บทที่ 440 ความสัมพันธ์ฉันชู้สาว
“อยู่กินข้าวเป็นเพื่อนฉันก่อน เดี๋ยวฉันไปส่ง”
เห็นว่าเวินจิ้งจะปฏิเสธ มู่วี่สิงเลยพูดต่อ “เธอไป ฉันก็ไม่อยากกินข้าวแล้ว”
เวินจิ้งโวยวาย ทำไมเหมือนจะรู้สึกว่าตัวเองโดนมู่วี่สิงบงการอยู่ตลอดนะ
ออกมาจากบริษัทมู่ซื่อก็ดึกมากแล้ว หลินเวยโทรหาเธอ พอรู้ว่ามู่วี่สิงอยู่ด้วยเลยวางใจ
รถยนต์ได้จอดลงที่หน้าบ้านตระกูลหลิน เวินจิ้งมองไปที่ความมืดนอกหน้าอย่างเงียบๆ ก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายหัว
พักนี้มักจะเป็นแบบนี้ บอกไม่ได้ว่าทรมาน แต่ก็ไม่ชิน
“ไม่สบายเหรอ?” มู่วี่สิงเข้ามาใกล้ แล้วถามอย่างเป็นห่วง
เวินจิ้งส่ายหน้า ดึงสติกลับมาแล้วปลดสายเข็มขัดนิรภัย
มู่วี่สิงประทับจูบลงบนหว่างคิ้วของเธอ อ่อนโยนมาก
“พรุ่งนี้ไม่ตรวจที่โรงพยาบาล ไว้ฉันจะมารับ”
“โอเค งั้นฉันกลับและ” เวินจิ้งพูดแบบนี้ แต่สายตาก็ยังไม่ละจากร่างของมู่วี่สิง
“ราตรีสวัสดิ์”
เวินจิ้งอาลัยอาวรณ์ ขณะที่กำลังจะเปิดประตูก็โดนมู่วี่สิงล็อกไว้ แล้วประทับจูบลงบนปากเธอ
เห็นเวินจิ้งไป มู่วี่สิงใช้เวลาอยู่สักพักถึงจะสตาร์ทรถ
หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด แต่สุดท้ายก็ดับลง
แล้วเสี้ยงหงก็โทรเข้ามา เขารับมัน “ตรวจเจอแล้ว หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์หมอที่ทำการผ่าตัดให้เวินจิ้งอยู่ที่เมืองB มีความเกี่ยวข้องกับฉีเซินจริงๆ คุณจะมามั้ย?”
“อืม พรุ่งนี้ถึง”
คืนนี้ มู่วี่สิงไม่ได้พักผ่อน แต่กลับนั่งเครื่องบินส่วนตัวไปเมืองB
เสี้ยงหงมารับ ตอนนั้นฟ้ายังไม่สว่าง เสี้ยงหงขับรถด้วยตัวเอง
“ตอนนี้เขาทำงานอยู่ที่คลินิกเอกชนที่หนึ่ง ฉีเซินให้เงินเขาสามล้าน ในนามลูกค้า” เสี้ยงหงพูดไปพลางรายงานเรื่องที่สืบมาได้
สายตาของมู่วี่สิงดูเคร่งขรึมมาก รายงานผลเลยโดนเขามัดรวบ
“ผมเพิ่งจะได้รับข่าวนี้มา แต่ว่าดูเหมือนจะมีคนอื่นคอยตามเขาอยู่ด้วย ผมเลยให้ลูกน้องคอยเฝ้าไว้ก่อน”
“อืม งั้นก็แสดงว่าเรื่องนี้มีคนอื่นรู้ด้วย สืบต่อไป”
มู่วี่สิงหลับตาลง แต่ออร่าบนร่างนั้นดูน่ากลัวมาก
เขาที่เป็นแบบนี้ เสี้ยงหงไม่ได้เห็นมาหลายปีแล้ว
เจ็บปวด ดิ้นรน และหวาดกลัว
เขานึกว่า มู่วี่สิงไม่ได้มีความรู้สึกพวกนี้แล้ว
แต่คนแบบเขา ทำไมถึงยอมให้มีจุดอ่อนกันนะ
เขาส่ายหัว พูดไม่อยู่แล้ว
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง รถก็มาจอดลงด้านล่างตึกที่พักตึกหนึ่ง
ถึงแม้เสี้ยงหงจะเรียกบอดี้การ์ดมากลุ่มนึง แต่พอเปิดประตูเข้าไป ในนั้นก็ไม่มีใครสักคน!
มู่วี่สิงเดินเข้าไป กวาดสายตาดูรอบๆ แล้วถามบอดี้การ์ดน้ำเสียงเย็นชา “พวกนายมานานแค่ไหน”
“หนึ่งวันก่อนพวกเราก็มาซุ่มดูแล้วครับ!ไม่ได้ออกห่างไปไหนเลย”
แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมในนี้กลับไม่มีคน……
“น่าจะหนีไปได้ไม่นาน ออกไปทางระเบียง” มู่วี่สิงพูดเสียงเย็นชา
“ผมจะไปตรวจกล้องวงจรปิดเดี๋ยวนี้ครับ”
“ไม่มีประโยชน์ กล้องวงจรปิดไม่ได้เปิด” มู่วี่สิงออกมาจากห้อง เห็นไม่เห็นจุดแสงกล้องวงจรปิดที่ระเบียง
“ฉันพลาดไปแล้ว” เสี้ยงหงพูดอย่างเจ็บปวด
พอเห็นอีกฝ่าย นั้นไม่ง่ายเลย
มู่วี่สิงเลยหรี่ตาที่เย็นชา แล้วออกคำสั่ง “ล็อกเมืองBทั้งเมืองเอาไว้”
“นายยังไม่กลับใช่มั้ย อยู่ที่นี่อีกสักสองสามวัน ต้องตามหามันเจอแน่ๆ ”
ออกมาจากบ้านพัก ทั้งสองก็ได้ไปโรงแรมในเครือบริษัทมู่ซื่อ มู่วี่สิงตัดสินใจจะอยู่ที่นี่สักสามวัน
อั้ยเถียนมาพร้อมกับเสี้ยงหง พอเห็นมู่วี่สิง ก็หลุดสายตาหยาดเยิ้มออกมา
เธอยังจำคุณหมอมู่ได้
“คุณหมอมู่ มาแล้วเหรอ!” อั้ยเถียนไม่ได้เจอมู่วี่สิงมานานมากแล้ว
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว สายตามองไปที่ระหว่างอั้ยเถียนกับเสี้ยงหงอยู่ครู่
แต่ก่อนทั้งสองสนิทกันมาก ถึงกับคิดว่าช่วงนี้ที่เสี้ยงหงกลับบ้านเดิมไป เพราะว่าอั้ยเถียน
“เสี้ยงหง ปิดมิดมากนะ” มู่วี่สิงพูดไปหัวเราะไป
“ฉันไม่ได้ครึ่งของนายหรอก”
อั้ยเถียนไม่เข้าใจสิ่งที่ทั้งสองคนพูด รอจนมู่วี่สิงไปแล้ว เธอจึงถามเสี้ยงหง “เมื่อกี้พวกนายพูดไรกัน”
“เด็กน้อยเผือกให้น้อยๆ หน่อย”
“ฉันไม่ใช่เด็กนะ!”
“อื้ม เธอเป็นผู้หญิงของฉัน”
“คนบ้า……”
…….
ได้รับโทรศัพท์จากอั้ยเถียน เวินจิ้งก็แปลกใจเล็กน้อย
ทั้งสองไม่ได้ติดต่อกันมาเกือบเดือน เมื่อก่อนที่ข่าวการหย่าของอั้ยเถียนดังออกมา จากนั้นอั้ยเถียนก็หายหน้าหายตาไป
ในที่สุดตอนนี้เธอก็ติดต่อมา เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะโมโห “อั้ยเถียน ยัยคนนี้ กล้าหายหัวไปได้ยังไง”
“ฉัน……ฉันไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ยังไม่เข้าที่” อั้ยเถียนพูดเสียงเบา
เธอกับเสี้ยงหงกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ก็ยังไม่ได้หย่าอย่างเป็นทางการ
“งั้นตอนนี้ล่ะ?”
“ตอนนี้ดีขึ้นหน่อย ดีขึ้นแล้ว ไม่พูดเรื่องฉันและ!” อั้ยเถียนจะพูดเรื่องมู่วี่สิง
“มู่วี่สิงอยู่ที่เมืองB เธอกับเขาช่วงนี้เป็นไงบ้าง”
“เมืองB? เมื่อคืนฉันยังอยู่กับเขาอยู่เลย” เวินจิ้งบ่น
ถึงแม้เมืองBจะอยู่ไม่ไกลจากหนานเฉิง แต่ทำไมมู่วี่สิงจู่ๆ ก็ไปที่นั่นล่ะ
“น่าจะทำงานอะไรสักงานกับเสี้ยงหง แต่จะเป็นเรื่องอะไรฉันก็ไม่รู้ ตอนนี้พวกเธอคบกันอยู่?”
“ความสัมพันธ์ระหว่างคนรัก”
คำนี้ออกมา น้ำเสียงของเวินจิ้งก็เปลี่ยนเป็นหวานเยิ้ม
อั้ยเถียนก็ฟังออก “โอเคโอเค รู้อยู่แล้วว่าพวกเธอต้องกลับมาคบกัน”
“ที่ไหนเล่า เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย”
เกินคาดของเธอจริงๆ
เธอไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าจะได้คบกับมู่วี่สิงจริงๆ จังๆ แบบนี้
“มาเมืองBมั้ย เธอหยุดพอดี พวกเราไม่ได้เจอกันนานแล้วด้วย” อั้ยเถียนถามอย่างตื่นเต้น
“ฉันคิดก่อน……” เวินจิ้งลังเล
“ยังจะคิดอะไรอีก!ฉันซื้อตั๋วให้ไปรับเธอที่สนามบิน บริการตลอดการเดินทาง”
“เธอไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนเสี้ยงหงเหรอ? ไม่ง่ายเลยนะที่เธอจะมีอิสระ”
การแต่งงานครั้งก่อนอั้ยเถียนลำบากยังไง เวินจิ้งเธอรู้ดี
“อืม ฉันอยู่เป็นเพื่อนเสี้ยงหง เธอก็อยู่กับหมอมู่ไง”
“ฉันไม่รู้แผนงานของเขาเลย ไม่รู้ว่าเขามีธุระสำคัญรีเปล่า ฉันไม่อยากไปรบกวนเขา”
มู่วี่สิงเป็นคนที่ยุ่งมากๆ เธอรู้อยู่แล้ว
“ชิๆ ให้ระยะห่างเขาขนาดนี้? ไม่กลัวว่าข้างกายของหมอมู่จะมีสาวๆ เหรอ” อั้ยเถียนเตือน
“ฉันรู้…….”
“ถ้าเธอมา เสี้ยงหงปล่อยฉันทิ้งไว้ พวกเราก็ออกไปเที่ยวกัน”
เวินจิ้งหัวเราะ แล้วตอบตกลงเลยตามเลย “ฉันจะจองตั๋วเครื่องบินเดี๋ยวนี้”
ตอนที่ออกมาจากบ้านตระกูลหลิน หลินเวยก็กลับมาพอดี
“เสี่ยวจิ้ง จะย้ายไปอยู่กับมู่วี่สิงเหรอ?” หลินเวยขมวดคิ้ว
เห็นเวินจิ้งลากกระเป๋าเดินทาง เลยคิดว่าจะย้ายออกไป
“ไม่ใช่ค่ะ หนูจะไปเมืองB อีกไม่กี่วันก็กลับ”
“งั้นก็ดี ให้คนขับรถไปส่งสิ ถึงแล้วโทรบอกแม่ด้วยนะ อย่าลืมกินยาล่ะ” หลินเวยพูดต่อ
“หนูรู้แล้ว แม่”
เห็นลูกสาวออกไป หลินเวยก็ขมวดคิ้ว ไม่วางใจเลยโทรหามู่วี่สิง
“หมอมู่ สุขภาพของเวินจิ้ง ฉันเป็นห่วงมาตลอด……”
……
ที่เมืองB
เวินจิ้งกับอั้ยเถียนไม่ได้เจอกันนาน พอเวินจิ้งลงจากเครื่อง อั้ยเถียนก็พาเธอไปกินชาบูเผ็ดๆ ก่อนสักมื้อ
แต่ว่า เวินจิ้งกินไม่ได้
เวินจิ้งหยุดที่หน้าร้านชาบู เวินจิ้งทำหน้ามุ่ย
“นั่นสิ เธอเพิ่งผ่าตัดมาได้ไม่นาน พวกเราไปกินของรสอ่อนกัน” อั้ยเถียนตีไปที่หน้าผากของตน ลืมไปเลยจริง
ทั้งสองเลยไปที่ร้านโจ๊กฝั่งตรงข้าม แต่พอนั่งลง ก็โดนบอกว่าที่ตรงนี้ถูกจองไว้แล้ว
โต๊ะติดหน้าต่างมองเห็นทะเล เวินจิ้งเพิ่งจะเห็นว่าที่ตรงนี้บรรยากาศดีแค่ไหน