บทที่ 422 ฉัน มีใจให้เธอแล้ว
สุดท้ายเวินจิ้งก็ยอมรับการผ่าตัด
สำหรับมู่วี่สิงนั้น เธอเชื่อใจเขาจากก้นบึ้งของหัวใจมาโดยตลอด
ไม่นานหลินเวยก็รู้เรื่องนี้ ครั้งนี้มู่วี่สิงไม่ได้ลากเธอไปข้างนอกแล้ว
แต่ว่ายามที่โรงพยาบาลยังคงเข้มงวดมาก
บวกกับที่ช่วงนี้บริษัทฉีซื่อกรุปเกิดเรื่อง จำเป็นต้องระวังฉีเซิน
“เสี่ยวจิ้ง ทำไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แม่ถึงถูกปิดไว้ในกะลาล่ะ!” หลินเวยโกรธมาก
เวินจิ้งยิ้มหน้าซีด “แม่ หนู……หนูก็แค่ไม่อยากให้แม่เป็นห่วง”
แม้ว่าเรื่องนี้ แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่สามารถรับได้
เธอพึ่งจะอายุ26ปี เหลือเวลาอีก……ไม่นานแล้ว
“แม่จะไม่ห่วงได้ไง! ถึงแม้จะเป็นห่วงแม่ แต่แม่ก็มีสิทธิ์ที่จะรู้! เธอเป็นลูกสาวแม่!” หลินเวยตอบอย่างจำใจ
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่ได้ตำหนิโทษเวินจิ้ง
เพียงแค่ปวดใจ ปวดใจมาก
สองแม่ลูกกอดกัน เวินจิ้งรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่กังวลและความกลัวของหลินเวยได้อย่างชัดเจน
แต่เธอได้ปลอบหลินเวยแล้ว
“คุณนายหลิน เรื่องนี้ต้องโทษผม ผมเป็นคนปิดบังเวินจิ้งก่อน” หลิงอี้ยอมรับข้อผิดพลาด
หลินเวยมองไปที่สองคน แม้ว่าจะโกรธ แต่ตอนนี้เย็นลงแล้ว
“ตอนนี้คุณหมอไปไหน ฉันจะไปถามเขายืนยันสถานการณ์ให้ชัดเจน”
“คุณนายหลิน หมอผ่าตัดคือมู่วี่สิงครับ” หลิงอี้ตอบ
พอได้ยินชื่อนี้ หลินเวยชะงัก
นัยน์ตานั้นสั่นเทา
แต่รู้ว่ามู่วี่สิงนั้นมีอำนาจในวิชาชีพแพทย์ ถ้าหากเขาลงมือผ่าตัด จะไม่มีคนกล้าสงสัย
“คือเขา”
“หลิงอี้ รบกวนเธอส่งแม่ฉันกลับไปเถอะ ตอนนี้ก็ค่ำมากแล้ว” เวินจิ้งมองดูเวลา
เธอก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้ว หลังจากตื่นก็ตรวจและฉีดยา ตอนนี้อาการง่วงของเธอหนักมาก
ดูออกว่าเวินจิ้งนั้นอ่อนเพลียมาก หลินเวยก็เลยไม่รบกวน
ออกจากห้องผู้ป่วยแล้ว แต่ยังสั่งให้หลิงอี้อยู่ที่นี่
“แม่ไม่วางใจจริงๆ” หลินเวยพูดด้วยความกังวล
“ตอนนี้ ก็ทำได้เพียงแค่นี้ มู่วี่สิงเป็นหมอที่ดีโดยไม่ต้องสงสัยเลย” หลิงอี้ยืนยันความสบายใจอีกครั้ง
“กลัวว่าหลังจากนั้น พวกเขาจะกลับมาแต่งงานกันใหม่อีก”
“คุณนายหลิน ถ้านี่คือสิ่งที่เวินจิ้งเลือก พวกเราก็ยอมรับเถอะ” หลิงอี้ยอมถอยแล้ว
หลินเวยพยักหน้า ที่เบ้าตาค่อยๆแดงขึ้น
เวินจิ้งเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอหวังเพียงว่าลูกจะผ่านมันไปได้ ใช้ชีวิตต่อไปให้ดีๆ
ในห้องผู้ป่วยกลับมาเงียบอีกครั้ง เวินจิ้งกลับนอนไม่หลับเลย
หยิบมือถือขึ้นมาตอบข้อความในวีแชท บอกเรื่องราวของตัวเองให้กับเพื่อนที่สนิทสองสามคน อยากจะดูวิดีโอทบทวนบทเรียน แต่กลับดูไม่รู้เรื่องเลย
ในจิตใจนั้นค่อยๆปรากฏภาพมู่วี่สิงขึ้น เหมือนกับว่าเขามีเวทมนตร์กัดเซาะจิตใจเธออย่างนั้น
นึกถึงที่ตอนนี้เขาเป็นหมอประจำตัวเธอ จิตใจของเธอนั้นสับสนมาก
พยายามจะล้างความสัมพันธ์ของเขา แต่โชคชะตากลับเหมือนเชือกที่ผูกทั้งสองเข้าด้วยกัน
เธอไม่สามารถดิ้นรนได้
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าก้าวออกมาจากประตู เงยหน้าขึ้นมองคือผู้ชายที่เธอกำลังคิดถึงอยู่
ในขณะนี้ไม่ต้องการที่จะปิดบังอะไรแล้ว เปิดเผยอารมณ์ของตัวเองออกมาอย่างนี้แล้วกัน
“รู้สึกดีขึ้นหรือยัง?” มู่วี่สิงเดินเข้ามาใกล้ๆ ถามด้วยเสียงที่แหบแห้ง
“อืม ตอนนี้ปกติดีแล้ว”
“ผ่าตัดจันทร์หน้านะ ช่วงเวลานี้คุณก็พักอยู่ที่นี่ ผมอยู่นี่ตลอดเวลา”
“อืม” เวินจิ้งพยักหน้าตอบ
นึกถึงงานของตัวเอง เธอถึงเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ “การวิจัยพัฒนาหลินด๊า….ฉันต้องรอออกจากโรงพยาบาลถึงจะสามารถเข้าร่วมต่อได้”
“อืม ไม่รีบ” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“ขอโทษนะ เพราะฉันอาจจะทำให้กระบวนการวิจัยพัฒนาทั้งหมดช้าลง” เวินจิ้งรู้สึกผิด
มู่วี่สิงพึ่งประชุมพูดเกี่ยวกับการเร่งกระบวนการวิจัยพัฒนา แถมยังออกคำสั่งกับเธอ
แต่ตอนนี้เธอเข้าโรงพยาบาลแล้ว
มู่วี่สิงเข้ามาใกล้ นัยน์ตาสีดำสนิทมองมาที่เธอ “สุขภาพของคุณสำคัญที่สุด หลังจากออกจากโรงพยาบาล ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าจะให้คุณรีบเข้าร่วมการวิจัยพัฒนาต่อ”
หลังจากผ่าตัด สิ่งที่เวินจิ้งต้องการคือเวลาพักฟื้นร่างกายนานหน่อย
“อย่างนี้หรอ?” เวินจิ้งกระซิบ
ตอนนี้มู่วี่สิงเป็นนักธุรกิจ เธอคิดว่า….เขาคงจะมุ่งเน้นกำไรสูงสุด
“อืม ก่อนหน้านี้ให้คุณมาที่บริษัทมู่ซื่อกรุป ก็เพราะว่าผมอยากมีโอกาสเจอคุณมากขึ้น” มู่วี่สิงพูดตรงไปตรงมา
สิ่งที่เขาต้องการ เพียงแค่เธออยู่ในที่ของเขา
เวินจิ้งกระพริบตา ด้วยความเขลา
หมายความว่าอะไร…..
