บทที่ 544 ฟังคุณนายมู่ในอนาคต
ช่วงค่ำวันนั้น เวินจิ้งได้รับแจ้งให้กลับไปเข้าเวรต่อที่โรงพยาบาลแทนเพื่อนนักศึกษาฝึกงานที่ขอลาหยุด
ก่อนหน้านี้เธอลางานไปเยอะเหมือนกัน ดังนั้นจึงเป็นโอกาสชดเชยเวลางาน
ขณะที่เข้าตรวจห้องผู้ป่วย เวินจิ้งหยุดเดินแล้วยืนอยู่หน้าประตูห้องผู้ป่วยสุดท้ายนั้น ซึ่งเป็นห้องที่โจวเซินพักรักษาตัวอยู่
เขาได้พักแค่คืนเดียว อีกอย่างไม่ได้อาการหนัก เธอจึงไม่เข้าไป
แต่ว่า โจวเซินกดกริ่งเรียกพยาบาล เธอจึงจำต้องเข้าไป
“คุณโจว” เธอยังคงสุภาพ
“มานี่สิ” โจวเซินขมวดคิ้ว
เวินจิ้งยืนนิ่งอยู่จุดเดิมไม่ขยับ และมองโจวเซินด้วยสายตาที่ระแวดระวัง
“ผมไม่ต้องการสอดเข็มไว้ ช่วยผมดึงมันออกที” โจวเซินยกมือขึ้น
เมื่อเวินจิ้งเห็นเข็มที่ยังคงเสียบอยู่หลังมือเขา เธอจึงเดินเข้าไป
เธอรีบดึงเข็มฉีดยาออกมา และเอาสำลีปิดห้ามเลือดแล้วกดที่หลังมือเขาไว้ “รอห้านาทีนะ”
“คุณหมอเวิน มานั่งก่อนสิ” โจวเซินพูดด้วยน้ำเสียงที่บังคับเล็กน้อย
“คุณโจวยังมีเรื่องอื่นอีกเหรอ?” เวินจิ้งขมวดคิ้ว สีหน้าแสดงออกถึงความไม่เต็มใจอย่างเห็นได้ชัด
“อื้ม มีสิ”
“เรื่องอะไร?” เวินจิ้งเริ่มชักสีหน้า
“อยู่เป็นเพื่อนผม”
เวินจิ้ง……
“คุณโจว พักผ่อนไปก่อน” เมื่อพูดเสร็จ เวินจิ้งเดินออกไปแล้วกระแทกเปิดประตูด้วยความโกรธ
โจวเซินมองเธอจากด้านหลัง แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
กลางดึกวันนั้น เวินจิ้งได้ยินเสียงกริ่งเรียกอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเป็นห้องของโจวเซิน เธอจึงไม่สนใจ แต่เสียงกริ่งดังไม่หยุด เวินจิ้งจึงจำต้องเข้าไปดู
“โจวเซิน……” เธอรู้สึกโมโหมาก แต่เมื่อผลักประตูห้องเข้าไปแล้วเงียบลงทันที
โจวเซินอาเจียน……
ทำให้ห้องผู้ป่วยนั้นมีกลิ่นเหม็นไปทั่วห้อง เวินจิ้งจึงต้องบีบจมูกเข้าไปและสั่งให้พนักงานมาทำความสะอาด เมื่อเดินไปข้างโจวเซิน เธอประคองเขาลุกขึ้นนั่ง ในเวลานั้น สีหน้าของโจวเซินขาวซีดไปหมด
“เกิดอะไรขึ้น?”
“รู้สึกคลื่นไส้” สีหน้าโจวเซินทรมาน
เวินจิ้งแตะหน้าผากเขาไว้ ไม่มีไข้
“เพิ่งกินอะไรเข้าไปรึเปล่า?”
