flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 615 ความอดทนอันยิ่งใหญ่

บทที่ 615 ความอดทนอันยิ่งใหญ่

“วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของฉัน คุณจะขาดไปเหรอ?”หน้าของหลิงเหยาอำพรางความรู้สึกหดหู่ไม่อยู่

“เธอควรรู้ ฉันมาได้ ก็ถือว่าเป็นความอดทนอันยิ่งใหญ่แล้ว”

พูดจบ ผู้ชายก็ไม่ลังเลที่จะหมุนตัว

ประตูโรงแรม มู่วี่สิงมองเห็นร่างผอมเพรียวนั่งยองๆที่ใต้ไปถนน ขยับก็ไม่ขยับ

สายตาอันลึกซึ้งของผู้ชาย สักพักใหญ่ เขาถึงค่อยๆสาวเท้ายาวๆเดินเข้าไป

เวินจิ้งนั่งยองๆที่พื้น อาเจียนอย่างเงียบๆ เหงื่อออกไปทั้งตัว

เธออยากจะโทรไปหาคนขับรถ แต่นิ้วมือค่อยๆสั้น แม้กระทั่งมือถือก็จับไว้ไม่อยู่

มู่วี่สิงยืนอยู่ด้านหลังเธออย่างเงียบๆ เธอกลับไม่มีแรงแม้แต่จะหันหัวไปมอง

เธอก้มลง ไม่พูดสักคำแล้วอุ้มเธอขึ้นมา

ลมหายใจเย็นชาของผู้ชายผสมกับกลิ่นไวน์แดง ประสบการณ์มาก่อนทำให้เธอคะนึงหารสชาติ

ทันใดนั้นเอนตัวลงนอนในอ้อมกอดที่คุ้นเคย เธอกลับหดอย่างไม่ได้ตั้งใจ ลางสังหรณ์ตอบกลับคือความกลัว

การกระทำของมู่วี่สิงแข็งทื่อบ้าง เขาอุ้มก้าวเท้าใหญ่เดินไปที่ข้างรถเก๋ง เปิดที่นั่งด้านหลัง จากนั้นเขาทิ้งเธอไว้ข้างใน สุดท้ายตัวเองไปนั่งที่คนขับ เหยียบคันเร่ง

หลังจากขับรถมาหลายนาที รถเก๋งก็หยุดลง เขาลงจากรถ ปล่อยให้เวินจิ้งนอนหลังรถคนเดียว

รถหยุดในชั่วครู่ เวินจิ้งรู้สึกปวดในกระเพาะมากขึ้น

เธอดื้อลุกจากที่นั่ง เปิดประตูรถ เปิดประตูรถทัน ก็อั้นไม่ได้ที่จะอาเจียนออกมา

ในที่สุดหยดเหม็นเปรี้ยวที่สกปรกกระเด็นโดนรองเท้าหนังสีน้ำตาล เวินจิ้งเงยหน้าอย่างรีบร้อนมองเห็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของมู่วี่สิง

เขาเอาน้ำและกล่องยาวางไว้ข้างๆเธอ พูดเสียงต่ำ“ดื่มเหล้าไม่เป็น ก็อย่าดื่ม”

เวินจิ้งกัดริมฝีปากตัวเอง มือทั้งสองของเขาไม่มีแรงที่จะเปิดขวดน้ำ

แต่มู่วี่สิงนั้นมองอย่างเฉยเมย ไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วย

นี่คงเป็นยาแก้เมาเหล้าสินะ…..เวินจิ้งก็โยนขวดน้ำทิ้ง เอายาทิ้งเข้าปากอย่างลวกๆ แล้วพยายามกลืนลงไป

ลำคอไม่มีของเปียกมาไถล ก็เหมือนกับปิ้งย่างบนไฟ ยาเม็ดติดอยู่ที่นั่น ไม่ขึ้นไม่ลง รสชาติขมแพร่กระจาย เธอเกือบจะพูดไม่ออก