ถามอย่างไม่มีสติ มู่วี่สิงก็จูบลงมาด้วยความอ่อนโยน ด้วยความระมัดระวัง ด้วยความรัก ด้วยความทะนุถนอม พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเหมือนครอบงำเธอ
เวินจิ้งเกือบจะลุ่มหลงแล้ว
หลับตาลง ขอเพียงแค่ได้เคลิบเคลิ้มกับความรู้สึกนี้สักครู่เดียว
ทุกอย่างปล่อยวาง
ดวงตาของพวกเขาทั้งคู่แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ที่รุนแรง
เวินจิ้งมองเห็นแล้ว
รวบรวมความกล้า เธอจูบอย่างลึกซึ้งขึ้นยิ่งจูบซ้ำแล้วซ้ำอีก
ตอนนี้รู้ว่าตัวเองสามารถอยู่รอดได้ก็ยิ่งกล้ามากขึ้น
เธอต้องการเขา
จับที่ข้อมือเขา แววตาเธอราวกับน้ำมองไปที่เขา
ฝ่ายชายชะงัก ลมหายใจยิ่งแรงขึ้น
มือโอบที่เอวเล็กของเวินจิ้ง ลูกกระเดือกกลิ้งไปมา เขาค่อยๆให้เธอทับบนตัว
เวินจิ้งไม่ปฏิเสธ โอบที่คอของมู่วี่สิง
เหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านทั่วทั้งร่างกาย ทำให้เธอสั่นสะเทือน
“มู่วี่สิง” เธอกระซิบชื่อเขา
ฝ่ายชายหรี่ตา ริมฝีปากบางๆค่อยเผยรอยยิ้มขึ้น
“อยากให้ผมอยู่กับคุณ หืม?”
เวินจิ้งพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ฉันคิดถึงคุณมาก”
ฉัน….ชอบคุณมาก
ประโยคนี้ ถูกเธอครอบงำระหว่างริมฝีปาก
ความรู้สึกของมู่วี่สิงที่มีต่อเธอนั้นไม่อาจคาดเดาได้เสมอ
“เวินจิ้ง ผมจะอยู่กับคุณตลอดไป คุณจะไม่มีเรื่อง” เขากระซิบตอบทีละคำทีละประโยค
ตามที่สัญญาไว้
เวินจิ้งหรี่ตาลง “จริงหรอ? แม้ว่าคุณจะไม่ชอบฉัน คุณยังต้องการแต่งงานกับฉันหรือเปล่า?”
“ผม มีใจให้คุณแล้ว” น้ำเสียงของมู่วี่สิงช้ามาก สายตายิ่งร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เสียงลำคอข้างหูนั้นใสราวกับไวน์ทำให้คนมึนเมา
เวินจิ้งนิ่ง ที่มู่วี่สิงพูด….จริงหรือเปล่า?
แววตาของเธอค่อย ๆ สว่างขึ้น สุดท้ายราวกับดอกไม้ไฟที่อยู่ตรงหน้า ส่องประกายบนใบหน้าที่หล่อเหลาสง่างามของฝ่ายชาย ดวงตาพร่าพราย
นัยน์ตาสะท้อนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา รอยยิ้มค่อยๆเบ่งบาน
“มู่วี่สิง คุณไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม ทั้งๆที่คุณเคยพูดว่า…”
คำพูดต่อไปถูกเขาหยุดไว้อีกครั้ง จูบของเขาทำให้เธอยิ่งรักมากขึ้นจนไม่สามารถถอนตัวออกได้
เตียงคนไข้กว้างมาก มู่วี่สิงกอดเธอ เวินจิ้งพิงในอ้อมแขนของเขาอย่างสงบนิ่ง
ในจิตใจยังคงคิดถึงคำพูดนั้นของมู่วี่สิงที่ทำให้เธอสั่นสะเทือน
มีใจให้คุณแล้ว
“เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่?” ปลายนิ้วของเธอถูที่คางของเขา ถามอย่างพึมพำ
“อะไร?” มู่วี่สิงเลิกคิ้ว
“คุณมีใจให้ฉัน ตั้งแต่เมื่อไหร่” เวินจิ้งตาเป็นประกายจ้องมองเขา
นัยน์ตาเปล่งประกายออกมาเต็มไปด้วยความรักของมู่วี่สิง ขยี้ที่ผมยาวถึงด้านหลังของเธอและพูดด้วยเสียงในลำคอที่มีเสน่ห์น่าดึงดูด “ลืมแล้ว”
“คุณหลอกฉัน!” เวินจิ้งไม่สบายใจ
ในชั่วขณะ เมื่อเห็นมู่วี่สิงยังคงไม่พูด เวินจิ้งได้ถามอีกครั้งว่า “คงไม่ใช่พึ่งสนใจฉันเมื่อกี้นะ”
มู่วี่สิงเม้มริมฝีปากบางๆ แววตาเต็มไปด้วยความรักที่หนักแน่น
จับที่ศีรษะของเธอไว้ เขาก็จูบลงไปอีกครั้ง
“ความลับ”
เวินจิ้ง…..
อดไม่ได้ที่จะชกหน้าอกของผู้ชาย “คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง”