บทที่ 587 เกลียด
เมื่อเวินจิ้งเรียกสติกลับคืนมาได้ มู่วี่สิงก็ได้เดินออกไปไกลแล้ว
ปล่อยให้เธออยู่ตามลำพัง กับนักศึกษาหญิงจำนวนหนึ่ง
“จริงเหรอ?ที่ศาสตราจารย์มู่ยังโสดอยู่?ฉันยังคิดว่า เขาไม่น่าแล้วนะ……”
“ใช่สิ ฉันก็คิดว่าศาสตราจารย์มู่ไม่น่าแล้วนะ เขาทำให้ฉันรู้สึก ว่าเขาเคยเป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ในเมื่อถ้าเขายังโสดอยู่ พวกเราสาวๆ ก็อย่าเพิ่งยอมแพ้นะ……”
เวินจิ้ง:……
ถ้าอย่างนั้น เธอได้ถือว่าปล่อยมือผู้ชายของตัวเอง ออกไปแล้วอย่างงั้นเหรอ?
เสียงร้องไห้ดังกึกก้อง
แต่ใครเป็นคนที่ให้มู่วี่สิง มาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอนะ มอบความกล้าให้เธอ ทำให้เธอไม่กล้าเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขาในที่สาธารณะ
เธอต้องการที่จะตามมู่วี่สิงไป แต่ก็ไม่ง่ายเลย ที่จะหลบหนีจากนักศึกษาหญิงกลุ่มนี้ออกไปได้ และก็ไม่เห็นร่างของมู่วี่สิงอีกเลย
เขาโกรธจริงๆ เหรอ?
เวินจิ้งรู้สึกสับสนเล็กน้อย และกำลังจะโทรหามู่วี่สิง ไม่ไกลนักเจียงฉีก็เข้ามาขวางทาง แล้วก็เรียกเธอไว้
“จะไปโรงพยาบาลเหรอ?”
เวินจิ้งพยักหน้า
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณนิดหน่อย”เจียงฉีขมวดคิ้ว
เวินจิ้งเงยหน้ามองเจียงฉีอย่างสงสัย
“หัวข้องานวิจัยของพวกเรา เป็นที่สนใจของตระกูลโจว เธอก็รู้ว่าตอนนี้ศาสตราจารย์ส้ง อยู่ที่ตระกูลโจว เธอหวังว่าจะนำพวกเรา ให้สำเร็จโครงการวิจัยนี้ ถ้าหากตระกูลโจวเป็นผู้สนับสนุน พวกเราก็แค่ออกแรงแค่ครึ่งเดียว”
เวินจิ้งประหลาดใจ ตอนนี้เธอถูกจับตามองจากตระกูลโจว
“ถ้าอย่างนั้น ในอนาคตพวกเราก็ต้องไปฝึกงานที่ตระกูลโจวน่ะสิ?”เวินจิ้งถามออกไป
เจียงฉีพยักหน้าช้าๆ“แล้วเรื่องนี้ ศาสตราจารย์เฉินก็ได้ตกลงเรียบร้อยแล้ว อาทิตย์นี้เพิ่งทำสัญญา อาทิตย์หน้าถึงเริ่มอย่างเป็นทางการ”
เวินจิ้งรู้สึกสับสนเล็กน้อย เธอไม่ต้องการที่จะมีอะไรเกี่ยวข้อง กับตระกูลโจวอีกแล้ว
แต่ว่าตอนนี้ เรื่องราวต่างๆ ได้ถูกตัดสินใจลงไปแล้ว
“เธอใส่ใจไหม?”เจียงฉีเห็นถึงความลังเลจากเวินจิ้ง แล้วขมวดคิ้วถาม
“อืม ใส่ใจ”พูดอย่างไม่จริงใจ
ที่ตระกูลโจว คงจะหลีกเลี่ยงที่จะไม่เจอกับโจวเซิน
ช่วงนี้โจวเซินมาที่มหาวิทยาลัยน้อยมาก เขาให้ความสำคัญทั้งหมดกับตระกูลโจว ดังนั้นเมื่ออยู่ที่ตระกูลโจว เธอคงจะเจอกับโจวเซินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สินะ?
“สะดวกบอกกับฉันได้ไหม?ฉันขอดูหน่อยว่าจะจัดการยังไง”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว นั่นเป็นสิ่งที่เจียงฉีไม่อาจจัดการได้เอง
“ไม่เป็นไร เนื่องจากทุกอย่างได้ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว ฉันก็ต้องไปแหละ”เวินจิ้งพูดเสียงเรียบ
“โอเค รบกวนเธอแล้วล่ะ ผลลัพธ์ทางด้านวิชาการในครั้งนี้ ฉันเชื่อว่ามันจะประสบความสำเร็จ”
สีหน้าของเวินจิ้งยังคงราบเรียบ ถ้าเทียบกับการทำวิชาการนี้ ในความเป็นจริงแล้ว เธอเต็มใจที่จะอยู่โรงพยาบาลมากกว่า แต่ในฐานะนักศึกษาคนหนึ่ง ก็ต้องทำทั้งหมด
ในเรื่องนี้ เวินจิ้งตั้งใจจะไปที่โรงพยาบาลหนานเฉิงในตอนบ่าย เพื่อบอกเรื่องนี้ให้กับมู่วี่สิง แต่โจวหย่านเกิดอาหารชักอีกครั้ง ในช่วงบ่ายมู่วี่สิงก็มีการผ่าตัด และนักประสาทวิชาอีกคนก็ได้ทำการลาไป เวินจิ้งจึงทำได้เพียงแค่ จัดการกับสถานการณ์ของโจวหย่านไปก่อนชั่วคราว
หลังจากจ่ายยาเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินไปที่วอร์ดของโจวหย่าน
ภาพด้านหลังของพยาบาล กำลังฉีดยาให้กับโจวหย่าน อาการของเธอดีขึ้นเล็กน้อย แต่หลังจากที่เธอกลับมาได้สติ เธอก็จะไม่ยอมกินยา
“คุณหมอมู่ล่ะ?”เมื่อโจวหย่านฟื้นขึ้นมา เธอก็ถามถึงมู่วี่สิงทันที
“คุณหมอมู่กำลังผ่าตัดอยู่”เวินจิ้งตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ฉันต้องการให้คุณหมอมู่มายืนยันอาการของฉัน ฉันถึงจะยอมทานยา เธอออกไปได้แล้ว”โจวหย่านไม่ต้องการเห็นหน้าเวินจิ้ง
เวินจิ้งรู้นิสัยและอารมณ์ของเธอ และก็ไม่ต้องการที่จะต่อล้อต่อเถียงกับเธอ จึงสั่งให้พยาบาลคอยดูแลเธออยู่ตลอดเวลา หลังจากนั้นเธอก็ออกไป
การผ่าตัดของมู่วี่สิงกินเวลาอย่างน้อยห้าชั่วโมง ก่อนผ่าตัด เขาก็ไม่ได้บอกเธอ บางทีอาจจะยังไม่โกรธหรอกมั้ง
เวินจิ้งถอนหายใจ แสดงอารมณ์ไม่พอใจเล็กน้อย
ศาสตราจารย์ส้งได้นัดเธอ ให้ออกไปทานอาหารเย็นด้วย เวินจิ้งไม่ได้มีธุระอะไร จึงไปที่นั่น
แต่ไม่คาดคิดว่า มื้ออาหารนี้ โจวเซินก็มาด้วย
เวินจิ้งขมวดคิ้ว โจวเซินก็ได้ขยับมานั่งข้างๆ เธอเรียบร้อยแล้ว
“เวินจิ้ง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”รอยยิ้มของเขา ทำให้เวินจิ้งรู้สึกอึดอัด
“ยินดีด้วยที่คุณใกล้จะเรียนจบแล้ว”คำพูดของเวินจิ้งเหมือนกับ คำพูดของเพื่อนร่วมชั้นอีกสองคนที่พูดกับเขาก่อนหน้านี้
“หลังจากได้ประกาศนียบัตร ค่อยมายินดีกับผมเป็นการส่วนตัว?”โจวเซินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
เวินจิ้งพยักหน้าอย่างช้าๆ
หลังจากที่ศาสตราจารย์ส้งได้ออกจากมหาวิทยาลัยF ก็ได้ไปเข้าร่วมโครงการกับตระกูลโจว แต่ในสายตาของเวินจิ้ง ยังคงนับถือศาสตราจารย์ส้งให้เป็นอาจารย์ของเธออยู่
กล่าวได้ว่า เธอยังได้รับการยกย่องให้เป็น“ศาสตราจารย์ส้ง”
“พวกเธอถึงเวลาที่ต้องทำโครงการ คงจะไม่เรียกว่าศาสตราจารย์หรอกนะ?”ส้งเชนถาม
“คุณยังคงเป็นศาสตราจารย์อยู่ตลอด เรียกแบบนี้ก็ไม่เห็นจะผิดปกติ”เจียงฉียิ้มตอบ
“พวกเธอก็เหมือนกันกับโจวเซิน ที่เรียกฉันแบบนั้น เรียกฉันว่าพี่เชนก็ได้”ส้งเชนถ่อมตัว และอ่อนโยนมาโดยตลอด
มื้ออาหารนี้ ผ่านไปไวอย่างมีความสุข ยกเว้นเวินจิ้งที่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เมื่อต้องนั่งอยู่ข้างๆ กับโจวเซิน
อาหารมื้อค่ำสิ้นสุดลง ส้งเชนมีสามีมารับเธอ เพื่อนร่วมชั้นอีกสองคนก็เรียกให้รถมารับ โจวเซินออกตัวเพื่อขอไปส่งเวินจิ้ง แต่เธอปฏิเสธ
“ยังคงเกลียดผมมากขนาดนี้อีกเหรอ?”โจวเซินเลิกคิ้วขึ้น
“ประธานโจวคิดมากไปแล้วค่ะ”ตอนนี้เวินจิ้งมักจะเรียกเขาว่าประธานโจว เพราะโจวเซินแทบจะไม่ได้เข้าไปมหาวิทยาลัยเลย
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผมไปส่งคุณ เด็กผู้หญิงคนเดียวกลับบ้าน ไม่ปลอดภัย”
“นั่งรถของประธานโจว ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะปลอดภัย”เวินจิ้งพูดออกมา
โจวเซินขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไร
“งั้นผมนั่งรถแท็กซี่เป็นเพื่อนคุณ”โจวเซินเป็นสุภาพบุรุษ เรียกรถแท็กซี่ให้เธอ
แต่ก็มีรถสีดำคันหนึ่ง ค่อยๆ หยุดลงข้างหลัง แล้วมู่วี่สิงก็ผลักประตูรถลงมา
เมื่อเห็นโจวเซินอยู่ข้างๆ เวินจิ้ง สีหน้าก็ค่อยๆ ดิ่งลงเล็กน้อย
“ไม่ต้องรบกวนประธานโจวหรอก”มู่วี่สิงตรงมาโอบไหล่ของเวินจิ้ง และพาเธอเข้ามาในรถ
เวินจิ้งและโจวเซินไม่ได้สนิทอะไรกัน“ลาก่อน”ก็ไม่จำเป็นต้องพูด
เมื่อได้กลิ่นยาฆ่าเชื้อจางๆ บนตัวของมู่วี่สิง เขาน่าจะเพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัดได้ไม่นาน
“คุณมาได้ยังไงคะ?”เวินจิ้งขมวดคิ้ว
“มารับคุณกลับบ้าน”
“ฉันต้องกลับมหาวิทยาลัยF”
“พรุ่งนี้ไม่ต้องไปโรงพยาบาล”มู่วี่สิงตอบ
เวินจิ้งเม้มริมฝีปาก ไม่มีเสียงใดๆ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
มู่วี่สิงก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เขารู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย เมื่อเอนพิงเบาะหลัง เพียงไม่นานเขาก็หลับไป
จนกระทั่ง รถได้มาหยุดลงที่ชั้นล่างของการ์เด้นมูเจียวาน เวินจิ้งถึงได้พบว่า
คุณสมบัติของผู้ชายของเธอนั้น ทั้งหล่อเหลา และสมบูรณ์แบบ เปรียบเสมือนโครงร่างพระหัตถ์ของพระเจ้าได้สร้างขึ้นมา ซึ่งทำให้ผู้คนไม่สามารถหาข้อบกพร่องได้
ริมฝีปากบางจีบขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าจะยังหลับอยู่ ส่วนโค้งส่วนเว้าที่แนบแน่น
คิ้วเค้มขมวดเล็กน้อย ดูเหมือนกำลังมีอะไรกวนใจอยู่?
โดยไม่รู้ตัว ปลายนิ้วเย็นของเธอก็ลูบวนไปที่คิ้วของเขาเบาๆ แล้วค่อยๆ นวดเบาๆ เพื่อที่จะช่วยคลายคิ้วของเขาออก
แต่ในวินาทีต่อมา มู่วี่สิงก็ลืมตาตื่นขึ้นมาทันที
นิ้วเย็นของเวินจิ้ง ยังคงอยู่ที่คิ้วของเขา
ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก แต่แสงนั้นมืดมาก ดังนั้นดวงตาของเวินจิ้ง จึงสบเข้ากับดวงตาดำขลับของเขา
หัวใจเต้นอย่างรุนแรง
เธอต้องการที่จะถอนมือออกมา แต่มู่วี่สิงก็จับไปที่ข้อมือของเธอไว้อย่างรวดเร็ว จากการดึงเพียงเล็กน้อย เวินจิ้งก็หลุดเข้ามาในอ้อมแขนของเขาแล้ว
ลมหายใจของชายที่เธอคุ้นเคย ยังรู้สึกอยู่ที่ปลายจมูกของเธอ เธอต้องการที่จะผลักเขาออกไป
เธอยังไม่ลืมว่า ในช่วงเที่ยงที่มู่วี่สิง ได้ทิ้งเธอไว้ให้อยู่ตัวคนเดียวที่มหาวิทยาลัย
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ได้ เธอก็ยังคงโกรธอยู่ แล้วก็ใช้แรงมากกว่าเดิม
“จิ้งจิ้ง”เขาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ แล้วเรียกเธอด้วยน้ำเสียงทุ้ม