มู่วี่สิงมองจากที่สูงลงมาดูท่าทางลำบากของเธอ ไม่พูดไม่จา จนกระทั่งขึ้นรถแล้วขับรถเก่งใหม่อีกครั้ง

“ที่อยู่”เขาถามอย่างเย็นชา

เวินจิ้งบอกที่อยู่คอนโดตัวเองไป ปกติเธอเข้าเวรที่โรงพยาบาลถึงจะอยู่คอนโด ปกติแล้วเธอจะกลับบ้านโจว

ระยะห่างใกล้มาก ไม่นานก็รู้แล้ว

เวินจิ้งจะไปเปิดประตูอย่างสั่นๆ แต่มู่วี่สิงเร็วกว่าเธอไปก้าว มองเธอลงรถ จากนั้นยืนมือไปจับที่แขนของเธอ

“ชั้นเท่าไหร่?”

“21”

ประตูล็อคอิเล็กทรอนิกส์ทำให้มู่วี่สิงชะงัก เขาถอยหลังไปหน่อย มองเวินจิ้ง รอเธอกดรหัส

นิ้วของเวินจิ้งก็ชะงัก เธอมองมู่วี่สิงอย่างระมัดระวัง พูดเสียงต่ำ“คุณส่งฉันแค่นี้ก็พอแล้ว”

มู่วี่สิงค่อยๆยกคิ้ว ดวงตาทั้งคู่ไม่มีคลื่นแม้แต่น้อย เขาก็ไม่ได้แก้ไขคำพูดเธอ แค่มองทั้งหมดแล้วยิ้ม จากนั้นขยับมือเธอ แล้วกดรหัส

เสียงติ๊ง ประตูเปิดแล้ว

รอยยิ้มของมู่วี่สิงดูหยอกล้อ เวินจิ้งอึดอัดใจ ผลักเปิดอย่าโซเซเขาเดินเข้ามา

รหัสคือวันที่ได้ใบรับรองของเธอและมู่วี่สิงเมื่อสี่ปีก่อน เขาเดาไว้แบบนี้

แต่มู่วี่สิงก็ยืนอยู่ที่ประตู ไม่พูดว่าจะเข้าไป แต่ก็ไม่ได้จากไป มองเงาด้านหลังของเวินจิ้งด้วยความคิดถึง

สายตาที่จ้องมองข้างหลังทำให้คนต้องหลบซ่อน เวินจิ้งเหมือนจะวิ่งเข้าไปในห้องครัว เปิดตู้เย็นหาน้ำแร่

เวินจิ้งเหมือนแค่อึดใจเดียวก็ดื่มหมดขวด ทิ้งขวดไปนั้น หมุนตัว มู่วี่สิงนั้นยืนอยู่ด้านหลังของเธอแล้ว

ระยะห่างของพวกเขาใกล้กันมาก เธอเกือบจะสามารถสังเกตถึงลมหายใจบนหน้าเขา

มู่วี่สิงมองเธอจากด้านบน ทันใดนั้นมือก็ยื่นไปบีบที่ขากรรไกรล่างเธอ ไม่ให้เธอมีโอกาสถอยหลังอย่างแน่นอน ริมฝีปากบางเล็กผ่านคิ้วของเธอเบาๆ

คล้ายเหมือนจะจูบ แต่ไม่มีอะไร

“ก็ไม่อยากดื่มเหล้าดีๆเอง? อือ?”เสียงของเขา ดูเหมือนจะอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อน

แต่เวินจิ้งกลับได้สติ มู่วี่สิงไม่น่าจะพูดน้ำเสียงแบบนี้อีก

“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”เธอตอบกลับอย่างเย็นชา ย้ายร่างไปที่โต๊ะ

“ยังจำวันนั้นได้ จิ้งจิ้ง ฉันสามารถคิดได้ว่า เธอลืมฉันไม่ได้? ”เขายื่นมือออกไป ค่อยๆแตะที่แก้มของเธอ แล้วพูดเหมือนหัวเราะ“อืม ฉันก็ลืมเธอไม่ได้”

