บทที่ 479 เหนือกว่าเขาแล้ว
เหล่านักข่าวต่างก็พากันไปมุง บอดี้การ์ดจึงรีบวิ่งเข้าไปกันนักข่าวเอาไว้ ภายในงานค่อยๆวุ่นวายขึ้นมา
มู่เหิงเองก็ถูกนักข่าวล้อมเอาไว้ บนใบหน้าของเขาซีดขาวไปหมด คำพูดที่มู่เฉิงพูดมาเมื่อครู่สำหรับเขาแล้วมันคือการโจมตีที่แทบจะปลิดชีวิตได้เลย
เวินจิ้งถูกนักข่าวบังจนหมด จึงไม่รู้สถานการณ์บนเวทีเลยสักนิด จนกระทั่งเสียงรถพยาบาลดังขึ้นมา มู่เฉิงก็นำตัวขึ้นรถ เวินจิ้งจึงรีบเรียกรถตามไป
บริเวณด้านนอกห้องฉุกเฉิน ร่างสูงโปร่งของมู่วี่สิงเอนพิงอยู่กับผนัง ดวงตาเยือกเย็นไปทั้งแถบ
เมื่อเห็นเวินจิ้ง เขาก็ยกมือไปคว้าเธอเข้ามากอด ไอเย็นบนร่างกายของเขาถูกถ่ายทอดออกมา เวินจิ้งรู้ ว่าเขากำลังกลัว
“มู่วี่สิง คุณปู่จะต้องไม่เป็นอะไร”
มู่วี่สิงไม่ได้พูดอะไรมาตั้งแต่ต้น เขาทำเพียงกอดเวินจิ้ง ราวกับว่ากำลังกอดความหวังทั้งหมดเอาไว้
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป มู่เฉิงก็ถูกเคลื่อนย้ายไปยังห้องพักผู้ป่วยทั่วไป แต่ว่าอาการภาวะหัวใจล้มเหลวของเขากลับอยู่ในขั้นรุนแรง ประสิทธิภาพของยาที่ใช้ในการรักษาก็มีน้อย ทำได้เพียงพึ่งพาการควบคุมอารมณ์ให้ดีเพื่อค่อยๆปรับให้ดีขึ้นช้าๆ
มู่ซือซือกับส้งวี่ตามมาทีหลัง เมื่อรู้ว่าคุณปู่ไม่เป็นอะไรแล้วถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
นอกโรงพยาบาลมีกลุ่มนักข่าวมารวมตัวกันอยู่เยอะ ทุกคนมาเพื่อทำข่าวว่าที่มู่เฉิงพูดที่งานแถลงข่าววันนี้เป็นจริงหรือไม่ ตอนนี้ในบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปยังไม่มีใครออกมาพูดความจริง นักข่าวที่อยู่ข้างนอกจึงแต่งเรื่องขึ้นมาเองไปตั้งเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
แม้ว่าจะทำการประชาสัมพันธ์แก้ปัญหาแล้ว แต่ว่าเรื่องราวก็ยังถูกส่งต่อออกไปอยู่เรื่อยๆ
“จิ้งจิ้ง เดี๋ยวผมไปส่งคุณกลับมหาลัยก่อนดีกว่า” มู่วี่สิงโอบเธอเดินลงมายังลานจอดรถ
“แล้วคุณจะอยู่ที่โรงพยาบาล หรือจะไปที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเหรอ?” เวินจิ้งถามอย่างเป็นห่วง
“ผมจะไปที่บริษัท ตอนเย็นค่อยมาดูคุณปู่”
“อืม งั้นถ้ามีเรื่องอะไรคุณต้องบอกฉันนะ ฉันไม่สบายใจเลย”
เมื่อกลับมาถึงบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ก็เห็นว่ามู่เหิงยังไม่ไปไหน ยังคงอยู่ที่งานแถลงข่าว
เมื่อเห็นว่ามู่วี่สิงกลับมา เขาก็มองไปที่มู่วี่สิงด้วยสายตาเย็นเยือก
มู่วี่สิงวางท่าเฉยเมย แต่มู่เหิงกลับวิ่งเข้าไปหาด้วยความรวดเร็ว แล้วขวางเขาเอาไว้
“ฉันมีเรื่องอยากพูดกับนาย”
มู่วี่สิงพยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็ขึ้นไปยังห้องประธาน
“ที่คุณปู่พูดเป็นเรื่องจริงไหม?” มู่เหิงถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
“คุณปู่ไม่พูดอะไรแบบนี้เล่นๆหรอก” มู่วี่สิงจุดบุหรี่ แต่ทำเพียงคีบเอาไว้ ไม่ได้ยกขึ้นสูบ
“นายรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว?”
“ฉันไม่รู้”
“ตอนนี้นายคงภูมิใจมากสินะ! บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเป็นของนายแล้วนี่!” มู่เหิงคร่ำครวญขึ้นมา
วันนี้คือโอกาสสุดท้ายของเขาแล้ว มีนักข่าวและแขกเหรื่อมากมายอยู่ในงาน เขาคิดว่าตัวเขาคือผู้สืบทอดบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปซะอีก แต่ไม่คิดเลย ว่าจะมาได้ยินความจริงอะไรแบบนี้
เรื่องราวแย่ๆ มันต้องมาเกิดกับมู่เหิงคนนี้ตลอดเลย!
“ฉันไม่เคยภูมิใจ บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไม่ใช่ของฉัน ฉันไม่เคยพูด เหมือนที่เราเคยพูดกันในปีนั้น ฉันไม่คิดจะแย่งบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปมา และตอนนี้ มันก็ยังเป็นอย่างนั้น เพียงแต่ว่าคุณปู่เลือกจะอยู่ข้างฉันเท่านั้นเอง” มู่วี่สิงไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา
เขาไม่เคยสนใจบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเลยสักนิด อุดมการณ์ของเขา แต่ไหนแต่ไรก็อยู่ที่โรงพยาบาลมาตลอด
“นายก็พูดแบบนี้ได้สิ ก็นายได้บริษัทไปแล้วนี่!
“ใช่ ฉันได้บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป และได้สิ่งที่นายต้องการมาแล้ว เพราะฉะนั้นมู่เหิง นายแพ้แล้วล่ะ”
มู่เหิงเม้มริมฝีปาก จากนั้นก็หยกกำปั้นขึ้นมา แล้วซัดหมัดเข้าใส่อย่างรุนแรง แต่มู่วี่สิงกลับหยุดหมัดของเขาไว้ได้อย่างมือไว
วินาทีต่อมา หมัดหลุนๆก็โต้กลับไปอย่างรวดเร็ว
มู่เหิงถูกเขาชกจนเซล้มไปตรงหน้าต่าง ความโกรธเกลียดตีรวนขึ้นมาในดวงตา
มู่วี่สิงแสยะยิ้ม แล้วนั่งยองๆลงตรงหน้ามู่เหิง “ไม่คิดเลยว่าจะล้มนายได้ง่ายขนาดนี้”
มู่วี่สิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วต่อสายหาสถานีตำรวจ
“ผมมีหลักฐานชิ้นหนึ่งยากส่งมอบครับ”
ทันทีที่เสียงพูดถูกเปล่งออกมา มู่เหิงก็ลุกขึ้นมาแย่งเอาโทรศัพท์ของมู่วี่สิง “นายพูดบ้าอะไร!”
“ตอนที่นายเคยทำงานอยู่ที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปนายเคยยักยอกเงินไปเท่าไหร่ล่ะ ฉันจดไว้หมดแล้ว”
“นาย——“ มู่เหิงเบิกตากว้าง
“มู่เหิง ในที่สุดนายก็มีวันนี้”
“ทั้งหมดเป็นเพราะนาย มู่วี่สิง เพราะนายคนเดียว! นายทำลายฉัน! ทำไมนายต้องคิดจะทำลายฉันด้วย——“
ได้ยินแบบนั้น มู่วี่สิงก็กระตุกริมฝีปากขึ้นมาอย่างเย็นชา ในดวงตาฉายแววโหดร้าย
ปลายนิ้วเรียวยาวบีบคางของมู่เหิงเอาไว้ จากนั้นน้ำเสียงที่ราวกับส่งเสียงขึ้นมาจากหุบเหวของเขาก็ดังขึ้นมาว่า “ทำไมน่ะเหรอ? อย่าลืมสิ ว่านายฆ่าแม่ของฉันยังไง”
มู่เหิงสั่นระริกไปทั้งตัว ฝ่ามือของมู่วี่สิงค่อยๆเลื่อนลงมาที่คอของเขา จากนั้นก็ค่อยๆบีบแน่นขึ้น จนมู่เหิงเกือบจะหายใจไม่ออก
วินาทีที่มู่วี่สิงปล่อยเขาออก ทั้งร่างของเขาก็เซล้มลงไปข้างหลัง มู่วี่สิงเหยียบเขาเอาไว้อย่างโหดร้าย จากนั้นก็ออกคำสั่งกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่า “เอาตัวไปส่งที่สถานีตำรวจ”
……
มหาวิทยาลัยหลินไห่
ถึงหลิงเหยาจะไม่ได้ไปร่วมงานที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป แต่คลิปงานแถลงข่าวก็ถูกเผยแพร่ออกมามากมายบนอินเทอร์เน็ต
เมื่อเห็นเวินจิ้งกลับมา เธอก็จับเวินจิ้งเอาไว้แล้วเอ่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า “มู่เหิงเป็นลูกนอกสมรสจริงเหรอ?”
