บทที่ 388 เธอต้องการเขาด้วยความโลภอีกครั้ง
“เวินจิ้ง หากเธอยังชอบมู่วี่สิง ก็อย่ายอมแพ้ที่จะอยู่กับเขา แม้ว่าฉันจะเสียใจแทนพี่ชายของฉัน แต่ ฉันก็หวังให้เธอมีความสุข” หลิงเหยาพูดอย่างจริงใจ
ตอนแรกที่รู้จักเวินจิ้ง เธอไม่ค่อยประทับใจเธอเท่าไหร่ แต่เมื่อค่อยๆรู้จักกัน เวินจิ้งนิสัยดี อ่อนโยนกับผู้อื่น หลิงเหยากลับชื่นชอบเพื่อนคนนี้เป็นอย่างมาก
เวินจิ้งเงียบ เรื่องที่เธอไม่เข้าใจมาโดยตลอดก็คือ หัวใจของมู่วี่สิง
กลางคืน เวินจิ้งมาห้องทำงานของมู่วี่สิงได้ตรงเวลา
โดยปกติแล้วทุกเย็นวันศุกร์เธอก็จะอยู่แต่มหาวิทยาลัยหลิงไห่ และไม่ได้ไปไหน
ตรงประตู เกาเชียนรองอยู่ข้างนอกด้วยความกังวล
เวินจิ้งมองเขาอย่างสงสัย
เมื่อเห็นเวินจิ้ง เกาเชียนก็โล่งใจ
“คุณเวิน ในที่สุดคุณก็มา ผมจองอาหารไว้ให้ประธานมู่แล้ว คุณรวดเอาเข้าไปให้เถอะ”
“ได้” เวินจิ้งรับไว้
ผลักประตูเข้าไป มู่วี่สิงนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ตรงหน้ามีเอกสารไม่น้อย เป็นเรื่องของบริษัทมู่ซื่อทั้งหมด
“ผู้ช่วยเกาให้ฉันเอามาให้คุณ” เวินจิ้งนำกล่องข้าววางไว้ตรงหน้าเขา
“อืม นั่งลงเถอะ”
เห็นเวินจิ้งรู้สึกอายเล็กน้อย มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
เวินจิ้งไม่ได้นั่งลงที่ว่างข้างๆของเขา แต่กลับนั่งลงตรงที่นั่งโต๊ะหนังสือ มู่วี่สิงจะกินข้าว เธออ่านหนังสือก่อน
เพียงแต่ มู่วี่สิงกลับไม่ได้ทานข้าวก็เดินเข้ามา
“ฉันจะสอนพิเศษให้เธอเสร็จเร็วๆ เธอกลับพักผ่อนเช้าหน่อย”
“คุณกินข้าวก่อน ฉันไม่รีบ”
“ฉันไม่หิว”
“คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ต้องกินข้าวให้ตรงเวลา!” เวินจิ้งโกรธเล็กน้อย นี่ก็เลยเวลาทานข้าวแล้ว
ผู้ชายคนนี้ก็เป็นแบบนี้ตลอด ยุ่งจนข้าวก็ไม่กิน
มองดูท่าทางที่โกรธเล็กน้อยของเวินจิ้ง ใบหน้าที่ตึงเครียดของมู่วี่สิงสุดท้ายก็มีรอยยิ้มเล็กน้อย
“เย็นนี้เธอกินอะไร?” เขาชินกับการถามแบบเหมือนเพื่อน
เวินจิ้งพูดกับข้าวแต่ละอย่างออกมา มองมู่วี่สิงที่กินข้าวอยู่ตรงหน้าอย่างงดงาม ภาพนั้นช่างน่าชื่นชมและเป็นที่พอใจอย่างมาก
มองไปมองมา ก็เหม่อลอย
เมื่อสังเกตว่าเวินจิ้งกำลังเหม่อลอย มู่วี่สิงก็เข้าไปใกล้ ทันใดนั้นนิ้วมือก็เชยคางของเธอขึ้น
ตอนที่เวินจิ้งรู้สึกตัว ก็รีบยกมือขึ้นยันเขาไว้ทันที
“หิวแล้ว?” เขาถาม
“ไม่ไม่ ฉันกินอิ่มแล้ว” เวินจิ้งก้มหัวลง
“อืม” มู่วี่สิงตอบ นำข้าวกล่องวางไว้อีกด้าน เริ่มสอนเวินจิ้ง
การเรียนรู้ของเวินจิ้งดีมาก แม้จะไม่ค่อยได้เข้าเรียน แต่ความรู้หลายอย่างแค่มู่วี่สิงพูดก็เข้าใจแล้ว
เวลาผ่านไปเป็นนาทีวินาที เวินจิ้งกำลังทำแบบฝึกหัดด้วยตัวเอง มู่วี่สิงไปจัดการเรื่องงานแล้ว
เมื่อเสร็จแล้ว เวินจิ้งเงยหน้า กลับเห็นว่ามู่วี่สิงกำลังคุยสายอยู่
เธอยืนอยู่ระยะห่างจากเขา รอเขาวางสายแล้วค่อยเข้าไป
“ยากไหม?” เขาถาม
เวินจิ้งเม้มปาก พยักหน้าอย่างจริงใจ
ยากมากจริงๆ
เธอคาดว่าตัวเองคงผิดหลายข้อ
“พวกนี้ไม่ใช่วิชาประสาทวิทยาจำเป็นต้องเรียนรู้ โดยทั่วไปเธอจะรู้จักได้น้อย” มู่วี่สิงอธิบาย
“อ้อ ฉันแย่มากเลย” เวินจิ้งรู้สึกรำคาญเล็กน้อย
“ไม่เชื่อมั่นในตัวเองมากขนาดนี้เลยเหรอ?” มู่วี่สิงมองเธอ
เวินจิ้งเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร
หยุดชั่วครู่ จึงนำการบ้านของตัวเองมา “ฉันไปตั้งใจทำอีกรอบ”
มู่วี่สิงไม่ได้ปล่อยให้เธอทำเพียงลำพัง นั่งลงข้างตัวเธอ เขาก็ทบทวนให้เธออีกรอบ
ลมหายใจที่คุ้นเคยอยู่ใกล้แค่เอื้อม เวินจิ้งยากที่จะทำให้ตัวเองจดจ่อ
แต่โชคดี การอธิบายของมู่วี่สิงไม่ได้น่าเบื่อ เธอตั้งใจฟังสุดท้ายก็เข้าใจ การบ้านก็ราบรื่นขึ้นเยอะมาก
เวลาสิบสองโมงแล้ว
ข้างนอกไม่รู้ว่าฝนตกตั้งแต่เมื่อไหร่
เวินจิ้งขมวดคิ้ว เธอไม่ได้พกร่ม…
“ฉันส่งเธอกลับไป” มู่วี่สิงได้นำร่มกางไว้ให้เธอ
เวินจิ้งอึ้ง ส่ายหัวทันที “ฉันกลับไปเองก็ได้ ฝนตกไม่หนัก”
“เวินจิ้ง เธอคิดว่าฉันจะให้เธอตากฝนกลับไปเหรอ?” ทันใดนั้นมือของมู่วี่สิงก็โอบเธอไว้
ไม่รอให้เวินจิ้งปฏิเสธ เขาได้พาเธอเข้าไปท่ามกลางสายกลาง
เวินจิ้งเงยหน้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของมู่วี่สิงก็อยู่ตรงหน้า น่าหลงใหลเช่นนี้
ในหัวสมองมีภาพมากมาย ตอนแรกที่เจอกับเขา ตอบตกลงแต่งงานกับเขา ย้ายเข้าไปการ์เด้นมู่เจียวาน ต่อมา พวกเขาจัดงานแต่ง เขาขอเธอแต่งงานอย่างเป็นทางการ
ที่แท้ พวกเขาได้ผ่านอะไรกันมามากมาย
เธอต้องยอมรับ ว่าเธอเสียดาย
ถ้าหากต้องจากโลกนี้ไปจริงๆ เธอปล่อยวางจากมู่วี่สิงไม่ได้
เธอต้องการมีเขาด้วยความโลภอีกครั้ง ในช่วงชีวิตสุดท้าย
ความคิดดังกล่าว มักจะปรากฏเสมอ
“เวินจิ้ง มองทาง!” ทันใดนั้น มีเสียงของมู่วี่สิงดังขึ้นข้างหู
เวินจิ้งถึงจะมีสติกลับมา ตัวเองเกือบจะเหยียบลงไปในโคลน
ยังไม่ทันหยุดฝีเท้า มู่วี่สิงได้ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนแล้ว เพื่อที่เธอจะไม่เปียก
หัวสมองกระแทกโดนอกของมู่วี่สิง แขนของเขาโอบรอบเอวบางของเธอ
ร่างกายของทั้งสองคนแทบจะติดกัน
ขณะนั้น หัวใจของเวินจิ้งก็เต้นรัว
ก็ไม่รู้ความกล้าอะไร เธอยกเท้าขึ้นมาแล้วจูบปากบางของมู่วี่สิงไว้
ดวงตาของผู้ชายเปล่งประกายขึ้นเรื่อยๆ ดูท่าทางที่เวินจิ้งจูบเขา รอยยิ้มลึกขึ้นเรื่อยๆ
เวินจิ้งในแบบนี้ น่ารักตายเลย
มือข้างนึงจับร่มไว้ มืออีกข้างจับหลังศีรษะของเวินจิ้งไว้ เขาโต้ตอบอย่างรวดเร็วทำให้จูบนั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เวินจิ้งเบิกตากว้าง การจู่โจมของมู่วี่สิงทำให้เธอแทบจะต้านทานไม่อยู่
เขาแข็งแรงมาโดยตลอด
กลับทำให้เธอชอบเช่นนี้อีกครั้ง
ฝนค่อยๆเล็กลง เวินจิ้งหน้าแดง ไม่กล้ามองมู่วี่สิง
คางถูกมู่วี่สิงจับไว้ เธอกลับเลี่ยงการสบสายตากับเขาไม่ได้
สายตาที่อ่อนโยนและใจเต้นถูกมู่วี่สิงมองไว้ในสายตา
เขากอดเธอไว้แน่น เสียงที่แหบห้าวอยู่ข้างหูของเธอ “เวินจิ้ง เราคืนดีกันเถอะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เวลานี้เวินจิ้งใจเย็นขึ้นเยอะ
งานแต่งสำหรับเธอ คาดหวังไว้ตั้งนานแล้ว
เธอตอบเสียงเบา “ไม่แต่งงาน”
“หัวแข็ง?” มู่วี่สิงเลิกคิ้ว ด้วยรอยยิ้ม
เวินจิ้งรู้สึกเขินอาย “ไม่ใช่ ความหมายของฉันคือ ค่อยๆมาดีกว่า”
เธอไม่รู้เพราะอะไร ทั้งที่มู่วี่สิงก็รู้ว่าเธอเหลือเวลาไม่ถึงสามปีแล้ว ยังยืนยันที่จะแต่งงานกับเธอ
มันจะดีกว่า ทั้งสองค่อยๆคบกัน ไม่ต้องห่วงชีวิตแต่งงาน
“ได้ ฟังภรรยามีทั้งหมด” เวลานี้ น้ำเสียงของมู่วี่วิงน่าฟังจนทำให้คนหลงใหล
เวินจิ้งเต็มใจที่จะทำตามตัวเอง
หวังเพียงแค่เวลาผ่านไปช้าหน่อย ช้าอีกหน่อย
ชั้นล่างหอพัก
ฝนหยุดตกแล้ว มือของเวินจิ้งถูกมู่วี่สิงกุมไว้
ที่แท้ สิ่งที่เธอต้องการนั้นธรรมดามาก
เพียงแค่มู่วี่สิงอยู่ข้างกาย ก็พอใจแล้ว
พิงอ้อมแขนของเขา ตอนนี้วินาทีไหนเธอก็ไม่อยากห่างจากมู่วี่สิง
“คืนนี้กลับการ์เด้นมู่เจียวาน หืม? พรุ่งนี้เธอต้องไปบริษัทมู่ซื่อ” มู่วี่สิงพูด
เวินจิ้งเม้มปาก เธอส่ายหัว
“พรุ่งนี้ฉันจะไปให้ตรงเวลา กู๊ดไนท์” สิ้นเสียง แทบจะวิ่งหนีไป