บทที่ 398 ผมยินดีที่จะให้คุณสร้างความเดือดร้อน
มู่วี่สิงพาเวินจิ้งไปตรงยังห้องผู้ป่วยไป่สือ
ตรงหน้าประตู มีพยาบาลมาห้ามทั้งสองคนไว้
“พวกคุณเป็นญาติของคนไข้หรือไม่?”
“ฉันเป็นนักศึกษาของศาสตราจารย์ไป๋” เวินจิ้งพูดอย่างเป็นห่วง
“ไม่ใช่ญาติไม่สามารถเยี่ยมได้” พยาบาลพูดอย่างเย็นชา
ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของมู่วี่สิง สายตามองไปยังประตูห้องผู้ป่วยที่ปิดสนิท ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป
พยาบาลยังอยากที่จะห้าม แต่ท่าทางของมู่วี่สิงน่าตกใจมาก เธอค่อนข้างกลัว
“พวกคุณอย่ารบกวนเวลาพักผ่อนของคนไข้” ทำได้เพียงพูดเตือนอยู่ด้านนอก
พูดเสร็จแล้ว ก็รีบไปรายงานผู้อำนวยการทันที
ภายในห้องผู้ป่วย ไป๋สือดูมีชีวิตชีวามาก ในมือกำลังถือหนังสืออ่านอยู่
“ศาสตราจารย์ไป๋” เวินจิ้งเดินเข้ามา สายตาประกายความเป็นห่วง
ไป๋สือมองดูทั้งสองคนอย่างแปลกใจ “คุณมาได้อย่างไร?”
“ฉันติดต่อศาสตราจารย์ไม่ได้ เป็นห่วงมากก็เลยตามมา” เวินจิ้งพูดด้วยเสียงต่ำ
เห็นศาสตราจารย์ไป๋ไม่เป็นอะไร ก็วางใจแล้วไม่น้อย
“มือถือของผมหายไปตั้งแต่วันที่ประสบอุบัติเหตุแล้ว ตอนนี้ยังไม่สามารถออกจากโรงพยาบาล ผู้ช่วยที่ตามมาด้วยกันต่างก็เข้าโรงพยาบาลแล้วเช่นกัน” ไป๋สือขมวดคิ้ว
ที่จริงเขาก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทางโรงพยาบาลกลับสั่งให้ยังไงก็ต้องพักอยู่ดูอาการก่อน
เขาเองก็เป็นหมอ อาการเป็นยังไงย่อมรู้ดีอยู่แล้ว
“ศาสตราจารย์ ร่างกายของท่านยังดีอยู่ใช่ไหม?” เวินจิ้งถามอย่างห่วงใย
“โดยทั่วไปก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”
“งั้น…” เวินจิ้งมองดูมู่วี่สิง
“ผมก็อยากกลับไปหนานเฉิงเร็วๆแล้ว พวกคุณรีบไปจัดการให้ผมหน่อย” ไป๋สือ ดูความหมายของเวินจิ้งออก
“จะรีบไป” เวินจิ้งรับคำ
ภายในห้องผู้ป่วย มู่วี่สิงเปิดดูประวัติการป่วยของไป๋สือ ที่จริงแม้แต่นอนโรงพยาบาลยังไม่มีความจำเป็นเลย
“ศาสตราจารย์ ผมอยากรู้รายละเอียดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น” มู่วี่สิงพูดอย่างคิ้วขมวด
สีหน้าไป๋สือเคร่งเครียด หวนกลับไปคิด รถประสบอุบัติเหตุเมื่อสามวันก่อน รถบัสที่พวกเขานั่งมาชนถูกราวถนน ตอนนี้สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุบอกว่าเป็นความผิดของคนขับรถ ทุกคนบนรถทั้งหมดต่างก็ได้นอนโรงพยาบาล
แต่ไป๋สือไม่รู้อาการของคนอื่น ช่วงเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาล เขาไม่เคยเห็นคนที่รู้จักสักคน
ขอทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล ก็ถูกปฏิเสธทุกครั้ง
ฟังคำพูดของไป๋สือเสร็จ สีหน้าของมู่วี่สิงยิ่งเคร่งเครียด
ไม่นานเขาก็สืบรู้แล้ว มีคนพยายามไม่ให้พวกเขาออกจากโรงพยาบาล
ตอนที่เวินจิ้งทำเรื่องให้ไป๋สือออกจากโรงพยาบาล ไม่มีใครยอมให้เธอทำเรื่องเลย
เมื่อเดินกลับมา มู่วี่สิงยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดิน เกาเชียนกำลังรายงานเรื่องราวอยู่ด้านข้างเขา
เวินจิ้งไม่ได้เดินเข้าไปใกล้ กำลังคิดจะไปดูห้องผู้ป่วยห้องอื่นๆดูว่าจะสามารถหาพยาบาลคนนั้นเจอไหม
แต่เธอไม่เคยเห็นรูปร่างของพยาบาลคนนั้น จะหาก็ถือเป็นเรื่องที่ยาก
พยาบาลคนนั้นตอนนั้นที่เอาอุปกรณ์ผ่าตัดให้เธอ เธอสวมผ้าปิดปากไว้ น้ำเสียงเธอถือว่ายังจำได้ และรู้สึกเหมือนจะคุ้นเคยมาก
ในระหว่างที่หงุดหงิด มู่วี่สิงเดินเข้ามากอดเธอ
“พยาบาลที่สองของให้คุณชื่อโจวหย่าน เธอไม่อยู่ที่นี่” มู่วี่สิงพูด
“งั้นเธออยู่ที่ไหน?”
“ตอนนี้เธอถูกย้ายไปที่โรงพยาบาลเมืองเป่ยเฉิงแล้ว ช่วงเวลาใกล้ๆนี้จะไม่ได้กลับมา”
“งั้นฉันจะสามารถหาเขาเจอไหม?”
“เจอ” มู่วี่สิงตอบ เขาได้ส่งคนไปเมืองเป่ยเฉิงแล้ว
แต่สถานะของโจวหย่านคนนี้ ค่อนข้างน่าแปลก
“ขอบคุณค่ะ” เวินจิ้งพูดอย่างจริงใจ
มู่วี่สิงจ้องมองเธอ ประทับจูบตรงระหว่างคิ้วของเธอ อ่อนโยนและทะนุถนอม
“เวินจิ้ง ต่อให้หาโจวหย่านเจอ เธอก็ถูกคนซื้อไปแต่แรกแล้ว” มู่วี่สิงพูดความจริง
เขารู้ว่าเวินจิ้งจะตามหาโจวหย่าน เพียงแต่หวังว่าเธอจะสามารถช่วยอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจน แต่วิดีโอกล้องวงจรปิดยังไงก็มีคนตัดต่อ ส่วนโจวหย่านผู้หญิงคนนี้ ยังไงก็มีความตั้งใจที่จะทำร้ายเวินจิ้ง
แต่ขอเพียงมีความหวังแค่เล็กน้อย เธอก็ไม่อยากที่จะปล่อยไป
ประคองท้ายทอยของเวินจิ้งไว้อย่างรักใคร่ มู่วี่สิงจ้องมองดูเธอ “ค่ำผมจะไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้กับไป๋สือ คุณกลับไปกับเขา”
“ฉันอยากไปเมืองเป่ยเฉิง” เวินจิ้งพูดอย่างดื้อรั้น
“เชื่อฟังผม เรื่องนี้ ผมจะจัดการเอง”
“คุณจะจัดการยังไง?” เวินจิ้งมองดูเขา
“โจวหย่านผมจะหาเธอให้เจอ และก็ให้เธอช่วยคุณยืนยันความบริสุทธิ์ใจ”
“ฉันไปพร้อมกับคุณ”
“คุณอยู่ข้างกายผมอาจเป็นอันตรายได้ เชื่อฟังผมนะ” สีหน้ามู่วี่สิงจริงจัง น้ำเสียงที่ไม่ยอมให้มีความสงสัย
เวินจิ้งค่อนข้างโกรธ ไม่พูดอะไรอีก
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว เวลาผู้หญิงคนนี้ดื้อขึ้นมา เขารู้ดี
“คุณก็ไม่อยากที่จะให้ผมต้องเดือดร้อน ใช่ไหม?” น้ำเสียงมู่วี่สิงค่อยๆอ่อนลง
เวินจิ้งฟังแล้ว ก็ยังคงไม่พูดอะไร
เธอเป็นห่วงมู่วี่สิง
“ฉันรบกวนคุณอีกแล้ว” สักพัก เธอก็ต้องยอม
“ผมยินดีให้คุณรบกวน คุณนายมู่” คำเรียกที่คุ้นเคย น้ำเสียงที่อ่อนโยน
ในใจเวินจิ้งอ่อนโยน เข้าไปกอดมู่วี่สิง เธอพึมพำว่า “มีเรื่องอะไรคุณต้องบอกฉันตลอดเวลา หากไม่มีหนทางแล้วจริงๆ ฉันก็จะยอมรับความจริง”
“ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีแบบไหน ผมก็จะไม่ยอมให้คุณถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย”
นี่เป็นสิ่งที่มู่วี่สิงรับประกัน
เวินจิ้งเชื่อใจเขา
วันนั้น ไม่รู้ว่ามู่วี่สิงใช้วิธีไหน ศาสตราจารย์ทั้งหลายต่างก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้อย่างราบรื่นแล้ว ตอนกลางคืนก็นั่งเครื่องบินกลับเมืองหนานเฉิง
เวินจิ้งอยู่เป็นเพื่อนข้างกายไป๋สือ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“กำลังคิดถึงมู่วี่สิง?” ไป๋สือถามอย่างรู้ทัน
เวินจิ้งพยักหัวอย่างเขินอาย
“พวกเธอทั้งสอง อย่างสิ้นเปลืองเวลาอีกแล้ว กลับมาแต่งงานกันเหมือนเดิมเถอะ”
“พวกเรายังไม่ถึงขั้นนั้น” สีหน้าเวินจิ้งโศกเศร้า
เธอมีเวลาไม่มากแล้ว จะสามารถแต่งงานกับมู่วี่สิงได้อีกที่ไหนกัน
ตำแหน่งคุณนายมู่ ต่อไปจะมีคนที่เหมาะสมกว่า
“อธิการบดีไม่ได้หาเธอ?” ไป๋สือถาม
เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้กับเวินจิ้ง ปกติอธิการบดีก็ไม่ค่อยพอใจเวินจิ้ง คิดว่ายังไงก็จะไม่อยู่เฉยแน่
“อืม ขอให้เวลาฉันหนึ่งสัปดาห์ในการหาหลักฐาน”
“ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกกี่วัน?” ไป๋สือขมวดคิ้ว
“เหลืออีกสี่วัน”
ไป๋สือเงียบ หางตาโศกเศร้า
เริ่มตั้งแต่เวินจิ้งเข้ามาในมหาวิทยาลัยหลินไห่ ก็ไม่เคยมีวันที่ได้อยู่อย่างสงบสุข
เขาสงสารเด็กคนนี้มาก
ยังไงก็เป็นนักศึกษาในความดูแลของเขา เธอมีนิสัยอย่างไรเขารู้และเข้าใจดี
“ศาสตราจารย์จะช่วยเธออย่างเต็มที่”
กลับมาถึงมหาวิทยาลัยหลินไห่ เวินจิ้งกลับไปยังหอพัก ในที่สุดหลิงเหยาก็ได้เห็นเธอ รีบวิ่งมากอดเธอไว้
“เธอกลับมาได้สักที”
ใบหน้าเวินจิ้งแสดงความรู้สึกผิด “ขอโทษนะ ช่วงนี้อารมณ์ของฉันไม่ค่อยดี”
“ฉันเข้าใจ เกิดเรื่องแบบนี้ ฉันสามารถเข้าใจอยู่” หลิงเหยาตบบ่าเธออย่างปลอบโยน
“วันนี้เธอไม่ไปหามู่วี่สิง?” หลิงเหยาถาม
“เขา… เขาน่าจะอยู่ที่เมืองเป่ยเฉิงแล้ว” ตอนนี้ มู่วี่สิงก็ยังไม่ติดต่อเธอ
“เรื่องสืบไปถึงไหนแล้ว?” หลิงเหยาถามอย่างเป็นห่วง
เวินจิ้งส่ายหัว “รอข่าวอยู่”
เธอเหนื่อยมากแล้ว เดินทางมาทั้งวัน เวินจิ้งล้มลงนอนทันที หลิงเหยามองดูเวินจิ้งที่หลับอยู่ แล้วก็ถอนหายใจ
ตอนที่ส่งข้อความวีแชทให้กลับหลิงอี้ เธอก็พูดถึงเวินจิ้งอย่างเคยชิน
แต่ว่าช่วงนี้อารมณ์ของพี่ชายก็ไม่ค่อยดี ตั้งแต่รู้ว่าเวินจิ้งกับมู่วี่สิงอยู่ด้วยกัน ก็ไม่ได้มาหาที่วิทยาลัยนานแล้ว