บทที่ 576 มึนตึงมาก โกรธมาก
เวินจิ้งยืนคงที่แล้วจึงตั้งท่าจะผลักมู่วี่สิงออกไป
แต่เพราะว่าแขนผู้ชายนั้นมีแรงมาก เธอจึงดันไม่ได้
“มู่วี่สิง”
“คุณหึงหรอ” เขาถามด้วยใบหน้ามึนตึง ดวงตาดำสนิทจดจ้องไปที่เวินจิ้ง
“ไม่ใช่สักหน่อย” เวินจิ้งพูดปฏิเสธไป
นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มใบหน้ามึนตึงมากขึ้น
“อืม”
เขาไม่ได้พูดอะไรอีก แรงบนฝ่ามือก็ค่อยๆลดลง ก่อนจะปล่อยออก และเดินจากไป
จิตใจของเวินจิ้งตอนนี้รู้สึกโหวงเหวงไปหมด
เธอยอมรับว่าเธอหึงแล้วจริงๆ
“คนโง่” เธอด่าด้วยความโกรธ โกรธตัวเองแล้วก็โกรธมู่วี่สิงด้วย
เมื่อกลับมาถึงห้องทำงาน มู่วี่สิงก็ปัดหนังสือบนโต๊ะลงไปจนหมดด้วยอารมณ์ ยิ่งนึกถึงท่าทางของเวินจิ้งเมื่อสักครู่เขาก็ยิ่งหงุดหงิด
เมื่อใส่เสื้อคลุมเสร็จ เขาก็รีบหมุนตัวออกไปจากห้องทำงานทันที
เมื่อเดินผ่านห้องผู้ป่วยของโจวหย่าน เธอก็วิ่งออกมาเรียกเขาไว้ก่อน
“คุณหมอมู่ วันนี้คุณยังไม่ได้มาตรวจฉันเลยก็จะออกเวรแล้วหรอ” โจวหย่าน หน้ามุ่ย
และในตอนนั้นเวินจิ้งก็เดินอยู่บนทางเดินเช่นเดียวกัน เมื่อเธอเห็นท่าทางอย่างนั้นของ โจวหย่าน เธอก็รู้สึกอึ้งในทันที
“อืม” สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชามาก
สายตาของ โจวหย่านมองไปที่เวินจิ้ง ก่อนที่เธอจะจับแขนเสื้อของมู่วี่สิงอย่างตั้งใจ
“ฉันมึนหัวนิดหน่อยค่ะ ตรวจให้หน่อย” เมื่อพูดจบเธอก็เอาตัวพิงไปที่มู่วี่สิง
เขาประคองเธออยู่อย่างนั้น ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าเธอเล่นละคร แต่เขาก็ไม่ได้ผลักเธอออกไป
เขาพยุงเธอไปจนถึงเตียงผู้ป่วย จากนั้นเขาก็ไม่ได้พยุงต่อ
“อย่าสร้างปัญหา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“คุณกับเวินจิ้งเลิกกันแล้วใช่มั้ย” โจวหย่านถามด้วยน้ำเสียงตึงเครียด
หลายวันมานี้เธอรู้สึกว่ามู่วี่สิงกับเวินจิ้งแปลกๆต่อกัน ไม่ได้สนิทสนมกันเหมือนเมื่อก่อน จึงเป็นไปได้ว่าทั้งคู่เลิกกันแล้ว
“ไม่ได้เลิก” เขาตอบกลับมาเสียงเย็น และก็ไม่ได้หยุดเดินอีกต่อไป
คำว่า ไม่ได้เลิก ก็ได้ดังเข้าไปกระทบหูของคนที่อยู่นอกประตูอย่างเวินจิ้งด้วยเช่นกัน เธอหันหน้าหนี ไม่ได้มองมู่วี่สิงเลยสักนิด
สองวันหลังจากนั้น แผลของเจียงฉีก็ทำความสะอาดจนเสร็จ และได้รับการออกจากโรงพยาบาล
วันนี้เป็นวันหยุด เวินจิ้งไม่ได้อยากมาโรงพยาบาล แต่เพราะว่าเจียงฉีเรียกเธอ ทำให้เธอที่ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วจึงต้องมา
“มือฉันยังใช้แรงเยอะไม่ได้ แถมในหนานเฉิงฉันก็ไม่มีเพื่อน ดังนั้นจึงต้องรบกวนเธอแล้ว”
เจียงฉีพูดด้วยใบหน้ารู้สึกผิด
“วันนี้ฉันก็ไม่มีอะไรทำอยู่พอดี” เวินจิ้งตอบด้วยใบหน้าอบอุ่น
ตอนที่จะออกไปมู่วี่สิงก็เข้ามาตรวจอีกครั้ง
เวินจิ้งกำลังช่วยเก็บของอยู่ เมื่อมู่วี่สิงเดินเข้ามา ภายในห้องก็ตกอยู่ในบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจ
เธอขยับตัวอย่างเกร็งๆเล็กน้อย ก่อนที่จะเก็บอย่างปกติต่อไป
“วันอังคารหน้ามาติดตามผลด้วย” มู่วี่สิงพูดเตือน
“ขอบคุณครับอาจารย์มู่”
มู่วี่สิงพยักหน้าอย่างเฉยเมยและเดินจากไป
สายตาของเจียงฉีหม่นลงเล็กน้อยเมื่อมองไปที่เวินจิ้ง
เมื่อส่งเจียงฉีกลับมหาลัยเสร็จ ทั้งคู่ก็นัดกันว่าพรุ่งนี้จะทำงานคู่ให้เสร็จ
ตอนที่กำลังจะแยกกัน เจียงฉีก็เรียกเวินจิ้งไว้อีกครั้ง
“เวินจิ้งช่วงนี้ต้องรบกวนเธอแล้ว นี่เป็นของเล็กๆน้อยๆจากฉันหวังว่าเธอจะรับไว้” พอพูดจบเจียงฉีก็ส่งกล่องอันนึงให้กับเธอ
อันนี้เป็นของทำมือ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เวินจิ้งขมวดคิ้ว “เจียงฉีนายเจ็บก็เพราะฉัน อย่าทำอย่างนี้เลย”
“เธอรับไว้เถอะ ไม่งั้นจะเสียน้ำใจเปล่าๆ” เจียงฉีก็ยังพยายามยัดกล่องนั้นใส่มือเวินจิ้ง
“มันไม่ได้แพงอะไรมาก แต่มันเป็นของแทนใจจากฉัน”
เวินจิ้งเม้มปากแล้วพยักหน้าเบาๆ
พอมาถึงหอยังไม่ทันจะได้เปิดกล่องของขวัญ มู่วี่สิงก็โทรศัพท์เข้ามาบอกให้เธอไปโรงพยาบาลหนานเฉิง
เมื่อสักครู่มีคนไข้ฉุกเฉินถูกส่งตัวเข้ามาหนึ่งคนและจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดดังนั้นเมื่อเวินจิ้งเข้ามาจึงรีบเข้าห้องผ่าตัดทันที
สีหน้าของวี่สิงดูตึงเครียดมาก
เวินจิ้งรู้สึกกลัวเขาในอารมณ์นี้ไม่น้อย ดังนั้นเธอจึงยืนอยู่ไกลๆไม่ได้ไปอยู่ใกล้
คนป่วยคนนี้ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ดูจะเป็นอุบัติเหตุที่ร้ายแรง
แม้เธอจะเข้าร่วมการผ่าตัดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่เธอก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี
จนกระทั่งร่างสูงเดินมาอยู่ตรงหน้าเธอ “ไหวมั้ย”
เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นสบตากับมู่วี่สิง ก่อนจะพยักหน้าลงอย่างหนักแน่นพร้อมกับปิดแมส
“อยู่ข้างๆผม” มู่วี่สิงพูดเสียงต่ำ
ความตึงเครียดของเวินจิ้งลดลงมาไม่น้อย เธอยืนอยู่ข้างๆมู่วี่สิง ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นกำลังใจที่ดีของเธอ
พลังงานที่มองไม่เห็นนี้ทำให้เธอสามารถเอาชนะความกลัวได้อย่างมาก
ในที่สุดการผ่าตัดก็เสร็จสิ้นไป ทำให้เวินจิ้งผ่อนคลายลงมาได้
และอีกแค่ครู่เดียวเธอก็ต้องเดินตามมู่วี่สิงไปที่วอร์ดต่างๆไม่หยุดอีกครั้ง เธอยุ่งจนดึกดื่นถึงมีเวลาได้พักผ่อน
ท้องเธอร้องตั้งนานแล้ว เวินจิ้งมองผู้ชายที่ยังนั่งเขียนรายงานอยู่เขามักจะมีพลังอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าใบหน้าของเขาจะเหนื่อยล้าแค่ไหนก็ตาม
“มู่วี่สิงคุณอยากกินอะไรมั้ย” เวินจิ้งอดไม่ไหวถามออกไป
ผู้ชายคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นคนเหล็กหรือไง นี่ก็เกือบจะแปดชั่วโมงแล้วยังไม่ได้กินอะไรเลย
“อืม ช่วยผมสั่งอาหารหน่อย” มู่วี่สิงสั่ง
เวินจิ้งเลือกสั่งร้านที่ใกล้ที่สุด เพื่อให้จัดส่งได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่ามู่วี่สิงยังเขียนอยู่ เธอจึงหันมาพูดว่า “ มาฉันช่วย”
อาจจะเป็นเพราะว่าเธอเข้าไปใกล้เกินไปจึงทำให้สัมผัสได้ถึงลมหายใจของมู่วี่สิง เธอเงยหน้าขึ้นมาพอดีกับที่เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้อีกนิด ดังนั้นปากของทั้งคู่จึงประกบกัน
เธอเบิกตากว้าง เมื่อรู้ตัวจึงถอยหลังออกมาแต่เธอก็ถูกมู่วี่สิงดึงท้ายทอยประกบไว้แน่น เธอตัวเเข็งค้างทำได้แค่ยอมรับจูบอันอ่อนโยนจากเขา
นอกจากจะได้รังเกียจแล้ว เธอยังรู้สึกหลงใหลในจูบนั้น
จนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะห้องดังมาจากข้างนอก เวินจิ้งจึงรีบกระโดดออกห่างจากมู่วี่สิง และคนที่เดินเข้ามาก็คือ โจวหย่าน เมื่อเห็นว่าทั้งคู่เกือบจะกอดกันใบหน้าของ โจวหย่าน ก็หม่นลง
“หมอมู่ยาของฉันหมดแล้ว” โจวหย่าน พูดโกหกออกมา
“ตามพยาบาลสิ” มู่วี่สิงพูดด้วยความเย็นชา
“พยาบาลออกเวรเเล้ว”
เวินจิ้งไม่เชื่อคำพูดของ โจวหย่าน เธอเดาว่านี่ต้องเป็นข้ออ้าง เพื่อมาหามู่วี่สิงแน่ๆ
“ฉันออกไปก่อนนะ”
เพียงแค่เธอพูดจบ มือใหญ่ของมู่วี่สิงก็ไม่ได้ปล่อยเธอไป เขาจับเธอไว้พร้อมพูดว่า
“กลับด้วยกัน”
และหันไปพูดกับ โจวหย่าน ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “กลับห้องคนไข้ไป”
โจวหย่าน ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มด้วยความไม่พอใจ
เมื่อออกมาจากโรงพยาบาลเวินจิ้งกลับไม่เดินไปขึ้นรถ
“ฉันกลับเองก็ได้”
“จิ้งจิ้ง คุณคิดว่าผมจะยอมปล่อยให้คุณกลับคนเดียวหรอ” เขาพูดด้วยสีหน้ามึนตึง
“ไม่ต้องมายุ่ง”
แต่มู่วี่สิงก็ไม่ได้ปล่อยมือ เวินจิ้งถูกเขายัดเข้าไปในรถอย่างง่ายดาย
ตลอดทางเธอไม่พูดอะไรเลย
จนกระทั่งรถขับเข้าไปในมหาวิทยาลัย F และจอดตรงหน้าตึกของเวินจิ้งก็ปรากฏผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งยืนรออยู่
คืนที่ท้องฟ้ามืดสนิท ทำให้เวินจิ้งมองไม่ชัดเลยว่าคือใคร แต่มู่วี่สิงนั้นรู้ดีว่าคือเจียงฉี
ทันใดนั้นเขาก็กำพวงมาลัยไว้แน่น และถอยหลังก่อนจะขับไปอีกทาง
“มู่วี่สิงคุณจะไปไหนฉันถึงแล้ว” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
มู่วี่สิงไม่ได้ตอบ เขาขับรถไปที่อพาร์ทเม้นท์ของอาจารย์
เวินจิ้งลงมาจากรถก่อนจะรีบเดินกลับไป มู่วี่สิงกลับคว้าข้อมือของเธอไว้อย่างช่วยไม่ได้
“ไปกับผม” น้ำเสียงของเขามึนตึงมาก โมโหมาก
เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะสั้นไปทั้งตัว