สีหน้าซีดขาวของเวินจิ้งมองมู่วี่สิง คนทั้งคนเหมือนรูปปั่นไม่ขยับ

ทำไมมู่วี่สิงถึงได้พูดแบบนี้ออกมา

แค่รหัสนั้น เธอไม่มีทางโต้เถียงจริงๆ

“รีบพักผ่อนเถอะ”มุมปากยิ้มอย่างเย็นชาจางหายอย่างรวดเร็ว มู่วี่สิงปล่อยเธอ

ทั้งตัวเวินจิ้งรัดแน่นอย่างระมัดระวัง ถอนหายใจเฮือกใหญ่

มองเงาด้านหลังมู่วี่สิงที่เดินจากไป ลมหายใจเขายังวนเวียนอยู่ในอากาศ นานไม่จางหาย

เช้าวันถัดมา ตอนเช้าเวินจิ้งไม่ต้องเปิดคลินิก และไม่ต้องผ่าตัด ก็เลยไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล

เพราะว่าเมื่อวานตอนเย็นดื่มเหล้า สีหน้าของเวินจิ้งไม่ค่อยดี และนอนก็ไม่ดีด้วย

หลินเวยสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆของเวินจิ้ง อารมณ์ของเธอเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด

สามปีมานี้ เหมือนไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้

หลังจากออกจากเมืองหนาน นิสัยของเวินจิ้งนั้นสดใสและเปราะบางกว่าเมื่อก่อน เหมือนไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่เอามาใส่ใจ และไม่มีเรื่องที่ทำให้เธอเอามาใส่ใจ

นิสัยของเธอเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ นอกจากอยู่ในเวลาทำงาน ถึงแสดงหน้าดุเดือด

“นอนหลังไม่ดีเหรอ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“ไม่มีอะไรค่ะ”

หลินเวยขมวดคิ้ว ความคิดแวบเข้ามาในสมอง หรือว่าจะเจอกับมู่วี่สิงแล้ว?

ดูเหมือนจะมีผู้ชายคนนั้น ถึงสามารถทำให้ลูกสาวเธออารมณ์แปรปรวนหนัก

หลังจากเวินจิ้งจากมา หลินเวยเรียกผู้ช่วยมา“ตรวจสอบการเดินทางของเสี่ยวจิ้งช่วงนี้ ดูว่าไปเจอใครมาบ้างแล้ว”

หลังจากนั้นสองวัน หลินเวยก็ออกจากโรงพยาบาล เวินจิ้งลางานมา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าในที่สุดหยูจิ่งห้วนจะกลับประเทศแล้ว

ท่าทางเขาเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ดูเหมือนรีบมาจากที่ไหน

“จิ่งห้วน เด็กคนนี้ไม่ใช่อยู่ยุโรปเหรอ?”เจอหยูจิ่งห้วน หลินเวยก็ยิ้มถาม

“พึ่งลงจากเครื่องมาครับ เรื่องตรงนั้นจัดการเรียบร้อยแล้ว” หยูจิ่งห้วนพูดอย่างอ่อนโยน

เวินจิ้งมองรอยยิ้มของเขา ทันใดนั้นรู้สึกหลงไปครึ่งวินาที

เหมือนกับมู่วี่สิงจริงๆ

“เธอส่ายหัวอย่างเร็ว สลัดความคิดนี้ออก”

“เด็กคนนี้เธอมีน้ำใจจริงๆ เหนื่อยมากแล้วสิ รีบกลับบ้านเถอะ”

“ผมไปส่งคุณและก็เวินจิ้งกลับบ้านโจวก่อนครับ”

เวินจิ้งมองหยูจิ่งห้วน“คุณหยู ไม่ต้องรบกวนอะไรขนาดนั้น”

“ไม่รบกวนสักนิดเลย”สายตาอันลึกซึ้งของหยูจิ่งห้วน

เวินจิ้งขมวดคิ้ว หลบสายตาเขา

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset