บทที่ 480 เรื่องน่าหัวเราะเยาะที่สุด
ณ ตระกูลโจว ในห้องทำงานท่านประธาน
บริเวณหน้าต่าง แสงแดดสาดส่องผ่านกระจกใสเข้ามา แต่รังสีในร่างกายของชายหนุ่มกลับเย็นยะเยือกไปทั้งแถบ
ไฟที่ปลายบุหรี่ส่องแสงขึ้นมาวูบวาบ โจวเซินสูบบุหรี่เข้าไปอึกใหญ่ มือข้างหนึ่งสอดไว้ในกระเป๋ากางเกง ใบหน้าเย็นชาขมวดมุ่น
ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้หันมา แล้วถีบผู้ช่วยที่อยู่ข้างกายออกไป
“มู่เหิงอยู่ที่ไหน? แล้วสถานการณ์ทางบริษัทเหิงอวี่กรุ๊ปเป็นยังไงบ้าง”
“ประธานโจว มู่เหิงถูกคนของมู่วี่สิงนำตัวไปตรวจสอบที่สถานีตำรวจ ส่วนบริษัทเหิงอวี่กรุ๊ปตอนนี้วุ่นวายไปหมด นับว่าหมดตัวแล้วครับ”
“ไสหัวออกไป”
ผู้ช่วยรีบวิ่งออกไปอย่างล้มลุกคลุกคลาน ไม่กล้าอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว
ประธานโจวน่ากลัวเกินไป
นานพอสมควร เขาถึงได้หยิบเอาบัตรเชิญที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วต่อสายหาโจวหย่าน “เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วรอฉันอยู่ที่บ้าน”
ช่วงใกล้ค่ำ เวินจิ้งก็ได้รับสายโทรศัพท์จากมู่วี่สิง เธอยังอยู่ที่โรงพยาบาล
วันนี้บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปมีงานเลี้ยงฉลอง มู่วี่สิงเลยมารับเธอ
“ฉันไม่ไปหรอก อีกสักพักฉันก็ต้องอยู่เวร”
“ผมเลี่ยงดื่มเหล้าไม่ได้หรอกนะ แล้วถ้าผมเมา ใครจะพาผมกลับบ้านล่ะ?”
เวินจิ้งชะงัก คอของมู่วี่สิง…..เหมือนจะไม่ค่อยแข็งเท่าไหร่
ภาพที่เขาเมาเมื่อเดือนก่อนยังติดตาอยู่เลย
รู้ทั้งรู้ว่ามู่วี่สิงจงใจพูดแบบนี้ แต่เวินจิ้งก็ยังรู้สึกไม่วางใจ
“แต่ฉันไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลยนะ”
“ผมเตรียมไว้ให้คุณแล้ว ออกไปกันเถอะ”
“งั้นรอเดี๋ยว ฉันจะไปขอแลกเวรกับคนอื่น”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เวินจิ้งก็รีบวิ่งออกมาอย่างรีบเร่ง ตอนนี้ใกล้จะสายแล้ว
เมื่อครู่ในห้องน้ำเวินจิ้งเพิ่งจะแต่งหน้าบางๆมา เมื่อมู่วี่สิงเห็นใบหน้าข่าวผ่องของเธอ รอยยิ้มก็ยิ่งขยายกว้าง
“แล้วไหนชุดล่ะ?” เมื่อขึ้นมาบนรถ มู่วี่สิงก็เอาแต่จ้องมองเธอ ใบหน้าของเวินจิ้งก็ยิ่งแดงขึ้นเรื่อยๆ
“เดี๋ยวถึงโรงแรมผมจะพาไปเปลี่ยน”
ครึ่งชั่วต่อมา รถหรูก็ขับเข้ามายังโรงแรมในเครือของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
เมื่อลงจากรถ จู่ๆก็มีนักข่าวพุ่งเข้ามาล้อมเอาไว้ ทั่วทั้งลานจอดรถจึงเต็มไปด้วยแสงแฟลชวูบวาบ
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ใช้แขนโอบเวินจิ้งเอาไว้ เกาเชียนกำลังเตรียมบอดี้การ์ดให้เข้ามาช่วย
แต่ตอนนี้มู่วี่สิงกับเวินจิ้งกลับขยับไปไหนไม่ได้เลย
“ประธานมู่ ขอถามเรื่องของพี่ชายของคุณหน่อยครับ เขาเป็นอย่างที่ประธานคนก่อนพูดมาหรือเปล่า เรื่องที่ว่าเป็นลูกนอกสมรสน่ะครับ?”
“ประธานมู่ ที่ประธานคนก่อนสาดโคลนใส่มู่เหิง เป็นเพราะว่าอยากให้คุณสืบทอดบริษัทได้อย่างราบรื่นหรือเปล่าคะ?”
“ทราบมาว่าวันนี้มู่เหิงถูกจับกุม คุณเป็นคนแจ้งความหรือเปล่า?”
“………”
คำถามของผู้สื่อข่าวดังขึ้นมาเรื่อยๆ เวินจิ้งมองไปยังมู่วี่สิงโดยอัตโนมัติ เขามีใบหน้าเฉยชามาตั้งแต่ต้น
เขายกมือขึ้นมาบังกล้องที่จ่อเข้ามาใกล้ “เรื่องเกี่ยวกับมู่เหิง ผมไม่มีอะไรจะพูด แต่เรื่องที่เขาแอบยักยอกเงินของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ในฐานะผมที่เป็นผู้กุมอำนาจของบริษัท ผมจะตามล่าเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด!”
มู่วี่สิงมีกลิ่นอายน่าหวาดกลัวมาก น้ำเสียงก็แข็งกร้าวและเยือกเย็น ทันทีที่เปล่งเสียงออกมานักข่าวก็พากันเงียบไปพักใหญ่
และในตอนนี้เองบอดี้การ์ดก็ตามมาพอดี มู่วี่สิงโอบเวินจิ้งเดินเข้าลิฟต์ไป เสียงรอบด้านค่อยๆเบาลง จากนั้นก็กลับมาตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
เวินจิ้งย้อนกลับไปคิดถึงคำพูดของมู่วี่สิงเมื่อครู่ วันนี้มู่เหิงจนตรอกขนาดไหนเธอจำได้เป็นอย่างดี จากหลานชายคนโตของตระกูลมู่ จู่ๆกลับถูกเปิดโปงว่าเป็นแค่ลูกนอกสมรส
“ตอนนี้มู่เหิงอยู่ที่….สถานีตำรวจเหรอ?” เวินจิ้งเอ่ยถาม
วันนี้ในโรงพยาบาลมีแต่คนพูดเรื่องของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป หลังจากงานแถลงข่าวจบได้ไม่นาน มู่เหิงก็ถูกจับกุม อีกอย่างวันนี้เวลาห้าโมงเย็น บริษัทเหิงอวี่กรุ๊ปก็ประกาศล้มละลายอย่างเป็นทางการ ซึ่งกิจการของบริษัท ดำรงอยู่ได้แค่สองเดือนเท่านั้น
“อืม เขาทำเรื่องไม่ดีไว้เยอะ” มู่วี่สิงพูดเสียงเย็น
แม้ว่าก่อนหน้านี้มู่เฟิงจะไถ่โทษให้เขาแล้ว แต่มู่วี่สิงก็จับพิรุธเขาได้อยู่ดี ทุกเรื่องที่สะเทือนออกมา ก็เพียงพอที่จะทำให้ชื่อเสียงของมู่เหิงป่นปี้
เมื่อมาถึงชั้นบนสุด ภายในห้องแต่งตัวก็มีช่างแต่งหน้าผู้หญิงมารออยู่ก่อนแล้ว ข้างๆมีชุดราตรีสวยๆวางอยู่หลายชุด
“คุณไม่บอกฉันตั้งแต่แรกเล่า” เวินจิ้งพึมพำ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่รีบแต่งหน้าเองหรอก
เวินจิ้งแต่งหน้ามาแค่บางๆ ช่างแต่งหน้ามีฝีมือสูงมาก แต่งเพิ่มให้เธอแค่นิดหน่อยโดยไม่กระทบต่อที่เมคอัพเธอแต่งมาบางๆก่อนหน้าเลยสักนิด จนทำให้เวินจิ้งดูสวยยิ่งกว่าเดิม
เธอเลือกชุดราตรีสีฟ้าคราม ที่ท่อนบนประดับไปด้วยดาวระยิบระยับ เมื่อสวมใส่รองเท้าส้นสูง เวินจิ้งก็มายืนอึ้งอยู่ตรงหน้ากระจก
รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกร่ายมนตร์ใส่
ผมนุ่มสลวยถูกช่างแต่งหน้าทำให้เป็นลอนเล็กๆ แผ่สยายอยู่บนไหปลาร้า ยิ่งทำให้ดูงดงาม
และในตอนนี้เอง ที่ความรู้สึกเย็นๆจู่โจมเข้ามาที่คอ เมื่อเวินจิ้งช้อนตามอง สายตารักใคร่ของมู่วี่สิงก็ประทับเข้ามาในดวงตา
ในมือของเขาถือสร้อยเพชรสีฟ้าเอาไว้ จากนั้นก็สวมใส่ลงบนคอของเธอ แล้วก็ตามมาด้วยจูบอันแผ่วเบาบริเวณห้างหูของเธอ
จั๊กจี้จัง
เวินจิ้งมองกระจกอย่างเขินอาย เพชรสีฟ้าเข้ากันกับสีของชุดราตรีมาก ขับผิวขาวผ่องของเธอให้สว่างมากยิ่งขึ้น ดวงตาก็ยิงขยายใหญ่ขึ้นด้วยความตกตะลึง
รู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเองเลย
“มู่วี่สิง นี่ฉันจริงๆเหรอ……” เวินจิ้งรู้สึกไม่ชิน
“ครับ ผู้หญิงของผม” พูดจบ มู่วี่สิงก็รวบจับท้ายทอยของเธอ ให้หันมาด้านข้างแล้วดันเธอไปแนบชิดกับกระจก จากนั้นก็จูบลงบนริมฝีปากสีแดงที่เพิ่งทาลิปสติกของเธอ
ช่างแต่งหน้ากับผู้ช่วยออกไปอย่างรู้จังหวะ ภายในห้องแต่งตัวจึงตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงแค่เสียงลมหายใจของทั้งสองที่สอดประสานกัน
เวินจิ้งรู้สึกทั้งเนื้อทั้งตัวอ่อนปวกเปียก มู่วี่สิงมักจะมีวิธีมาทรมานเธอเสมอ
“สายมากแล้ว คุณยังไม่ลงไปอีกเหรอ” เวินจิ้งดันหน้าอกของเขาออก กลัวมู่วี่สิงจริงๆ
คนมักมากที่มีอารมณ์ได้ทุกที่ทุกเวลา……..
ดวงตาของมู่วี่สิงลึกล้ำ ในสายตาของเขา ต่อให้ตอนนี้เวินจิ้งจะสวมใส่ชุดราตรีอยู่ แต่ก็เหมือนกำลังเปลือยอยู่ดี
เปลวไฟในดวงตายิ่งแผ่ขยาย
แต่เวินจิ้งก็ออกแรงผลักเขาออกไป
“เกลียดคุณชะมัด สีปากของฉันถูกคุณกินไปหมดแล้ว” เวินจิ้งเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง จากนั้นก็แต่งหน้าเพิ่ม
ร่างสูงใหญ่ของมู่วี่สิงเดินเข้าไปประชิด กอดเอวบางของเธอเอาไว้จากด้านหลัง จากนั้นก็กดจูบย้ำๆลงบนไหล่ของเธอ “อืม กินสีปากของคุณก่อน จบงานแล้วค่อยกินคุณแล้วกัน”
“มู่วี่สิง!” เวินจิ้งถลึงตาใส่อย่างเคืองๆ
“ครับๆ ลงไปกันเถอะ” มู่วี่สิงหัวเราะ แล้วกุมมือของเวินจิ้งเอาไว้
ไม่ใช่ครั้งแรกที่สองคนออกงานด้วยกัน หลายคนก็รู้ถึงสถานะของเวินจิ้ง แต่เรื่องที่ทั้งสองเคยแต่งงานและหย่ายังไม่ถูกเผยแพร่ออกไป ด้วยเหตุนี้ในความคิดของใครหลายๆคน สถานะของเวินจิ้งก็เป็นเพียงแค่แฟนของมู่วี่สิงเท่านั้น
ภายในโถงงานเลี้ยง เวินจิ้งได้เจอคนคุ้นหน้าอยู่หลายคน ทั้งเสี้ยงหง ทั้งลี่หนานเฉิงและผองเพื่อนของมู่วี่สิง ทุกคนต่างใส่สูทเดินเข้ามาชนแก้วกับเขา
ส่วนซูยิงไม่ได้มาเพราะกำลังตั้งครรภ์ พวกผู้ชายอยากสังสรรค์กัน อั้ยเถียนที่มากับเสี้ยงหงจึงชวนเวินจิ้งออกไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้
ทั้งสองไม่ชอบงานเลี้ยงสังสรรค์สักเท่าไหร่ กลับกันถ้าเป็นงานเงียบๆกลับทำให้พวกเธอรู้สึกสบายใจมากกว่า
“ถ้ารู้แต่แรกว่าวันนี้บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปมีอะไรสนุกๆให้ดู ฉันก็คงไปที่งานด้วยแล้ว” อั้ยเถียนพูดยิ้มๆ
เรื่องของมู่เหิงที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปในวันนี้ถูกตัดต่อเป็นคลิปหลากหลายเวอร์ชั่นพร้อมทั้งถูกเผยแพร่ไปทั่ว ถือเป็นเรื่องน่าหัวเราะเยาะที่สุดในแวดวงของคนรวยในช่วงหลายปีมานี้เลย