คำพูดของนักข่าวเฉียบแหลมมาก ปัจจุบันบริษัทเหิงอวี่กรุ๊ปล้มไม่เป็นท่าจนแทบจะผงาดขึ้นมาไม่ได้ แล้วยิ่งเรื่องที่สถานะของมู่เหิงเปลี่ยนจากผู้สืบทายาทเป็นแค่ลูกนอกสมรสภายในแค่ชั่ววินาที ก็ยิ่งทำให้ชื่อเสียงป่นปี้ยิ่งกว่าเดิม
“มู่เฉิงไม่น่าพูดโกหก”
วันนี้มู่วี่สิงอารมณ์ไม่ดี เวินจิ้งเลยไม่ได้ถามอะไรมากมาย
“ก็ใช่ ในที่สุดมู่เหิงก็มีวันนี้ คิดจะสู้กับมู่วี่สิง แต่ไม่พิจารณาตัวเองเอาซะเลย” หลิงเหยาพูดขึ้นมา “ดูจากตอนนี้แล้ว มู่วี่สิงก็คงได้สืบทอดบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปอย่างถูกต้องแล้วสินะ”
“อืม มู่เหิงคงไม่มีโอกาสกลับตัวแล้วล่ะ” เวินจิ้งพูดขึ้นมาเสียงเรียบ
เธอไม่สนใจเรื่องของคนอย่างมู่เหิงเลย ที่เธอเป็นห่วงที่สุดก็คือมู่วี่สิง
วันนี้ควรเป็นวันที่เขามีความสุข แต่เวินจิ้งกลับไม่เห็นสีหน้ายินดีอะไรบนหน้าของเขาเลยสักนิด กลับกันกลับมีแต่สีหน้าอึมครึม
“ฉันได้ยินซือซือบอกว่าคืนนี้เหมือนจะมีงานเลี้ยงฉลอง แกจะไปหรือเปล่า?”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
“มู่วี่สิงเป็นตัวหลักในงานเลยนะ ฉันคิดว่าอีกหน่อยเดี๋ยวเขาก็มาบอกแกแน่ๆ”
“ตอนบ่ายฉันต้องไปโรงพยาบาล” เวินจิ้งส่ายหน้า
เธอลางานแค่ตอนเช้า เธอจึงเก็บกระเป๋าแล้วก็ออกไป
มู่เฉิงถูกส่งมาที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยหลินไห่เหมือนเดิม ตอนนี้มู่เฉิงไม่ยินดีที่จะพบเธอ เวินจิ้งเลยไม่ได้ไปเยี่ยมเพื่อหาเรื่องลำบากใจให้ตัวเอง
ตอนที่มาถึง มู่ซือซือก็ออกมาพอดี
“เวินจิ้ง”
“จะกลับแล้วเหรอ?” เวินจิ้งเอ่ยถาม
“อืม คุณปู่สลบไปอย่างกะทันหันน่ะ โรคคนแก่ก็งี้ ค่ำๆเดี๋ยวพี่ก็จะมารับออกจากโรงพยาบาลแล้ว”
เวินจิ้งพยักหน้า จากนั้นก็ตรงไปยังแผนกศัลยกรรมระบบประสาท
ทำงานจนถึงตอนค่ำถึงได้มีเวลาว่าง ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว
และในขณะเดียวกัน ทางด้านห้องตรวจทั่วไป มู่วี่สิงก็เพิ่งทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้คุณปู่เสร็จ
มู่เฉิงค้ำไม้เท้าเอาไว้ ช่วงนี้ สภาพร่างกายของเขานับวันก็ยิ่งแย่ลงทุกวัน
“เรื่องวันนี้ คงถูกเผยแพร่ออกไปแล้วสินะ?” มู่เฉิง
มู่วี่สิงพยักหน้า “ครับ นักข่าวอยู่ที่นั่นกันหมด ทำการประชาสัมพันธ์เพื่อแก้ปัญหาก็แล้ว แต่ข่าวก็ยังถูกแพร่กระจายออกไปอยู่ดี”
“เรื่องนี้ถือเป็นข่าวคราวของตระกูลมู่เลยก็ว่าได้ ถ้าวันนี้มู่เหิงไม่ก่อเรื่อง ฉันก็คงไม่พูดออกไปแบบนั้น” มู่เฉิงถอนหายใจ
“บริษัทไม่ได้รับผลกระทบอะไร คุณปู่วางใจเถอะครับ”
“แบบนั้นก็ดี มู่เหิงจะได้เลิกราสักที”
“ตอนนี้เขาอยู่ที่สถานีตำรวจ หลักฐานเรื่องที่เขาทำผิดตอนที่ยังดำรงตำแหน่งในบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปแน่นหนามาก เขาคงไม่มีโอกาสออกมาแล้วล่ะครับ” เสียงของมู่วี่สิงเย็นยะเยือกจนถึงที่สุด
มู่เฉิงลูบคาง เมื่อมองสายตาของมู่วี่สิง ก็ยิ่งทอแววลุ่มลึก
ฝีมือของหลานชายคนนี้ เหนือกว่าเขาแล้วจริงๆ