดลงกันตั้งนานแล้ว

แต่เมื่อสักครู่นี้ก็เป็นอะไรที่น่าคลุมเครือจริงๆ

“ฉันเกือบจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น บังเอิญเจอคุณหมอมู่พอดี” เวินจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ

เรื่องราวก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

“เป็นแค่เพียงความบังเอิญจริงหรือ” หยูจิ่งห้วนที่น้ำเสียงค่อนข้างเยือกเย็น

เวินจิ้งมองเขาด้วยความสงสัย เธอฟังออกในคำพูดของหยูจิ่งห้วนที่ไม่ได้เชื่อในสิ่งที่เธอพูด

มันก็เป็นอะไรที่ทำให้คนเชื่อได้ยากจริงๆ

“มันเป็นความบังเอิญจริงๆ รถของเขาเกือบจะชนฉัน” เวินจิ้งหายใจลึกๆ

สีหน้าหยูจิ่งห้วนกลับยิ่งเปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้น “ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า”

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”

“ขอโทษนะ” หยูจิ่งห้วนขมวดคิ้ว เขาไม่ควรสงสัยเธอ

“จิ่งห้วน คนที่ควรขอโทษน่าจะเป็นฉันต่างหาก” เวินจิ้งหันศีรษะไปมองเขาอย่างจริงจัง

ตอนนี้เธอได้ตัดสินใจบางอย่างขึ้น

สิ่งที่เธอต้องยอมรับก็คือ เธอนั้นยังมีความรู้สึกดีๆให้กับมู่วี่สิง

เพราะฉะนั้นการลงเอยกับหยูจิ่งห้วนตอนนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมมากสำหรับเขา

และเธอก็ไม่อยากที่จะทำร้ายเขา

หยูจิ่งห้วนมองท่าทางอ้อมแอ้มของเวินจิ้ง ดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เธออยากจะพูด

ฝ่ามือที่เย็นเฉียบของเขาได้ปิดปากของเธอทันที พูดด้วยเสียงที่จริงจังว่า “เวินจิ้งพวกเราเป็นแฟนกันแล้วนะ”

“ฉันเคยแต่งงานกับมู่วี่สิงมาก่อน” เวินจิ้งยังคงพูดต่อ

มือของหยูจิ่งห้วนค่อยๆปิดปากเธอแน่นขึ้น แต่เวินจิ้งกลับผลักเขาออกไป

“คุณสามารถยอมรับได้จริงๆหรือ” เวินจิ้งจ้องมองเขา

หยูจิ่งห้วนเม้มปากอันบอบบาง สักพักเขาก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ได้”

“ฉันคิดว่าตอนนี้พวกเราต่างต้องใจเย็นต้องสงบสติอารมณ์กันก่อน” เวินจิ้งผลักประตูแล้วลงจากรถ

หยูจิ่งห้วนจ้องมองด้านหลังของเธอ แล้วค่อยๆกำหมัดแน่นและกระแทกเข้าไปที่พวงมาลัยอย่างรุนแรง

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เหยียบคันเร่งแล้วขับมาถึงคอนโดของมู่วี่สิง

สองคนที่เดิมทีนัดเจอกันเพื่อมาคุยเรื่องงาน พอเห็นหยูจิ่งห้วน มู่วี่สิงจึงไม่รู้สึกแปลกใจ

ที่โซฟามีกระเป๋าสีขาวของผู้หญิงสะดุดเข้ามาในดวงตา สายตาของหยูจิ่งห้วนจึงชะงัก คิดว่าเมื่อสักครู่เวินจิ้งคงอยู่ที่ตรงนี้ หรือบางทีพวกเขาสองคนอาจจะทำอะไรที่เกินเลยซึ่งกันและกัน

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ทำให้เขาแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้

เขาเป็นคนที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่ค่อยเก่งเรื่องการปกปิดซ่อนเก็บอารมณ์

เขาหยิบกระเป๋าของเวินจิ้งขึ้นด้วยสีหน้าที่โมโห “เธอขึ้นมาหรือ”

“อืม” มู่วี่สิงถือแก้วไวน์ด้วยนิ้วมือที่เรียวยาวแล้วเขย่าไปมา

“นั่งลงก่อน” ไหนว่าจะคุยเรื่องงานไม่ใช่หรือ”

“ใช่ คุยเรื่องงาน” หยูจิ่งห้วนได้นั่งลง แต่ว่าในสมองเขากลับว่างเปล่า ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

มู่วี่สิงมองเขา ชายคนนี้ยังคงเด็กเกินไป

ใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ดี

“ขออภัยครับผู้อำนวยการ พวกเราพรุ่งนี้ค่อยคุยกันอีกทีที่โรงพยาบาลแล้วกันนะครับ” จบประโยค หยูจิ่งห้วนก็ได้ลุกขึ้น

“จิ่งห้วน พรุ่งนี้คุณมีภารกิจการผ่าตัดที่สำคัญ คุณแน่ใจหรือว่าจะปรับสภาพอารมณ์ได้” มู่วี่สิงพูดแดกดัน

“ผมปรับได้ครับ โปรดเชื่อใจผมได้”

หยูจิ่งห้วนได้กลับไปคฤหาสน์โจวอีกครั้งพร้อมกับกระเป๋าเวินจิ้ง แต่ไม่ได้เข้าไปในตัวบ้าน เขาได้ฝากกระเป๋าไว้กับคนรับใช้เพื่อมอบให้เวินจิ้งอีกที

เช้าวันต่อมา เวินจิ้งที่กำลังจะออกไปข้างนอก เพิ่งจะรู้ตัวว่าได้ลืมกระเป๋าไว้ที่คอนโดของมู่วี่สิง

