บทที่ 472 มีปัญหาไม่รู้จักจบจักสิ้น
มู่วี่สิงทำซุปหนึ่งอย่าง เนื้อสามอย่างและผักอีกหนึ่งอย่าง
ส่วนเวินจิ้งนอกจากเป็นลูกมือแล้ว ก็ไม่ได้แตะแม้แต่กระทะหรือตะหลิว
ประสิทธิภาพในการทำอาหารของมู่วี่สิงถึงได้ประสบความสำเร็จขนาดนี้……
“คืนนี้อยากกลับไปที่มหาลัยหรืออยู่ที่นี่?” มู่วี่สิงเอ่ยถามขึ้น
เวินจิ้งมองชายหนุ่มรูปหล่อตรงหน้า เขาอุตส่าห์ทำอาหารให้เธอเต็มโต๊ะ ถ้าแค่มาฝากปากฝากท้องแล้วก็กลับไปเฉยๆ เวินจิ้งก็คงรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
อีกอย่างในใจก็แอบไม่อยากกลับไปสักเท่าไหร่เหมือนกัน
“คุณอยากกอดฉันไหม?” เวินจิ้งโยนคำถามกลับไปที่มู่วี่สิง
วินาทีต่อมา ท้ายทอยของเธอก็ถูกกำรวบ จากนั้นมู่วี่สิงก็ขยับเข้ามาประชิด จนระยะห่างระหว่างทั้งสองใกล้กันมากๆ
“ผมอยากให้คุณอยู่กับผม”
เวินจิ้งกะพริบตา และในตอนที่กำลังตกตะลึง ริมฝีปากของมู่วี่สิงก็จูบลงมา
เป็นจูบที่ทั้งนุ่มนวล ทั้งอาลัยอาวรณ์ เวินจิ้งชอบมันเป็นอย่างมาก
เธอจึงเงยหน้า และเริ่มจูบตอบเขา
คืนนี้ เธอรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของมู่วี่สิง คงเป็นเพราะเรื่องของคุณปู่ เขาเลยอารมณ์ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่
เวินจิ้งกอดเขาไว้ ฟังเสียงหัวใจของเขาที่เต้นอย่างคงที่ จากนั้นก็พูดขึ้นเสียงแผ่วเบาว่า “ฉันจะอยู่กับคุณ”
เมื่อเก็บจานชามและตะเกียบไปวางไว้ในเครื่องล้างจาน ทั้งสองคนก็มานั่งอยู่บนโซฟาด้วยกัน มู่วี่สิงต้องจัดการเรื่องงาน ส่วนเวินจิ้งช่วงนี้ก็ต้องช่วยแม่จัดการเรื่องบริษัทหลินซื่อ ทั้งสองคนจึงต่างคนต่างทำงานของตัวเองไป การได้มาอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ทำให้ทั้งสองรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของมู่วี่สิงก็ดังขึ้นมา เป็นสายโทรศัพท์จากส้งวี่
“คุณปู่ยืนกรานจะย้ายโรงพยาบาลให้ได้ ฉันกับซือซือก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ตอนนี้เลยต้องพาย้ายมาที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยหลินไห่”
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว “รับทราบ”
ในห้องรับแขกเงียบมาก ด้วยเหตุนี้เวินจิ้งจึงได้ยินเสียงที่ดังอยู่ในสายได้อย่างชัดเจน
“ทำไมคุณปู่ย้ายโรงพยาบาลล่ะ?”
“ท่านกำลังโกรธผมอยู่” มู่วี่สิงพูดเสียงหนัก
โรงพยาบาลหนานเฉิงมีแต่คนของเขา ตอนนี้คุณปู่ไม่พอใจมู่วี่สิง และก็คงไม่พอใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาด้วยเป็นธรรมดา
“ถึงยังไงก็เป็นครอบครัวเดียวกัน และคุณปู่ก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล ท่านคงโกรธได้ไม่นานหรอก” เวินจิ้งพูดปลอบใจ
“นิสัยของคุณปู่ก็เหมือนคุณนั่นแหละ ดื้อเหมือนกันเลย!”
เวินจิ้งยิ้ม “เปล่าซะหน่อย…..”
เช้าวันต่อมาเมื่อกินข้าวเช้าเสร็จ มู่วี่สิงก็พาเวินจิ้งมาส่งที่โรงพยาบาล เพราะวันนี้ไป๋สือต้องทำการผ่าตัด
“คุณปู่พักอยู่ห้องไหนเหรอ ฉันว่าทำงานเสร็จแล้วเดี๋ยวจะไปเยี่ยมท่านสักหน่อย”
“1128”
เวินจิ้งจำเอาไว้ จากนั้นก็เร่งรีบเข้าไปข้างใน
รถของมู่วี่สิงจอดนิ่งอยู่ข้างนอกโรงพยาบาล ผ่านไปพักใหญ่ถึงได้เปิดประตูลงจากรถไป
เมื่อมาถึงห้องของคุณปู่ ก็พบว่าส้งวี่เพิ่งซื้ออาหารเช้าเข้ามาให้คุณปู่
“พวกฉันเอาไม่อยู่ วี่สิง ครั้งนี้คุณปู่ดูอารมณ์เสียมากเลยนะ” ส้งวี่เริ่มปวดหัวขึ้นมาแล้ว
ถ้าคุณปู่เอาแต่ใช้อารมณ์อยู่แบบนี้ มันอาจจะส่งผลต่ออาการป่วยของคุณปู่เอาได้
“เมื่อคืนคงลำบากพวกนายแย่” มู่วี่สิงเอ่ยพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอก คุณปู่เองก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัวของฉัน ฉันกับซือซือขอตัวออกไปข้างนอกก่อน นายก็คุยกับคุณปู่ดีๆล่ะ”
พูดทิ้งท้ายไว้ ส้งวี่ก็ดันมู่ซือซือให้ออกไปข้างนอก
“พี่คะ ระวังเรื่องอารมณ์ของคุณปู่ด้วย” มู่ซือซือย้ำเตือน
มู่วี่สิงพยักหน้าให้
ในห้องผู้ป่วย มู่เฉิงกำลังกินโจ๊ก เมื่อเห็นมู่วี่สิง ก็มีสีหน้าไม่ดีนัก
มู่วี่สิงตรวจดูในประวัติคนไข้ เมื่อเห็นว่าคุณหมอเจ้าของไข้เป็นคนที่เขารู้จัก จึงสบายใจขึ้นมาบ้าง
“แกมาทำไม?” น้ำเสียงของมู่เฉิงเย็นชาเอามากๆ
“มาเยี่ยมคุณปู่ครับ” มู่วี่สิงมีสีหน้าเรียบนิ่ง
“ฉันสบายดี”
“คุณปู่ครับ เรื่องของบริษัทเหิงอวี่กรุ๊ปปู่ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวผมจะจัดการเอง”
“อืม บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปฉันจะส่งต่อให้แก ส่วนไอ้เศษสวะมู่เหิงนั่น ฉันไม่ช่วยประคับประคองหรอกนะ” มู่เฉิงพูดขึ้น
นี่เป็นเรื่องที่สองวันมานี้เขาคิดไว้ดีแล้ว ถ้าหากช่วยประคับประคองมู่เหิง ก็จะทำให้บริษัทเหิงอวี่กรุ๊ปแข็งแกร่งขึ้น จากนั้นในอนาคตมันก็จะมีปัญหาไม่รู้จักจบจักสิ้น
บรรยากาศระหว่างปู่และหลานผ่อนคลายขึ้นเยอะมาก ไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่มู่วี่สิงทำงานที่โรงพยาบาลอีก ถือว่าเป็นการถอยให้กันทั้งสองฝ่าย
……
ขณะเดียวกัน ณ บริษัทเหิงอวี่กรุ๊ป
ช่วงนี้โรงพยาบาลเอกชนทยอยถูกปิดตัวลงติดต่อกัน จนผลงานของบริษัทเหิงอวี่กรุ๊ปค่อยๆร่วงหล่นลงทีละขั้น
มู่เฉิงยังคงไร้ซึ่งการตอบกลับ บริษัทเหิงอวี่กรุ๊ปก็ยังถือว่าอยู่ในขั้นแรกเริ่ม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีรูปแบบนี้ จึงฟุบตัวลงอย่างไม่สามารถฟื้นคืนมาได้อีกครั้ง
โจวเซินไม่ได้แยแสอะไรเลยมาตั้งแต่ต้น ส่วนมู่เหิงก็ตกอยู่ในสภาพอึดอัด
ไม่นาน ผู้ช่วยก็เข้ามารายงานกับเขาว่า “ประธานมู่ครับ คุณปู่มู่เข้าโรงพยาบาลครับ”
“อะไรนะ? อยู่โรงพยาบาลไหน?” มู่เหิงชะงักนิ่ง
“โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยหลินไห่ครับ”
มู่เหิงหรี่ตาลง ผ่านไปพักใหญ่ ริมฝีปากบางก็กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มร้าย
ช่วงบ่าย เมื่อเวินจิ้งและไป๋สือร่วมมือกันทำการผ่าตัดจนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เวินจิ้งเลยมาเยี่ยมเยือนมู่เฉิงที่ห้องพักผู้ป่วย
ซึ่งนอกจากบอดี้การ์ดสองคนแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย
เวินจิ้งเคาะประตูจากนั้นก็เดินเข้าไป
เมื่อเห็นเวินจิ้ง สีหน้าของมู่เฉิงก็เย็นชา
“คุณเวินเองเหรอ”
เมื่อได้ยินคำเรียกแบบนี้ เวินจิ้งก็นิ่งไปสักพัก
