บทที่491 เธอจะต้องกลับมา
จั๊กจี้……
เวินจิ้งขยับหนี ในมือก็ยังถือถ้วยอยู่ กรีดร้องออกมา แล้วเธอก็รีบวางถ้วยลงทันที
“คุณเอาอาหารเช้าออกไป!” เวินจิ้งสั่งผู้ชายที่อยู่ข้างเธอ
มู่วี่สิงอารมณ์ค่อนข้างดี ทำตามคำขอที่แฟนสาวสั่ง
ทั้งสองนั่งติดกันที่โต๊ะอาหาร หันหน้ามองตรงไปที่ทะเล ที่มีแสงระยิบระยับ ชีวิตแบบนี้มันช่างสุขสบายจริง ๆ เลย
“ช่วงค่ำ ๆ หนานเฉิงและเสี้ยงหงก็คงจะมา”
“อืม ซูยิงมามั้ย?เธอท้องอยู่ คงจะไม่สะดวก”
“หนานเฉิงจะพาเธอมาอยู่ แต่ตอนนี้ยังขึ้นเครื่องไม่ได้”
คนส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานวันหมั้นล้วนแต่เป็นเพื่อนของทั้งสอง สำหรับญาติ หลินเวยก็ไม่ว่างมา ทางฝั่งตระกูลหลินก็ไม่มีใครแล้ว
ส่วนทางมู่วี่สิงได้ให้มู่ซือซือกับส้งวี่มา แขกคนอื่น ๆ ก็เป็นเพื่อนสนิทที่สามารถนับจำนวนได้เลย
ในวันนี้ ทั้งสองไม่ได้ออกไป จะป้อนมู่วี่สิงให้อิ่มได้……แทบจะบ้าตาย
เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหมั้น คืนนี้เวินจิ้งและมู่วี่สิงต้องแยกกันอยู่ เวินจิ้งกับอั้ยเถียนพักอยู่อีกห้องหนึ่ง
“เกาะจิ้ง……หมอมู่เป็นคนร่ำรวยมีฐานะ ถ้ามีคนยกเกาะให้ฉันหนึ่งเกาะ ฉันก็คงจะแต่งงานกับเขาเลย” อั้ยเถียนพูดติดตลก
“สมบัติของบ้านเสี้ยงหงก็ไม่น้อย” เวินจิ้งหลับตาลง
“แต่ก็สู้มู่วี่สิงไม่ได้ ตอนนี้เขามีอำนาจมากที่สุดในตระกูลมู่ และเหมือนว่าในเมืองหนานก็ไม่มีใครเทียบเขาได้แล้ว ตอนนั้นสายตาเธอดีมากเลยนะ”
“ตอนแรกฉันก็ไม่คิดว่าฉันจะได้แต่งงานกับคนรวยขนาดนี้……”
มาคิดดูแล้ว ก็ยังรู้สึกว่า มันช่างน่าเหลือเชื่อมากเลย
อยู่กับมู่วี่สิงที่ดูดีเพียบพร้อมไปซะทุกอย่าง เธอก็ต้องทำตัวให้ดูดีขึ้นด้วย
ช่วงเช้าตรู่ ทั้งสองคุยกันทั้งคืน แม้ว่าเวินจิ้งจะตื่นเต้นมาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหลับไปแล้ว
อั้ยเถียนดื่มไปนิดหน่อย ไม่นานก็หลับไปแล้ว
เสียงดังกึกก้องดังขึ้นเรื่อย ๆ กระจกหน้าต่างแตกกระจายลงบนพื้น มีชายเสื้อดำสองคนเข้ามา อั้ยเถียนถูกปิดตาไว้ ผู้ชายแรงเยอะมาก เธอสู้แรงเขาไม่ไหวอยู่แล้ว
รอจนได้เปิดตาออก ร่างของเวินจิ้งก็ไม่อยู่แล้ว
ดึงสติกลับมาได้ อั้ยเถียนก็รีบที่จะหยิบมือถือขึ้นมา ปรากฏว่ามือถือถูกผู้ชายคนเมื่อกี้เอาไปแล้ว และอยากจะออกไปบอกคนอื่น ๆ ให้รู้ แต่ประตูก็ถูกล็อกอย่างแน่นหนา
ได้แค่รอให้มู่วี่สิงมาพบในวันพรุ่งนี้แล้วล่ะ
อั้ยเถียนวิ่งไปดูที่หน้าต่าง เห็นเพียงเรือลำหนึ่งที่กำลังแล่นออกไป
