บทที่ 382 แต่งงานกับฉัน ลำบากใจขนาดนั้นเลยเหรอ
เวินจิ้งกัดริมฝีปาก สีหน้าขาวซีดขึ้นเรื่อยๆ
มือยังคงยันอกของผู้ชายไว้ แต่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉีเซิน
กลิ่นอายของเขาทำให้เธอสะอิดสะเอียน
“เวินจิ้ง มู่วี่สิงมีอะไรให้เธอดึงดูด? ฉันก็สามารถทำได้”
“นายไม่ใช่เขา ก็ดึงดูดฉันไม่ได้” เวินจิ้งพูดอย่างโต้แย้ง
“ลึกซึ้งมากจริงๆ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ตอบฉัน ดูแล้ว ก็ไม่ได้สนใจเธอแล้ว” ฉีเซินหยอกล้อ
เวินจิ้งไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ในใจของเธอหวังเพียงมู่วี่สิงอย่าถูกเขาจัดการก็พอ
ระหว่างพวกเขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันนานแล้ว มู่วี่สิงไม่จำเป็นต้องทำสิ่งต่างๆเพื่อเธอ
หากเป็นเช่นนี้ แบบนี้เธอถึงจะสามารถปล่อยวางจากเขาได้อย่างหมดจด
“ฉันไม่ใช่อะไรของเขาอยู่แล้ว เป็นคุณฉีที่ประเมินสถานะของฉันไว้สูงเกิน” เวินจิ้งพูดเรียบๆ
ฉีเซินจับคาง ตอนนี้เวลายังเช้า เขาจะไม่แตะต้องเธอในเวลานี้
“แต่งงานกับฉัน ลำบากใจขนาดนั้นเลยเหรอ?” เขาถามทันที
ตั้งแต่เริ่มรู้จักเขา เวินจิ้งก็ไม่เคยรู้สึกดีกับเขาเลย
แต่ข้างกาย มีผู้หญิงไม่น้อยที่โปรดปรานเขา เขาชินกับการถูกวิ่งตาม
แต่เขากลับคิดถึงแต่เวินจิ้ง ลืมยาก
“ลำบากใจ ลำบากใจมาก!” เวินจิ้งทำหน้าตึง
“เธอยังคิดว่าตัวเองยังสามารถกลับไปคืนดีกับมู่วี่สิงได้? เป็นไปไม่ได้ ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากรับช่วงต่อจากบริษัทหลินซื่อ แต่งงานกับฉัน ฉันช่วยเธอจัดการกับบริษัทหลินซื่อให้ดี”
เวิ้นจิ้งหัวเราะเยือกเย็น “ฉีเซิน สิ่งที่นายต้องการมีเพียงมรดกของตระกูลหลินรึเปล่า แม้ว่านายจะแต่งงานกับฉันแล้ว สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ใช่ของนาย นานเป็นแค่คนภายนอก”
คนภายนอก
ประโยคนี้ทำให้ฉีเซินโกรธขึ้นมา
ทั้งที่เขาเป็นลูกชายของหลินเวย หลินเจิ้นเป็นปู่ของเขา แต่ตระกูลหลินกลับไม่ยอมรับเขา คิดกับเขาแค่คนภายนอก
น้ำหนักในมือหนักขึ้นเล็กน้อย คางของเวินจิ้งถูกเขาบีบจนเจ็บปวด เธออดไม่ได้ร้องออกมา
“ใช่ ฉันเป็นคนนอก ดังนั้นไม่ว่าวิธีใดๆ ฉันก็ต้องได้ในสิ่งที่เป็นของฉัน!”
สิ้นเสียง เขาสะบัดเวินจิ้งออก ออกไปจากห้องนอนอย่างเยือกเย็น
เสียง “คาชา” ประตูถูกล็อคอย่างรวดเร็ว
เวินจิ้งไม่สามารถโล่งใจได้ นั่งติดโซฟา ท่าทางโกรธเมื่อครู่ของฉีเซินยังอยู่ในหัวสมองของเธอ เธอหลับตาลง หัวสมองก็ค่อยๆเจ็บขึ้นเรื่อยๆ เธอนั่งลงมา ทันใดนั้นก็เบลอขึ้นเรื่อยๆ…
สองชั่วโมงต่อมา
ฉีเซินยืนอยู่ข้างเตียง ก้มตัวลง เขาบังคับปัอนยาให้เวินจิ้ง
สายตาลึกลง สายตาของเขาประกายขึ้น
ไม่นาน เวินจิ้งตื่นขึ้นมา ลืมตาขึ้น สภาพแวดล้อมในดวงตาไม่ใช่คนแปลกหน้า
ด้านข้าง ในที่สุดฉีเซินก็นั่งลงข้างเธอ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว นั่งลง
เธอเป็นอะไร?