ปกติมู่เฉิงจะเรียกชื่อของเธออย่างสนิทสนม แต่ว่าตอนนี้ กลับดูห่างเหินขึ้นเยอะ
“คุณปู่ เป็นยังไงบ้างคะ?” เวินจิ้งถามอย่างห่วงใย
“ไม่เป็นอะไรมาก คุณกลับไปทำงานเถอะ”
เวินจิ้งยิ้มค้าง ในเวลานี้เธอสังเกตเห็นความเฉยเมยของมู่เฉิงได้อย่างชัดเจน
“คุณปู่คะ อยากให้ฉันอยู่คุยเป็นเพื่อนไหม?” เมื่อมองรอบๆห้องพักผู้ป่วยที่ดูว่างเปล่า เธอจึงคิดว่ามู่เฉิงคงจะเหงาน่าดู
อีกอย่างเวลาปกติคุณปู่ก็ชอบให้เธออยู่เป็นเพื่อนด้วย
“อืม ก็ดี นั่งลงสิ” มู่เฉิงไม่ได้ปฏิเสธอะไร
“เวลาวี่สิงตรวจคนไข้อยู่ที่โรงพยาบาล ปกติแล้วคุณก็อยู่ที่นั่นกับเขา?” มู่เฉิงเอ่ยถาม
เวินจิ้งพยักหน้า “เวลามู่วี่สิงตรวจคนไข้ ฉันก็จะเรียนรู้จากเขา เขาก็ถือว่าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของฉันด้วยเหมือนกันค่ะ”
มู่เฉิงขมวดคิ้ว ความไม่พอใจเริ่มก่อเกิดขึ้นมาในดวงตา
“คุณเวิน คุณคงรู้ ว่าฉันไม่อยากให้วี่สิงทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลไปตลอด อนาคตของเขา ควรจะอยู่ที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป”
เวินจิ้งเงียบ มันคือการตัดสินใจของมู่วี่สิง เธอคิดว่า ไม่ว่าใครก็ไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย
เพียงแต่ว่า ท่าทีที่มู่เฉิงแสดงออกดูจะเผด็จการไปเสียหน่อย
“คุณปู่คะ มันคือความต้องการของมู่วี่สิงหรือเปล่า?” เวินจิ้งเอ่ยถาม
“มันคือความคาดหวังที่ฉันมีต่อเขา และมันก็คือข้อกำหนดที่เขาต้องทำตามด้วย!” มู่เฉิงพูดเสียงหนัก
“คุณปู่คะ คุณปู่ควรให้สิทธิ์การตัดสินใจนี้กับมู่วี่สิง มีแค่ตัวเขาเท่านั้นถึงจะสามารถกำหนดทิศทางชีวิตของตัวเองได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของมู่เฉิงก็อึมครึมยิ่งกว่าเดิม
“เพราะฉะนั้น คุณเลยคิดว่าเขาควรทำงานที่โรงพยาบาล และทำหน้าที่เป็นคุณหมอต่อไปงั้นเหรอ? แล้วบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปล่ะ ใครจะมารับช่วงต่อ!” มู่เฉิงเริ่มโกรธ
เวินจิ้งไม่กล้าพูดอะไรแล้ว เธอรู้ถึงสถานการณ์ของคุณปู่ในตอนนี้ดี ว่าไม่สมควรรับแรงกระตุ้นจากอะไรทั้งสิ้น
“คุณปู่คะ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“เวินจิ้ง คุณเป็นเด็กรู้จักความและมีเหตุผล ฐานะและตำแหน่งของมู่วี่สิงถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องมารับช่วงต่อบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไม่ใช่เป็นคุณหมอ ถ้าการที่เขายังอยากทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลต่อไปมันมีสาเหตุมาจากคุณ ฉันก็จะไม่ให้คุณอยู่ข้างๆเขาอีก” เสียงของมู่เฉิงน่าเกรงขามมาก ถึงขนาดที่ว่าพกพาแววข่มขู่มาด้วย
เวินจิ้งนิ่งอึ้งไปนาน คิดไม่ถึงว่าคุณปู่จะพูดแบบนี้ออกมา
ที่มู่วี่สิงทำงานที่โรงพยาบาล เธอคิดมาตลอดว่ามันต้องเป็นเพราะเขามีแผนการและอุดมการณ์เป็นของตัวเอง
แต่ตอนนี้ มู่เฉิงกลับมาบอกว่าอาจจะเป็นเพราะเธองั้นเหรอ?
จะเป็นไปได้ยังไง……
“คุณปู่คะ แต่นี่คือเส้นทางที่มู่วี่สิงเลือกเองตั้งแต่แรกนะคะ!” เวินจิ้งโต้กลับ
ถ้าคุณปู่จะให้เธอไปจากมู่วี่สิง……เธอคงทำไม่ได้…….
“ไม่ใช่ เส้นทางแรกเริ่มของเขาก็คือการสืบทอดบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ฉันให้เวลาเขาทำตามอำเภอใจมามากพอแล้ว เขาต้องกลับมารับผิดชอบสิ่งนี้ และถ้าหากคุณคือตัวถ่วงในเส้นทางนี้ ฉันก็จะกำจัดคุณอย่างไม่คิดออมมือให้แน่” ถ้อยคำของมู่เฉิง เย็นชาจนถึงที่สุด