โจวเซินส่ายหัว
“เดี๋ยวฉีดยาแก้อาเจียนให้คุณก่อน”
“ไม่จำเป็น คุณอยู่เป็นเพื่อนผมที่นี่ เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”
“โจวเซิน คุณจริงจังหน่อยได้ไหม!” เวินจิ้งจ้องเขาด้วยความโมโห
“ผมจริงจังตลอด ผมกลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับผม เลยขอให้คุณช่วยอยู่เป็นเพื่อนหน่อย” โจวเซินพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“ฉันไม่ได้เป็นหมอที่ดูแลเฉพาะคุณโจวนะ ผู้ป่วยคนอื่นก็ต้องการให้ฉันดูแลเหมือนกันนะ”
“เดี๋ยวพยาบาลจะเข้ามาเรียกคุณเอง”
เวินจิ้งไม่ได้ปฏิเสธ และพยาบาลส่วนใหญ่จะหลงใหลในตัวโจวเซิน ดังนั้นจึงฟังคำพูดเขาเป็นพิเศษ
“ผมกลัวผมจะอาเจียนอีก ตอนนี้รู้สึกเพลียมาก”
“ถ้างั้นคุณรีบพักผ่อน ไม่รบกวนคุณแล้ว” เวินจิ้งหันตัวไปอย่างเด็ดเดี่ยว
ทันใดนั้น มีเสียงส่งมาจากโจวเซินอีกครั้ง เขา……อาเจียนอีกแล้ว
“ต้องฉีดยาจริง ๆ แล้ว”
“ผมเกลียดการฉีดยา!” สีหน้าโจวเซินตึงเครียดมาก และมีเหงื่อไหลตามร่างกาย
“ถ้าคุณไม่ยอมให้ฉีดยา วันนี้ฉันจะไม่เข้ามาดูคุณอีก” เวินจิ้งก็เหลือทนมาก
โจวเซินนั้น……รบกวนการทำงานของเธอจริง ๆ
เมื่อได้ยินคำนี้ โจวเซินค่อย ๆ หรี่ตาลงด้วยสีหน้าซีดจาง จากนั้นไม่นานเขาค่อย ๆ พูด “ฉีดก็ได้”
หลังจากนั้น เวินจิ้งหยิบเข็มออกมา แล้วเห็นโจวเซินที่หลับตาเหมือนรอความตาย จึงทำให้เธออดขำไม่ได้
“ไม่เจ็บหรอกน่า” เขากลัวเหมือนเด็กไปได้
“เจ็บจะตาย” โจวเซินหดตัวลง
เมื่อเขาลืมตา แล้วเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างสดใสของเวินจิ้ง ทำให้เขาต้องรู้สึกหวั่นไหว
เธอที่สวมชุดสีขาว แล้วยิ้มกับเขาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ซึ่งภาพนี้ ทำให้เขาต้องจดจำจนไม่มีวันลืม
“คืนนี้พักผ่อนดี ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้กลับบ้านแล้วนะ” เวินจิ้งบันทึกประวัติการรักษาเสร็จแล้วค่อย ๆ พูดกับเขา
“ถ้าคุณอยู่ที่นี่ เดี๋ยวผมจะหลับไปเอง” โจวเซินมองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง
เวินจิ้งไม่ได้มองหน้าเขา หันหลังแล้วรีบเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป
จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น เธอต้องเข้าไปตรวจคนไข้ก่อนเลิกงาน โจวเซินก็เตรียมออกจากโรงพยาบาลและให้ผู้ช่วยมารอรับเขาแล้ว
“เลิกงานแล้วเหรอ? หรือว่าจะไปด้วย?”
“ไม่ต้อง” เวินจิ้งส่ายหัวอย่างไม่แยแส
“ผมก็ต้องเข้าไปมหาวิทยาลัยหลินไห่นะ และจะเข้าเรียนวิชาของศาสตราจารย์ส้งด้วย” เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น แล้วมองเขาอย่างสงสัย
แต่เธอไม่เคยคิดว่าโจวเซินจะใจดีขนาดนี้
“ไม่ต้องรบกวนคุณหรอก”
เธอแค่อยากอยู่ห่างจากโจวเซิน
เขามองเห็นความกลัวในดวงตาของเวินจิ้ง และสงสัยว่าตัวเขานั้น……น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?
กลับมาที่มหาลัย เวินจิ้งเพิ่งเร่งถึงชั้นเรียน เธอไม่คิดว่าจะเจอโจวเซินจริง ๆ และเธอไปเข้าเรียนเกือบสาย จึงเหลือที่นั่งข้างโจวเซินที่นั่งเดียว
เธอจึงต้องกัดฟันนั่งตรงนั้น
นี่คือวิชาหลักสูตรรวมของแพทยศาสตร์ สำหรับโจวเซินนั้นเป็นวิชาที่เลือกเรียน แต่สำหรับเวินจิ้งนั้นคือวิชาบังคับ และในวิชานี้ นักศึกษาต้องแบ่งกลุ่มการทดลอง
โจวเซินนั้นรีบเลือกที่จะอยู่กลุ่มเดียวกับเวินจิ้งด้วยตนเอง
“โจวเซิน ฉันไม่ขออยู่กลุ่มเดียวกับคุณ!” เวินจิ้งพูดอย่างจริงจัง
“ผมส่งรายชื่อขึ้นไปแล้ว ไว้ใจเถอะน่า ผมนักเรียนแถวหน้า คุณได้ผ่านอย่างแน่นอน”
“ไม่มีคุณ ฉันก็ผ่านเองได้” เวินจิ้งบ่นพึมพำ
“คุณไม่เห็นสายตาความอิจฉาที่ทุกคนมองคุณอยู่เหรอ? ได้อยู่กับผมถือเป็นเกียรติของคุณแล้วนะ” โจวเซินพูดอย่างหยิ่งผยอง
ความจริงเวินจิ้งก็รู้สึกเหมือนกันว่า การที่เธอนั่งข้าง ๆ โจวเซินแบบนี้ ต้องตกเป็นศัตรูของเพื่อนผู้หญิงทุกคน
“เฮงซวย” เวินจิ้งเริ่มรู้สึกอึดอัดใจ
“เวินจิ้ง ผมต้องรออีกสองปีถึงจะจบนะ สองปีนี้ ต่อให้คุณรำคาญยังไงก็ต้องเจอผมอยู่ดี”
“คุณน่ารำคาญจริง ๆ หยุดพูดได้แล้ว ตั้งใจเรียนไป!” เวินจิ้งชักสีหน้า
ศาสตราจารย์ส้งมองมาที่เวินจิ้งหลายครั้งแล้ว เห็นเธอตั้งหน้าตั้งตาจดบันทึกอย่างจริงจัง
แต่สายตาของโจวเซินนั้นจดจ่อแต่ตัวเวินจิ้ง
หลังเลิกเรียน เวินจิ้งรีบออกจากห้องเรียนทันที เพราะกลัวโจวเซินจะตามมา
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดมากไป เพราะหลังเลิกเรียนแล้ว โจวเซินถูกสาว ๆ รายล้อมไว้ แทบจะขยับไปไหนไม่ได้
เวินจิ้งถึงถอนหายใจและรู้สึกโล่งอก เธอกลับไปพักผ่อนที่หอพัก จนตื่นมาอีกทีตอนฟ้ามืด แล้วโทรหามู่วี่สิง
“คุณอยู่ในบริษัทหรือโรงพยาบาลเหรอ?” เวินจิ้งเพิ่งตื่นและพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“อยู่บริษัท หลังจากคืนนี้ ผมก็จะกลับไปรักษาต่อแล้ว”
“แล้วงานสัมมนาหยุดแล้วจริง ๆ เหรอ?”
“อื้ม แต่งานวิจัยและพัฒนากลับมาเริ่มแล้ว เพราะเวลามีจำกัด เลยต้องทำวิจัยและพัฒนาก่อนแล้วค่อยโปรโมท”
“ดีแล้ว บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปกระทบหนักมากไหม?” เวินจิ้งถามอย่างเป็นห่วง
“ตอนนี้สถานการณ์บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไม่ดีจริง ๆ” มู่วี่สิงขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด และไม่คิดจะปิดบังอะไรเธอ
“แล้วคุณ……”
“ผมก็ทำในสิ่งที่ผมควรทำ เรื่องของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ส้งวี่จะจัดการเอง”
“งั้นคุณหลับเช้าหน่อยนะ แล้วจะกลับมาการ์เด้นมูเจียวานเมื่อไหร่เหรอ?”
“คงดึกหน่อย” เสียงพูดของมู่วีสิงเบาลง
“ดึกหน่อยของคุณคงพรุ่งนี้เช้าแล้วล่ะ กลับไปตอนนี้เลยได้ไหม?” เวินจิ้งพยายามโน้มน้าว
มู่วี่สิงหัวเราะเบา ๆ “ครับ เชื่อฟังคุณนายมู่ในอนาคต”
เวินจิ้งจึงยิ้มอย่างพอใจ “ดีมาก”