บทที่ 538 เธอเป็นทุกอย่างในโลกของเขามาตลอด
“ฉันเข้าใจแล้ว คุณขอให้เขาช่วยใช่ไหม” เจียงฉีถาม
“ฉันแค่บอกเขา”
“ขอบคุณพวกคุณนะ”
เวินจิ้งยิ้มและวางสายอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เธอหันหน้ามา เธอก็ถูกมู่วี่สิงกอดไว้อยู่ในอ้อมแขนแล้ว
“ติดต่อกับเจียงฉีอีกแล้วเหรอ” น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความหึงหวง
“เราแค่ติดต่อกันแบบปกติ” เวินจิ้งพูดคำว่า “ปกติ” อย่างหนัก
“อืม ปกติ” มู่วี่สิงจับหน้าเธอและผลักเธอที่หน้าต่าง จูบเธออย่างร้อนแรง
ผู้ชายคนนี้ … เป็นคนบ้าการจูบแน่ๆ
“คุณไปทำอาหารสิ ฉันหิวแล้ว” เวินจิ้งหาข้ออ้าง
“ฉันก็หิวแล้วเหมือนกัน เรามากินอิ่มซึ่งกันและกันเถอะ” มู่วี่สิงพูดด้วยเสียงมึนเมา
แก้มของเวินจิ้งแดงจะระเบิดแล้ว ผู้ชายคนนี้ …
อยู่ในห้องนั่งเล่น บรรยากาศอันน่าหลงใหลไปเรื่อยๆ เวินจิ้งถูกผลักลงบนโซฟา การกระทำของเขามากขึ้นไปเรื่อย ๆ …
…
บ้านตระกูลโจว
เมื่อโจวหย่านได้ยินคำพูดของพี่ชาย เธอก็ส่ายหัวปฏิเสธทันที “การวิจัยและพัฒนานี้สำคัญมากสำหรับบริษัทมู่ซือกรุ๊ป ฉันจะไม่ทำตามที่คุณพูดเด็ดขาด”
“งั้นคุณก็อย่าไปเลย” พูดเสร็จ โจวเซินจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาผู้รับผิดชอบการประชุมโปรโมต
โจวหย่านโกรธและแย่งโทรศัพท์ของพี่ชายอย่างโกรธ ๆ
“ทำไมพี่ต้องทำร้ายมู่วี่สิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า พี่ก็รู้ว่าฉันชอบเขามาก ฉันไม่อยากทำร้ายเขาจริงๆ” โจวหย่านพูดอย่างชัดเจน
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ถ้าเธอไปทำงานกับมู่วี่สิงมันจะทำร้ายเขา ดูเหมือนว่า… ไม่ค่อยอยากไปเลย
เมื่อได้ยินแบบนี้ โจวเซินก็กัดริมฝีปากบางแน่นๆ ออร่าที่น่ากลัวในตัวเขาทำให้เขาก็กวาดทุกอย่างลงจากโต๊ะกะทันหัน
ค่อยๆเดินไปที่หน้าโจวหย่าน โจวหย่านกลัวเขา เลยก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ
“โจวหย่าน ไม่มีฉัน คุณจะไม่มีอะไรเลย รู้ไหม” เสียงของโจวเซินน่ากลัวมาก
น้ำตาในดวงตาของโจวหย่านไหลลงอย่างควบคุมไม่ได้ อย่างแรงและร่างกายสั่นโจวหย่าน “พี่ชาย พี่ใจร้ายเหลือเกิน”
“ความโหดร้ายของฉัน เป็นเพราะถูกบีบบังคับจากตระกูลมู่”
พูดเสร็จ เขาก็กระแทกประตูอย่างแรงและเดินจากไป
โจวหย่านค่อยๆย่อตัวลง ผ่านไปไม่นาน โจวเซิน ก็หันกลับมาอีกครั้งและยื่นยากล่องหนึ่งให้เธอ
“คุณหาโอกาสด้วยตัวคุณเอง”
โจวหย่านรับยาอย่างตัวสั่น รู้สึกว่าความหนาวเย็นทั่วร่างกายยิ่งมากขึ้น ครั้งสุดท้ายแล้วกัน
นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะทำให้มู่วี่สิงอยู่กับเธอ
เก้าโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น ที่สนามบินหนานเฉิง
มู่วี่สิงและเวินจิ้งพักอยู่ในห้องรับรองวีไอพี เมื่อคืนมู่วี่สิงทำให้เวินจิ้งรู้สึกเหนื่อยมาก เธออดไม่ได้ที่จะหลับไปในอ้อมแขนของเขาในตอนนี้
เมื่อโจวหย่านเข้ามา เธอก็เห็นภาพที่หวานใกล้ชิดแบบนี้เลย หัวใจของเธอเจ็บเบาๆ
ใสแว่นกันแดดแล้วนั่งลงตรงข้ามกับทั้งสองคน เพราะใส่แว่นตาอยู่ เธอก็เลยมองมู่วี่สิงอย่างไม่อายและกลัว
จนถึงเสียงประกาศให้ขึ้นเครื่องดังขึ้น มู่วี่สิงค่อยบีบใบหน้าเล็กๆของเวินจิ้งด้วยความรัก “หมูน้อย ตื่นได้แล้ว”
“คุณสิเป็นหมู” เวินจิ้งพึมพำ แต่เปลี่ยนท่านอนและหลังไปอีกครั้ง
มู่วี่สิงยิ้มแบบเอือมระอาและอุ้มเธอตรงเข้าไปในเครื่อง
หนุ่มหน้าตาหล่ออุ้มสาวตัวเล็กๆ ภาพแบบนี้ ทำให้คนอื่นอิจฉามาก
เวินจิ้งตื่นขึ้นมาหลังจากเครื่องบินออกแล้ว มองสภาพแวดล้อมแปลกๆรอบตัว เธออึ้งไป
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงอ่อนโยนของมู่วี่สิงดังขึ้น
“เฮ้ ทำไมคุณไม่ปลุกฉันล่ะ” เวินจิ้งทำหน้าบึ้ง
“เรียกแล้ว แต่คุณไม่ตื่น”
“เหรอ…”
“หิวมั้ย” มู่วี่สิงให้แอร์โฮสเตสเสิร์ฟอาหารมาให้ตั้งนานแล้ว
เวินจิ้งพยักหน้าและแลบลิ้นออกมาอย่างขี้เล่น “คุณป้อนฉันได้ไหม”
วินาทีต่อมา เสียงของมู่วี่สิงก็ดังขึ้นในหูของเธอ “ฉันยินดีมาก”
ทั้งๆที่มันเป็นประโยคธรรมดาๆ แต่มันมีความหมายอย่างลึกลับขึ้นมา …
แก้มของเวินจิ้งแดงมากทันที รีบแย่งอาหารของตัวเองมากินเอง
แต่มู่วี่สิงงรีบแย่งกลับมาและป้อนเนื้อไก่เข้าไปในปากเวินจิ้ง
คิ้วและตาของเธอขมุกขมัวเล็กน้อย เปิดปากเพิ่งกัดเนื้อไก่ข้าปาก แต่วินาทีต่อมามู่วี่สิงก็เข้าใกล้และกัดเนื้อไก่ที่อยู่ในปากของเธอ
แล้ว … แย่งกินไปเอาครึ่งหนึ่ง …
เวินจิ้งตกตะลึง เนื้อไก่ดูเหมือนจะติดอุณหภูมิของมู่วี่สิงแล้ว …
แก้มของเธอแดงจะระเบิดทันที รีบถือกล่องอาหารไว้ในอ้อมแขน แล้วทำแบบนี้ต่อไป มื้อนี้คงไม่ต้องกินแล้วสิ
โจวหย่านมองความสวีทของสองคนอยู่ที่ที่ห่างกันระยะทางเดิน นิตยสารในมือก็ถูกเธอฉีกเป็นชิ้นๆ
ทนถึงได้ลงเรื่องสักที แต่สายตาของเธอยังตกอยู่กับเวินจิ้งโดยไม่รู้ตัว
โทรศัพท์เพิ่งมีสัญญาณ เวินจิ้งตอบข้อความ WeChatไป แต่บังเอิญเปิดเข้าไปข่าวอันหนึ่ง
“หลิงเหยาลูกสาวของตระกูลหลิง ถูกสงสัยว่าคบกับมู่วี่สิงนักประสาทวิทยาผู้มีอำนาจ และในขณะเดียวกันก็มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย สงสัยว่ากำลังพูดถึงเรื่องแต่งงาน … “
เวินจิ้งอ่านชื่อเรื่อง แล้วอ่านรูปถ่ายนี้ ดูจากด้านหลังเป็นมู่วี่สิงและหลิงเหยาจริงๆ ยังมีผู้หญิงวัยกลางที่แต่งตัวหรูหราอยู่ด้วย
น่าจะเป็นคุณหญิงหลิง
เวินจิ้งมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆโดยตรง เขาก็ต้องเห็นข่าวอยู่แล้ว ขมวดคิ้วอยู่
“คุณกินกับคุณหญิงหยิงเมื่อไหร่หรอ “เวินจิ้งถามอย่างชิวๆ
“เมื่อคืนก่อนที่คุณไม่รับสายของฉัน คุณหญิงหลิงมาหาฉันที่โรงพยาบาล”
“พวกคุณคุยอะไรกัน”เวินจิ้งมองมู่วี่สิง มุมกล้องที่นักถ่ายรูป แม้แต่เธอก็รู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันเลย
“จิ้งจิ้ง ไม่ว่าคุณหญิงจะพูดอะไรก็ตาม มันก็ไม่ส่งผลต่อความรักของเราหรอก “มู่วี่สิงกอดเธอแน่นๆ
เวินจิ้งก้มหัวลง อ่านข่าวนี้ มีความหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก
มู่วี่สิงสั่งให้เกาเชียนลบข่าวแล้ว ในเวลานี้มู่วี่สิงไม่ได้อยู่ในหนานเฉิง ผนักข่าวก็เลยไปปิดกั้นมู่เฉิงที่กำลังไปเล่นบอลข้างนอก แต่มู่เฉิงไม่ได้ปฏิเสธข่าวลือนี้ ทัศนคติของเขาก็ค่อนข้างคลุมเครือ
คราวนี้ นักข่าวยิ่งแน่นอนว่าความสัมพันธ์ระหว่างมู่วี่สิงและหลิงเหยาเป็นแฟนกัน
เวินจิ้งเปิดข่าวล่าสุดมาอ่านอีกครั้ง ครั้งนี้มู่วี่สิงหยิบโทรศัพท์ของเธอไปและวางอยู่ข้างๆ
แต่เมื่อกี้เธอได้เห็นข้อความส่วนใหญ่แล้ว
“คุณว่าถ้าคุณปู่มู่ไม่เห็นด้วยตลอด… ”
“ตราบใดที่คุณตกลง เราสามารถแต่งงานได้ทุกเวลา”รู้ว่าเวินจิ้งจะพูดอะไร มู่วี่สิงก็รีบขัดจังหวะเธอ
เขามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก เกือบทำให้เวินจิ้งจมน้ำ
เขารอเธออยู่ตลอด
จะไม่มีใครเป็นปัญหาของพวกเขาได้
เวินจิ้งเม้มปาก และกอดมู่วี่สิง แต่นึกถึงถ้าพวกเขาแต่งงานกันจริงๆ กลัวว่ามู่เฉิงจะยิ่งไม่ชอบเธอไปใหญ่เลย
“ถ้าไม่มีฉัน คุณก็เลือกที่จะเป็นหมอต่อเหมือนกันใช่ไหม”
เมื่อได้ยินแบบนี้ มู่วี่สิงไม่ได้รีบตอบ
ถ้าหาเวินจิ้งไม่เจอแล้ว เขาอาจไม่เป็นหมอต่อแล้ว ยอมรับการจัดเตรียมของคุณปู่ แต่งงานกับภรรยาที่เหมาะสม รับมือบริษัทมู่ซือกรุ๊ปต่อ
แต่ตอนนี้เวินจิ้งอยู่เคียงข้างเขา เพราะฉะนั้นเขาก็ยิ่งมั่นใจที่จะเดินตามเส้นทางนี้ต่อ ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับเธอ
“จิ้งจิ้ง คุณรู้ไหมว่าคุณเป็นแสงสว่างนำทางของฉัน เพราะมีคุณ จึงมีฉันในทุกวันนี้”มู่วี่สิงก้มลง ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกลึกๆ
เธอเป็นทุกอย่างในโลกของเขามาตลอด