พอดีเข้ากับที่คนรับใช้ยื่นกระเป๋าส่งมาให้เธอ เวินจิ้งจึงถามด้วยความงุนงง “มู่วี่สิงส่งมาหรือ”

“เป็นคุณชายหยูค่ะ”

“อ่อ”

เวินจิ้งรับกระเป๋ามา แล้วนึกขึ้นได้ว่าเดิมทีหยูจิ่งห้วนจะไปคุยเรื่องงานกับมู่วี่สิง คงน่าจะเป็นเขาที่ช่วยนำมาส่งให้เธอ

เธอส่งข้อความขอบคุณถึงหยูจิ่งห้วน แต่ว่าเธอนั้นกลับรู้สึกหนักหน่วงในใจ

วันนี้โจวเซิ่งไปสนามบินตั้งแต่เช้า เวินจิ้งได้เดินทางไปเยี่ยมแม่ หซู่เฟินผู้จัดการของบริษัทหลินซื่อกำลังรายงานเรื่องต่างๆเกี่ยวกับบริษัทให้หลินเวยฟัง

แต่ว่าหลินเวยยังไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ และตอนนี้บริษัทไม่มีใครคอยสั่งการดูแล จึงทำให้บริษัทดูวุ่นวายเล็กน้อย

หซู่เฟินเสนอให้เวินจิ้งนั่งแทนตำแหน่งประธานชั่วคราว แต่หลินเวยบอกปัดปฏิเสธในทันที

“ปกติเสี่ยวจิ้งอยู่ที่โรงพยาบาลก็ยุ่งมากพอแล้ว อย่าเรียกเธอมาเลย”

เวินจิ้งที่ยืนอยู่หน้าประตู ได้ยินคำพูดของแม่พลางเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ

“แต่ผู้ถือหุ้นเหล่านั้นสายตาราวกับเสือจ้องเหยื่อ ตอนนี้โจวเซิ่งก็เพิ่งไปต่างประเทศ ฉันกลัวว่าพวกเขา…..”

“หนูจะรับหน้าที่ตำแหน่งประธานชั่วคราวเองค่ะ” จู่ๆเสียงเวินจิ้งก็ดังมาจากประตู

หลินเวยกับหซู่เฟินหันไปมองพร้อมกัน แล้วเวินจิ้งก็เดินเข้ามา

“แม่คะ ในเมื่อหนูก็เป็นคนในครอบครัวตระกูลหลิน เกิดเรื่องขึ้นกับบริษัทหลินซื่อจะให้หนูนิ่งดูดายได้อย่างไรคะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะเรื่องทางโรงพยาบาลหนูจัดการได้ค่ะ”

“เสี่ยวจิ้ง…..”

“คุณเวินคะ ถ้ามีคุณคอยดูแลบริษัท ผู้ถือหุ้นส่วนเหล่านั้นคงไม่กล้าคิดที่จะทำเรื่องไม่ดี” หซู่เฟินพูดพร้อมถอนหายใจโล่งอก

หลินเวยขมวดคิ้ว ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยสักเท่าไร แต่ว่าตอนนี้ก็คงต้องให้เป็นแบบนี้

เมื่อกลับมาถึงโรงพยาบาลเหรินหมิน เวินจิ้งรู้สึกละอายใจเล็กน้อย เพราะพักนี้เธอได้ลางานบ่อยเหลือเกิน

แต่ช่วงนี้สื่อต่างๆได้รายงานเรื่องราวที่เกี่ยวกับความวุ่นวายของบริษัทหลินซื่อ ดังนั้นจึงทำให้มีคนไม่น้อยที่รู้เรื่องนี้

เวยอานทราบว่าหลินเวินจิ้งกลับมาแล้ว จึงรีบมาที่ห้องทำงานทันที

“คุณหมอเวินคะ นี่เป็นตารางงานสำหรับสองสามวันนี้ค่ะ”

“ฉันคงต้องขอลางานสักพัก” เวินจิ้งพูดอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวด “รายการผ่าตัดของคนไข้เหล่านี้โปรดส่งย้ายไปให้หัวหน้าทั้งหมดนะ”

“ได้ค่ะ อย่างนั้นฉันจะรอการกลับมาของคุณหมอนะคะ” เวยอานถอนหายใจ

“อานอาน คุณคอยติดตามช่วยเหลือหัวหน้านะ ถ้ามีอะไรก็โทรศัพท์มาหาฉันได้เลย รู้ไหม”

“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ คุณรีบไปทำธุระเถิด คุณนายหลินไม่ได้เป็นอะไรมาใช่ไหมคะ”

ยังต้องรอดูอาการที่โรงพยาบาลสักพัก” เวินจิ้งกล่าวอย่างเคร่งขรึม

เมื่อมาถึงบริษัทหลินซื่อ เวินจิ้งจึงเริ่มงานบางส่วนของบริษัทจากหซู่เฟิน ด้วยประสิทธิภาพของเธอ ต่อให้อดหลับอดนอน เอกสารเหล่านี้อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ในการจัดการ

“คุณเวิน ฉันจะอยู่ช่วยงานที่นี่อย่างเต็มที่” หซู่เฟินเอ่ยปากพูด

“ลำบากคุณแล้วนะคะ ”เวินจิ้งพูดพลางยิ้ม

แต่เธอไม่มีความรู้ด้านการทำธุรกิจจริงๆ ยังดีที่มีหซู่เฟินค่อยแนะนำอยู่ข้างๆ เธอจึงสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset