บทที่ 593 สามปีต่อมา
สามปีต่อมา
ณ โรงพยาบาลเหรินหมิน ประเทศF
ในตอนที่เวินจิ้งเพิ่งเดินออกมาจากห้องผ่าตัด ผู้ช่วยก็ถือช่อดอกไม้เดินตรงมายังเธอ “หมอเวิน คนไข้ส่งมาให้อีกแล้วค่ะ บอกว่าเพราะการผ่าตัดเมื่อครั้งก่อนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ก็เลยอยากจะขอบคุณเป็นพิเศษ”
เมื่อเวินจิ้งถอดหน้ากากอนามัยออก ก็ไม่สามารถปกปิดความเหนื่อยล้าบนใบหน้าได้อีกต่อไป
เพิ่งจะทำการผ่าตัดที่ใช้เวลาสิบชั่วโมงกว่าๆเสร็จ ตอนนี้เธอเลยรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย
“ฝากขอบคุณคนไข้ด้วยนะคะ บอกว่าไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้” เวินจิ้งยิ้ม
“ในห้องทำงานของคุณมีทั้งป้ายขอบคุณเอยของขวัญเอยวางอยู่เต็มไปหมด แล้วตอนนี้ผอ.ก็ดูให้ความสำคัญคุณมากๆด้วย แต่ว่าคุณยังไม่ได้ลาพักร้อนสักทีเลยนี่? ช่วงนี้ขนาดวันชาติคุณยังทำโอทีอยู่ที่โรงพยาบาลเลย รักงานเกินไปแล้วนะคะ” ผู้ช่วยพูดขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
เธออยากให้เวินจิ้งหาเวลาพักผ่อนให้ตัวเองบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ทุ่มเทให้กับงานเหมือนหนึ่งปีที่ผ่านมานี้
“ฉันคิดว่าแบบนี้ดีออก ไหนๆฉันก็ไม่มีเรื่องอื่นให้ทำแล้ว” เวินจิ้งนั่งลง จากนั้นก็ดื่มน้ำอย่างเนิบนาบ
“เวลาพักคุณก็ใช้เวลาอยู่กับประธานโจวให้มากๆยังไงเล่า เขาทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนั้น ต้องมีผู้หญิงหลายคนแน่ๆที่อยากได้เขา” ผู้ช่วยยังคงพูดจ้อ
เวินจิ้งยังคงมีท่าทีเย็นชา “เขามีสิทธิ์เลือกเองอยู่แล้ว ฉันไม่เข้าไปก้าวก่ายหรอก”
“ใช่สิ ที่ฉันลาหยุดอาทิตย์หน้าได้รับอนุมัติหรือยัง?” เวินจิ้งถาม
อีกสามวันก็จะถึงงานแต่งของหลินเวยแล้ว ครั้งนี้จึงเป็นการลาหยุดครั้งแรกของเธอตั้งแต่เข้ามาทำงานในโรงพยาบาล
“อนุมัติมาแล้วค่ะ ในที่สุดฉันก็ได้ลาหยุดด้วยเหมือนกัน” ผู้ช่วยบิดขี้เกียจ
“มาติดตามฉัน คุณคงลำบากแย่” เวินจิ้งถอนหายใจ
“ไม่ใช่ซะหน่อย ถึงยังไงตอนนี้ฉันก็ยังโสด ยุ่งนิดยุ่งหน่อยก็ดีเหมือนกัน คนในบ้านจะได้เลิกคิดว่าฉันว่างและเร่งฉันเรื่องแต่งงานสักที”
คุยกับผู้ช่วยได้สักพัก เวินจิ้งก็ได้รับสายจากโจวเซิน บอกว่าเขามาถึงแล้ว
เธอเก็บกระเป๋าเดินออกมาโรงพยาบาล หลังจากที่ขึ้นรถ ก็หลับตาลงอย่างอ่อนล้า
“ต่อไปนี้อย่ารับช่วงผ่าตัดเยอะขนาดนี้นะ แผนกไม่ได้ขาดแคลนหมอขนาดนั้น” โจวเซินค่อนข้างจะไม่พอใจ
“ฉันคิดว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว” เวินจิ้งพูดมุบมิบ
โจวเซินขมวดคิ้วอย่างจนใจ จากนั้นก็สั่งคนขับรถให้ออกรถ
กลับมาถึงตระกูลโจว คนใช้ก็เตรียมอาหารเย็นเอาไว้รอแล้ว หลินเวยกับโจวเซิ่งไปเที่ยวพักผ่อนยังไม่กลับ คิดว่าน่าจะกลับมาก่อนวันแต่งงานหนึ่งวัน
“ไม่สบายหรือเปล่า?” เมื่อเห็นสีหน้าเวินจิ้งไม่ค่อยดี โจวเซินก็เดินเข้าไป แล้วโน้มตัวลงไปหา
“ไม่รู้ เวียนหัวมากเลย” เวินจิ้งไม่กินข้าว แต่กลับตรงเข้าไปนอนในห้องเลย
เธอคิดว่าบางทีอาจจะเป็นเพราะเธออดนอนมาทั้งคืนล่ะมั้ง
โจวเซินไม่สบายใจ จึงเดินตามเธอเข้ามา ในตอนที่ฝ่ามือแนบชิดกับหน้าผากของเธอ สีหน้าของเขาก็ขรึมลง
“คุณเป็นไข้”
“อืม กินยาลดไข้ก็น่าจะดีขึ้นแล้ว” เวินจิ้งพึมพำ
จริงๆแล้วหลายปีมานี้ร่างกายของเธอไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ แต่เธอก็มักจะทำงานหนัก ซึ่งในความคิดของคนอื่น มันก็คือการไม่รักชีวิตดีๆนี่เอง
แต่เวินจิ้งมีนิสัยดื้อมาก ใครห้ามก็ไม่ฟัง
“ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล” โจวเซินพูดยืนกราน
เวินจิ้งพลิกตัวหนี ไม่สนใจเขาอีก “ไม่เอา ไม่ได้ป่วยหนักอะไรสักหน่อย”
“เวินจิ้ง!”
“โจวเซิน คุณเอายาลดไข้มาให้ฉันหน่อย ฉันนอนสักตื่นก็คงดีขึ้นแล้ว” เวินจิ้งกอดตัวเองไว้แน่น
“ถ้าพรุ่งนี้ไข้ไม่ลด ต้องไปโรงพยาบาลนะ เข้าใจไหม?” น้ำเสียงของโจวเซินเข้มงวดเป็นอย่างมาก
“อืม ค่อยพูดกันอีกที”
นอกห้อง เมื่อโจวเซินเห็นรายชื่อแขกผู้เข้าร่วมงานแต่งงานที่ผู้ช่วยส่งมาให้ คิ้วก็ขมวดมุ่น
สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ชื่อ “มู่วี่สิง” บนรายชื่อเป็นเวลานาน
วันรุ่งขึ้น ไข้ของเวินจิ้งลดลงนิดหน่อย โจวเซินจึงลาหยุดให้เธอ เวินจิ้งจึงถือโอกาสนี้ลาพักผ่อนไปด้วย
หลังจากที่ตื่นขึ้นมา ก็คิดไม่ถึงเลยว่าโจวเซินจะไม่ไปทำงานเหมือนกัน ตอนนี้เขาเป็นถึงประธานตระกูลโจว ถ้าจะพูดว่าในแต่ละวันมีเรื่องให้ยุ่งไม่เว้นวันก็คงจะไม่เกินไปเท่าไหร่
“มากินโจ๊ก” เมื่อเห็นเวินจิ้ง โจวเซินก็ยกโจ๊กผักออกมาจากห้องครัว
“คุณทำเหรอ?”
“อืม ช่วงนี้คนใช้ก็ลาพักร้อนเหมือนกัน”
“รบกวนคุณแย่” น้ำเสียงของเวินจิ้งก็ยังคงมีแต่ความห่างเหินเหมือนอย่างเคย
โจวเซินเองก็เคยชินไปเสียแล้ว
“อีกสักพักชุดราตรีก็คงมาส่งแล้ว คุณลองใส่ดูนะ ถ้าขนาดไม่พอดีตัวจะได้แก้ได้ทัน”
“อืม”
กินข้าวเช้าเสร็จได้ไม่นาน เวินจิ้งก็อยู่แต่ในห้องลองเสื้อผ้า พรุ่งนี้เป็นงานแต่งงานของหลินเวย และในฐานะที่เธอเป็นลูกสาว จึงต้องใส่ชุดราตรีสีขาวให้เข้ากับชุดเจ้าสาวของหลินเวย ถึงชุดของเธอจะดูเรียบง่าย แต่กลับขับให้เธอดูสดใสบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก
เมื่อสวมใส่ชุดเสร็จ จู่ๆความทรงจำของเธอก็ย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน ภาพงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ของมู่วี่สิงกับโจวหย่าน และภาพที่โจวหย่านคล้องแขนมู่วี่สิง มันช่างสวยงามเหลือเกิน
เธอยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เธออยากลืมภาพนี้มาตลอด แต่ทุกๆรายละเอียดมักจะโผล่เข้ามาในความฝันเสมอ จนทุกคืนเธอต้องนอนร้องไห้น้ำตาอาบหน้า
“ชุดพอดีตัวไหม?” เสียงของโจวเซินดึงความคิดของเวินจิ้งกลับมา
เธอพยักหน้าส่งๆ “พอดีมาก”
“อืม ตอนเย็นพ่อกับแม่ก็จะกลับมาแล้ว” โจวเซินพูดขึ้นมา
ใบหน้าของเวินจิ้งยังคงไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ หลังจากที่สามปีก่อนหน้าเธอถูกโจวเซินพาตัวมาที่ประเทศF ไม่นานหลังจากนั้นหลินเวยก็ตามมาด้วยเหมือนกัน และสิ่งที่ทำให้เธอไม่คิดไม่ฝันก็คือ ที่แท้หลินเวยก็คือรักแรกของโจวเซิ่งนี่เอง โจวเซิ่งถึงกับใช้เวลาฟ้องหย่าเลี่ยวหยงถึงสามปีเต็มๆเพื่อแต่งหลินเวยเป็นภรรยา จนกระทั่งถึงตอนนี้ในที่สุดก็หย่าร้างกันอย่างเป็นทางการ และก็กำลังเตรียมตัวที่จะจัดงานแต่งงานกับหลินเวย
ในความกะทันหันนี้ ราวกับว่าเธอได้มีพ่อ
เพียงแต่ว่าโจวเซิ่งเจ้าชู้ออกลายมาตลอด เวินจิ้งเลยไม่ได้มีความรู้สึกอะไรดีๆให้กับโจวเซิ่ง แต่ถ้าหากหลินเวยชอบ เวินจิ้งก็เคารพการตัดสินใจของเธอ
ด้วยเหตุนี้ต่อจากนั้นมา เธอเลยมาอาศัยอยู่ในตระกูลโจวอย่างสมบูรณ์แบบ
สามวันต่อมา งานแต่งงานของโจวเซิ่งและหลินเวยจัดอยู่ในโรงแรมกุยลี่ของประเทศF แขกที่เชิญมาร่วมงานมีไม่มากไม่น้อยจนเกินไป คร่าวๆก็ประมาณร้อยกว่าคน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเพื่อนสนิทญาติชิดใกล้ คู่ค้าร่วมธุรกิจกลับมีจำนวนน้อย
เวินจิ้งมองแม่ที่กำลังแต่งหน้าในกระจก หลินเวยใกล้จะเลยช่วงวัยกลางคนไปแล้ว แต่กระนั้นก็ยังคงดูแลร่างกายตัวเองได้เป็นอย่างดี ดูเผินๆแล้วคงคิดว่าอายุไม่ถึงสี่สิบด้วยซ้ำ บุคลิกก็ดูเรียบร้อยสูงส่ง
“เสี่ยวจิ้ง แกคิดว่าแม่แต่งหน้าเป็นยังไงบ้าง?”
“สวยเพอร์เฟคสุดๆ” เวินจิ้งตั้งใจมองอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่เห็นข้อบกพร่องที่จุดไหน
“แม่ตื่นเต้นจังเลย เมื่อก่อนตอนที่แต่งเข้าตระกูลฉี ตอนนั้นไม่ได้จัดงานแต่งงานเลย” หลินเวยพูดเสียงเบา
“งั้นตอนนี้ก็สมตามที่แม่ปรารถนาแล้วนะ” เวินจิ้งโน้มตัวลง รอยยิ้มมุมปากยกโค้งขึ้นมา
หลินเวยลูบผมยาวๆของลูกสาวอย่างรักใคร่ “เสี่ยวจิ้ง แม่มีความสุขมากจริงๆนะ ที่แกยอมรับการตัดสินใจของแม่ได้ ”
เวินจิ้งยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า พูดกันตามตรงเธอกับโจวเซิ่งไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันมากเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นตัวตนของเขาจึงเป็นสิ่งที่สื่อต่างๆคอยแต่งเติมเสริมแต่งอยู่ตลอด เธอเลยไม่ค่อยรู้จักเขามากเท่าไหร่
แต่หลังจากสามปีมานี้ที่โจวเซิ่งและหลินเวยอยู่ด้วยกัน ก็ไม่มีข่าวโลกีย์อะไรถูกเผยแพร่ออกมาอีกเลย เขาทำถึงขนาดนี้ก็เพื่อหลินเวย เวินจิ้งจึงไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไร
ความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวของเธอ ก็คือในอนาคตหลินเวยห้ามเสียใจเด็ดขาด
ไม่นานโจวเซินก็ตามมา ในวันนี้เขาสวมใส่ชุดสูทที่สั่งตัดมาโดยเฉพาะ ทั้งเนื้อทั้งตัวดูหล่อเหลาโดดเด่นไม่ธรรมดา
“แม่ครับ ทุกอย่างพร้อมแล้ว”
โจวเซินเรียกแม่ของเธอด้วยสรรพนามใหม่แบบนี้มาสักพักแล้ว แต่เวินจิ้งก็ยังรู้สึกไม่ชินอยู่ดี
แต่ว่า ตอนนี้เธอก็มองโจวเซินเป็นพี่ชายของเธอตลอด ไม่มีความรู้สึกอื่นปะปนเลยสักนิด
เพียงแต่ว่าโจวเซินกลับไม่คิดอย่างนั้น สายตาที่เขามองเวินจิ้ง มันดูเร่าร้อน ลุ่มลึก ทั้งยังแฝงความรู้สึกที่ร้อนแรงเอาไว้ด้วย