บทที่ 446 ปกคลุมท้องฟ้าด้วยมือเดียว
สายตามู่วี่สิงหมองลงมา ไม่พูดอะไร
นั่งเข้าไปในรถ ถึงค่อยพูดออกมา “ คุณปู่หวังให้ฉันโฟกัสไปที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป “
เวินจิ้งแปลกใจ ที่จริงก่อนหน้านี้ทำไมมู่วี่สิงถึงลาออกกะทันหัน แล้วมารับหน้าที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เธอเองก็ไม่รู้เหตุผล
แต่ตอนนี้ฟังความหมายจากคำพูดนี้ เหมือนเขาไม่อยากที่จะรับหน้าที่ของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ?
ช่วงนี้มู่วี่สิงทำงานที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยหลินไห่ แม้ทุกสัปดาห์จะทำการตรวจเยือนแค่วันเดียว แต่ก็จำเป็นที่จะต้องแบ่งพลังงานมาจัดการเรื่องของโรงพยาบาล เรื่องของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็เยอะมากพอแล้ว ถ้าเดือนหน้าเปิดเทอม มู่วี่สิงก็ยังต้องสอนอีก
เรื่องเยอะมากจริง……
“แล้วคุณคิดยังไง “ เวินจิ้งมองหน้าข้างที่ละเอียดอ่อนของเขา
“ ยังไงก็ต้องปล่อยบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไป “ มู่วี่สิงพูดเสียงเบา
เวินจิ้งสงบนิ่ง งั้นก็ไม่แปลกที่มู่เฉิงจะโกรธ
แต่ว่า ในใจของเธอก็หวังให้มู่วี่สิงเป็นหมอ
ยังไม่ถึงบ้าน มือถือของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เสี้ยงหงเป็นคนโทรมา
หาเฉินยุ่ยเซิงเจอแล้ว หมอคนนั้นที่ทำการผ่าตัดให้เวินจิ้ง
เสี้ยงหงได้สั่งคนไปรอไว้ที่สนามบิน เฉินยุ่ยเซิงและครอบครัวจะออกนอกประเทศ เสี้ยงหงได้สั่งคนจับตาดูไว้อยู่แล้ว สุดท้ายก็สามารถจับตัวได้ก่อนขึ้นเครื่อง
เวลานี้ มู่วี่สิงหมุนพวงมาลัยรถ แล้วขับไปสนามบินส่วนตัวของตระกูลมู่โดยตรง
ในรถเงียบมาก การสนทนาของมู่วี่สิงและเสี้ยงหง เธอก็ได้ยินอย่างชัดเจนหมด
“หมอที่ทำการผ่าตัดให้ฉัน หาเขาเจอแล้วหรอ ? “ เวินจิ้งถามอย่างไม่สบายใจ
มู่วี่สิงพยักหน้า “ เมืองBเป็นอำนาจของตระกูลเสี้ยวทั้งนั้น ถ้าแม้แต่คนคนหนึ่งยังหาไม่เจอ ก็ไม่ต้องอยู่แล้ว “
ได้ยินคำพูดของมู่วี่สิง ความกังวลใจของเวินจิ้งก็ดีขึ้นเล็กน้อย
เหมือนว่า เพื่อนรอบข้างของมู่วี่สิงเป็นคนที่มีอำนาจและมีความสามารถทั้งนั้น
ลี่หนานเฉิง เสี้ยงหง ก็มาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียงทั้งนั้น ตำแหน่งใหญ่โต
และพวกเขาก็เป็นเพื่อนสนิทกัน ถ้ารวมความมีอำนาจ ก็พอที่จะควบคุมทุกอย่างได้ง่ายด้วยมือเดียว
ถึงเมืองB เป็นเวลาตีหนึ่งพอดี มู่วี่สิงไปโรงแรมแห่งหนึ่งในแถวสนามบิน
เสี้ยงหงยืนอยู่หน้าประตู สีหน้ายังคงตึงเครียด
“เป็นยังไง ? “ มู่วี่สิงถาม
“ไม่ยอมพูด คงต้อง มอบหน้าที่ให้แกแล้ว “ เสี้ยงหงส่ายมือ
มู่วี่สิงเข้าใจ เปิดประตูเข้าไป
เวินจิ้งจะตามไป กลับโดนมู่วี่สิงห้ามไว้แล้ว
“รอฉันข้างนอก “ สีหน้าเขามืดหมองมาก
เวินจิ้งคิดว่าตัวเองเข้าใจมู่วี่สิงพอแล้ว แต่เขาตอนนี้เหมือนโดนปกคลุมไปด้วยความมืดครึ้ม เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน
ในระหว่างที่นิ่งไป ประตูก็ถูกปิดลง และล็อคแล้ว
เวินจิ้งดึงสมาธิกลับมา รีบหันหลังตอบโต้กับเสี้ยงหง
“ฉันจะเข้าไป “
อย่างน้อยหมอคนนั้น เธอต้องถามเรื่องทั้งหมดกับเขาให้ชัดเจน
เสี้ยงหงเผยสีหน้าที่ช่วยไม่ได้ออกมา “ ไม่ต้องเข้าไปแล้ว มู่วี่สิงจะจัดการให้ดีเอง “
“แต่ว่า ….”
“เวินจิ้ง รออยู่ที่นี่ “
บางสภาพ ก็ไม่ควรให้ผู้หญิงดู
แต่เป็นเช่นนี้ เวินจิ้งถึงทนไม่ไหวที่จะเป็นห่วง และ ใจเย็นลงมาไม่ได้
ในห้อง
เฉินยุ่ยเซิงและภรรยาของเขาก็โดนมัดไว้บนเก้าอี้ทั้งคู่ ด้านข้างทั้งสองคนวางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ไว้ ยังมีของเล็กน้อยมากมายที่พกไว้
“จะไปเที่ยว ? “ มู่วี่สิงกดดันถาม “ หรือจะหนี “
ได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเฉินยุ่ยเซิงขาวซีด กลัวจนไม่กล้ามองมู่วี่สิงแล้ว
“คุณหมอมู่ ฉันก็รับเงินทำหน้าที่ ….”
“รับเงินของฉีเซิน ? ฉันว่าแกเก่งด้านการย้ายถิ่นจริง จะไม่กลับมาแล้วหรอ ? เรื่องนี้คงจัดการไม่ง่ายหรอกมั้ง ฉีเซินเป็นคนจัดการให้แก ? “
เฉินยุ่ยเซิงพยักหน้า
“ใช่ “
ทันใดนั้น เขาก็โดนดึงผมไว้อย่างแรง ทั้งร่างกายของเฉินยุ่ยเซิงโดนสะบัดออกไปชนกำแพงอย่างแรง ทันใดนั้น …. หัวก็เต็มไปด้วยเลือด
ภรรยาของเขาทนไม่ไหวที่จะร้องไห้ออกมานานแล้ว มองไปทางมู่วี่สิงอย่างขอร้อง “ คุณหมอมู่ เรื่องนี้พวกฉันโดนบังคับ ฉีเซินใช้อนาคตของลูกชายขู่พวกเรา ยุ่ยเซิงจำเป็นที่จะต้องทำแบบนี้ “
“พูดมา แกทำอะไรในการผ่าตัดของภรรยาฉัน “ มู่วี่สิงเข้าใกล้ แล้วบีบคอเฉินยุ่ยเซิงไว้แน่น
สายตามีความอาฆาตอย่างโหด
เฉินยุ่ยเซิงเกือบจะหมดสติไปแล้ว แต่การกระทำของมู่วี่สิงกลับทำให้เขาปวดและยังรู้สึกตัวต่อได้
“ตามที่คุณรู้ มันคือแผ่นชิปอัจฉริยะ แต่บริเวณที่ฉันใส่เข้าไปมีความพิเศษมาก ไม่สามารถเอาออกมาได้ “
คำพูดจบลง มู่วี่สิงบีบคอเขาแน่นมากขึ้น สีหน้าของเฉินยุ่ยเซิงขาวซีดไปหมด
“ถ้าฉันตายแล้ว … ก็ไม่มีใครสามารถควบคุมชิปนี้ได้แล้ว “
มู่วี่สิงเม้มปากอย่างจริงจัง แล้วบีบคอแรงขึ้นมาเรื่อยเรื่อย ทำเอาเขาเกือบจะหายใจไม่ออก
เขาปล่อยมือ ร่างสูงยาวลุกขึ้นมา
ค้นมือถือออก เขาหาคลิปวิดีโอออกมาโดยตรง
“พ่อ ฉันโดนปล่อยตัวออกมาแล้ว ตอนนี้อยู่ที่โรงเรียน ขาดคาบเรียนไปไม่น้อย ไม่รู้ว่าสอบปลายภาคจะ….”