เวลานี้ มู่วี่สิงรู้สึกกระวนกระวายใจ แต่เขาก็มาช้าไปหนึ่งก้าว หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป บอดี้การ์ดที่ซุ่มดูอยู่ในความมืดก็พบอะไรบางอย่าง
บ้านที่พวกเขาพักอยู่ติดกับทะเลทั้งหมด ถ้าจะพาคนออกไป ก็ต้องนั่งเรือออกไปเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนี้คงจะหาเจอยากแล้วล่ะ
“มันเป็นใคร”
“ตอนนี้ยังไม่รู้ครับ แต่ได้ให้เรือออกไปตามแล้วครับ” ลูกน้องรายงาน
“กลับเมืองหนานเดี๋ยวนี้”
อั้ยเถียนเคาะประตูอย่างใจจดใจจ่อ หวังว่าจะมีคนผ่านมาพอดี เสี้ยงหงรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้น ก็รีบมาทันที อั้ยเถียนก็ร้องไห้จนตาแดงไปหมดแล้ว
กอดเสี้ยงหงไว้แน่น อั้ยเถียนพูดพึมพำ “เวินจิ้ง……เวินจิ้งถูกจับตัวไปแล้ว”
“ผมรู้แล้ว พวกเรากำลังจะกลับเมืองหนาน อย่าร้องนะ คุณเอาแต่ร้องไห้แบบนี้ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว” ความจริงเสี้ยงหงก็ยังมีสติ แต่พอเห็นอั้ยเถียนร้องไห้เขาก็ทำตัวไม่ถูกเลย
“อืม ฉันไม่ร้องแล้ว”
ถึงจะพูดแบบนี้ แต่เมื่อเสี้ยงหงอยู่ข้าง ๆ เธอ อั้ยเถียนก็ยิ่งห้องหนักขึ้นไปอีก……
ทุกคนเตรียมตัวกลับเมืองหนานทันที มู่วี่สิงและมู่ซือซือรีบกลับไปที่บ้านใหญ่ แต่มู่เฉิงกลับไม่อยู่
ลงเครื่องปุ๊บ มู่วี่สิงก็รีบตรงมาที่บ้านใหญ่
“ใช่” มู่วี่สิงพยักหน้า
คนที่สามารถหลีกเลี่ยงเขาแล้วพาเวินจิ้งออกมาได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ มีแค่คนเดียวก็คือมู่เฉิง
“คุณปู่ไปไหนแล้ว?” มู่ซือซือถามคนดูแลบ้าน
คนดูแลบ้านส่ายหัวด้วยความลำบากใจ เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
ณ เวลานี้ บ้านพักตากอากาศทางตะวันออกที่เมืองหนาน
เวินจิ้งถูกเอาตัวเข้ามาในห้องหนังสือ มู่เฉิงจับไม้เท้าแล้วค่อย ๆ นั่งลงที่โซฟา
เห็นสีหน้าที่เย็นชาของเวินจิ้ง
“คุณปู่มู่” เวินจิ้งมองเขาด้วยความขยะแขยง
ตอนโดนจับตัว เธอก็คิดว่ามีหลายคนที่อยากจับตัวเธอมา ตอนนี้มู่เหิงก็ถูกจับไปที่สถานีตำรวจแล้ว งั้นก็คงมีแค่มู่เฉิงแล้วล่ะ
“ไม่คิดว่าหลานฉันจะรีบร้อนที่จะหมั้นกับเธอขนาดนี้” เสียงของมู่เฉิงดูน่าเกรงขามมาก
เวินจิ้งหน้าซีดขึ้นมาเลย
“จะช้าหรือเร็ว หนูกับมู่วี่สิงก็ต้องแต่งงานกัน”
“ไม่มีวันนั้นแล้ว” มู่เฉิงพูดเสียงเข้ม
การอยู่ต่อของเวินจิ้ง ได้ส่งผลกระทบต่ออนาคตของมู่วี่สิงแล้ว
เขาเหลือเวลาไม่มากแล้ว จำเป็นต้องจัดการปัญหาและอุปสรรคทั้งหมดให้หลานเขา
“เวินจิ้ง ไม่ใช่ว่าปู่ไม่ชอบเธอนะ แต่คนที่ปู่รักมากที่สุดก็คือหลานของปู่ เขาเป็นลูกหลานของตระกูลมู่ ความรับผิดชอบของเขาหนักมาก เธออยู่ข้างกายเขา มันจะส่งผลเสียและอันตรายต่อเขา”
ก่อนหน้านี้มู่เฉิงมองสถานการณ์ไม่ออก แต่ตอนนี้เขาเห็นมันอย่างชัดเจน
เขาหวังอยากให้มู่วี่สิงแต่งงาน แต่ไม่อยากให้เขารักผู้หญิงคนนั้นมากเกินไป
เมื่อผู้หญิงมีอิทธิพลต่อเขา ผลที่ตามมาก็จะเอากลับคืนมาไม่ได้อีก
ทายาทที่เขาเลี้ยงดูมากับมือ ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง
“นี่มันก็แค่ความคิดของคุณปู่ หนูไม่คิดว่าหนูจะทำร้ายมู่วี่สิง” เวินจิ้งพูดเสียงแข็ง
“เพราะเธอ ตอนนี้เขาจึงต้องการทำงานที่โรงพยาบาล เพราะเธอทำร้ายเขา!” มู่เฉิงตะคอก
เวินจิ้งหน้าซีดขึ้นไปอีก กัดริมฝีปากไว้แน่น
“ฉันจะไม่ยอมให้พวกเธอหมั้นกัน และไม่อนุญาตให้พวกเธออยู่ด้วยกัน” มู่เฉิงยืนขึ้น ก้าวเดินไปยืนตรงหน้าของเวินจิ้ง
“เธออยากเรียนหมอ ฉันจะหาที่เรียนที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศให้เธอ ออกไปจากชีวิตหลานฉัน” มู่เฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากเหมือนเป็นคำสั่ง
“ฉันไม่ต้องการความหวังดีจากคุณ” เวินจิ้งไม่มองหน้ามู่เฉิง
“เธอไม่มีสิทธิ์เลือก อีกสองชั่วโมง ฉันจะส่งเธอออกนอกประเทศ”
พูดจบ มู่เฉิงก็เดินหายไปจากสายตาของเวินจิ้ง ประตูห้องก็ถูกล็อก
เวินจิ้งทรุดลงไปนั่งกับพื้น มือถือของเธอถูกยืดไปแล้วด้วย จะติดต่อใครก็ไม่ได้
ถ้ามู่วี่สิงมาไม่ทัน เธอคงจะอยู่ต่างประเทศแล้ว……
ไม่ เธอจะต้องกลับมา
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ มู่เฉิงได้จัดเครื่องบินส่วนตัวไว้แล้ว ตอนนี้น่าจะอยู่บนดาดฟ้าแล้ว
ห้องรับแขก มู่เฉิงมองโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องเป็นมู่วี่สิงโทรมา
หลังจากนั้น เขาก็ทุบโทรศัพท์ทิ้ง
เขารู้ดี อิทธิพลของมู่วี่สิง จะสามารถหาเจอได้ในไม่ช้า ดังนั้น เขาต้องรีบจัดการให้เวินจิ้งออกไปโดยเร็วที่สุด
เวลานี้ มีเสียงเดินดังมาจากด้านออก สีหน้ามู่เฉิงดูตึงเครียด มองไปที่ประตู เป็นหลินเวย
เธอส่งคนตามปกป้องเวินจิ้งตลอดเวลา แต่เวลานี้ ก็สายไปจนได้
“มู่เฉิง เอาตัวลูกสาวฉันคืนมา” เสียงของหลินเวยเฉียบคมและมีความโกรธปนอยู่ด้วย
ถึงแม้ว่าช่วงนี้งานเธอจะยุ่งมาก แต่เรื่องที่เกี่ยวกับลูกสาว เธอรู้ทุกเรื่องเลย