คลิปยังไม่จบ ก็โดนมู่วี่สิงหยุดไว้แล้ว
สายตาของ เฉินยุ่ยเซิงเปล่งประกายขึ้นมา มองมู่วี่สิงอย่างแปลกใจ
ลูกชายของเขาโดนจับตัวไว้ เขาจะไปหาลูกชายเขาอยู่แล้ว คิดไม่ถึง ว่าจะโดนปล่อยออกมาแล้ว
แต่แค่ ในเมื่อมู่วี่สิงถ่ายคลิปนี้ได้ งั้นก็หมายถึง…..
“คุณมีคลิปนี้ได้ยังไง “
“โรงเรียนนานาชาติวางไปด้วยคนของฉัน การกระทำทุกอย่างของลูกชายแกก็โดนจับตามองไว้แล้ว แม้ฉันจะปล่อยลูกชายแกออกมาแล้ว แต่ก็ควรจะปกป้องไว้ ไม่ใช่หรอ ? “ มู่วี่สิงมองอย่างเย็นชา
เฉินยุ่ยเซิงรู้สึกแค่ว่า เหมือนเข้าใกล้นรกอีกชั้นมากขึ้น คิดว่าครั้งนี้ออกประเทศ จะรับลูกชายตัวเองมาได้ แต่กลับโดนมู่วี่สิงชิงไปก่อน
ลูกชายเขาตอนนี้ ยังไม่มีความอิสระอะไร เพราะยังคงโดนจับตามอง
“ฉีเซินเข้าคุกแล้ว คนที่อยู่เบื้องหลังกับแก ไม่ใช่เขา “ มู่วี่สิงมองเขาอย่างเย็นชา
เฉินยุ่ยเซิงกัดปากตัวเองไว้แน่น ไม่พูดอะไร
สั่นไปทั้งร่างกาย ทันใดนั้น ก็เกิดอาการเหมือนหัวสมองโดนการกระแทกอย่างหนัก เขาลืมตาโต แล้วอาเจียนเป็นฟองสีขาวออกมา
ภรรยาของเขาตะโกนออกมา : “ คุณหมอมู่ ยาในกระเป๋ากางเกงเขา ….”
มู่วี่สิงรีบค้นกระเป๋ากางเกงของเฉินยุ่ยเซิง และในเวลาเดียวกัน. ก็ค้นเครื่องดักฟังเจอด้วย วินาทีต่อมา เขาทิ้งเครื่องดักฟัง แล้วหายาแผ่นขาวป้อนเข้าไปในปากของเฉินยุ่ยเซิงอย่างเร็ว เขากลับไม่มีอาการอะไรดีขึ้น เขาดึงมู่วี่สิงไว้ แล้วพูดอยู่ข้างหูเขา “ ไม่มีชิปอะไรทั้งนั้น “
เขาตายแล้ว
มู่วี่สิงมองคำพูดสุดท้ายของเฉินยุ่ยเซิง สายตาเหมือนพายุฝนจะระเบิด
“เขามียาอะไร “ มู่วี่สิงยืนขึ้น หลับตาลง ถามผู้หญิงที่อยู่ข้างอย่างเย็นชา
ภรรยาของเฉินยุ่ยเซิงตอบด้วยเสียงสั่น “ฉีเซินวางยาพิษให้สามีฉันนานแล้ว ควบคุมชีวิตของเขา แล้วมาขู่ให้เขาทำตาม…..”
เมื่อกี้เธอเห็นมู่วี่สิงทิ้งเครื่องดักฟังแล้ว เธอถึงกล้าเปิดปากพูด “มีคนใช้ลูกชายขู่เขา….”
หญิงสาวคลานไปข้างเฉินยุ่ยเซิงอย่างลำบาก เสียงร้องไห้ค่อยๆดังขึ้น มู่วี่สิงเดินออกนอกระเบียง คำพูดของเฉินยุ่ยเซิงเมื่อกี้ จริงหรือไม่จริงก็แยกไม่ออก
แต่ที่มั่นใจได้คือ คำพูดที่เฉินยุ่ยเซิงพูดแต่แรก ไม่ใช่ความจริง เขาหยิบเครื่องดักฟังที่ปิดไปแล้วขึ้นมา คงจะพูดให้คนที่อยู่เบื้องหลังเขาฟัง