“เมื่อกี้เธอเป็นลม ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง?” น้ำเสียงของฉีเซินเย็นชา
“ไม่เกี่ยวกับนาย”
ตอนที่เวินจิ้งเผชิญหน้ากับเขา ไม่มีสีหน้าที่ดี
เพียงแต่ ทั้งที่เธอใกล้จะหายแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงยังปวดหัวหนักขนาดนี้
“หิวไหม ฉันให้คนใช้ต้มโจ๊กให้” ฉีเซินมองเขา
“อืม” เวินจิ้งพยักหน้า
เพิ่งตื่นขึ้นมาไร้เรี่ยวแรง เธอจำเป็นต้องทานอาหาร
มีแรงแล้ว ถึงจะสามารถหาวิธีหนีออกไปได้
ฉีเซินเป็นคนนำโจ๊กเข้ามาเองกับมือ เวินจิ้งรับไว้ มองเขาอย่างเย็นชา “คุณออกไปได้ไหม?”
เจอหน้าเขา ทันใดนั้นเธอก็กินข้าวไม่ลง
“ได้ มีอะไรเรียกฉัน” ฉีเซินพูดเสียงลึก
ตอนที่ออกไป กลับไม่ได้ปิดประตู
เขายืนอยู่ตรงทางเดิน ท้องฟ้าข้างนอกค่อยๆมืดลง ไม่นาน เบอร์ของผู้ช่วยก็โทรมา
“ประธานฉี มีหุ้นส่วนหลายคนต้องการจะประชุม คุณกลับมาได้ไหม?”
สีหน้าหมดความอดทาของฉีเซินปรากฏขึ้นมา ตอบอย่างเยือกเย็น
ก่อนออกจากบ้าน เขาเดินเข้าไปห้องหนังสือ แกะเชือกให้หลินเวย
“ฉันส่งเธอไปตระกูลหลิน”
“เสี่ยวจิ้งล่ะ?” หลินเวยถามอย่างเป็นห่วง
“เธอดีมาก”
“แกปล่อยเธอไปเถอะ” หลินเวยร้องขอ
ฉีเซินมองผู้หญิงตรงหน้า หลายปีมานี้หลินเวยไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้กับเขา
แต่ตอนนี้ เพื่อเวินจิ้ง เธอกลับขอร้องเขา
ฉีเซินหัวเราะเสียงเย็น “ปล่อยเธอไป งั้นใครปล่อยฉันไป?”
สิ้นเสียง สั่งบอดี้การ์ดให้นำตัวหลินเวยออกไป
“ฉีเซิน หากเธอเกิดอะไรขึ้นเพียงแม้แต่น้อย ฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่นอน”
“พูดอะไร แม่ ผมเป็นลูกชายของคุณนะ คุณจะปล่อยผมไปได้อย่างไร?” ฉีเซินหยอกล้อ
“หากแกปล่อยเวินจิ้งไป ฉันจะให้เงินทุนกับบริษัทฉีซื่อ ฉันจะไม่ปล่อยให้บริษัทฉีซื่อต้องพังพินาศ” หลินเวยพูดอย่างโหดร้าย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉีเซินหยุดครู่หนึ่ง หันไปมองเธอด้วยความเคร่งขรึม “ตอนนี้ผมไม่เพียงแค่ต้องการบริษัทฉีซื่อ ผมยังต้องการเวินจิ้ง”
มู่วี่สิงทำร้ายเขา งั้นเขาก็จะแย่งผู้หญิงที่เขาชอบมากที่สุดมา ปล่อยให้เขา ได้ยอมรับกับความเจ็บปวด
“แกอย่าบ้า เวินจิ้งไม่ใช่คนที่แกจะแตะต้องได้!” หลินเวยโกรธมาก
แต่ฉีเซินไม่ได้สนใจ “แม่ คุณสบายใจได้ ผมจะไม่ทำร้ายเธอ ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ?”
หลินเวยเม้มปาก ความทะเยอทะยานของฉีเซินปรากฏขึ้น
“กลับไปเถอะ ระยะนี้อย่าออกจากบ้าน” ฉีเซินดันเธอขึ้นรถ มองดูรถออกไป เขาถึงจะไปที่รถอีกคัน
เวินจิ้งอยู่ตรงระเบียงตลอด เห็นว่าฉีเซินออกไป และคุณแม่ก็ถูกเขาส่งตัวออกไปแล้ว
แต่ บอดี้การ์ดข้างนอกเพิ่มความเข้มงวดขึ้น
…
บริษัทมู่ซื่อ
มู่วี่สิงมองตำแหน่งที่อยู่ในมือถืออย่างชัดเจน หยิบกุญแจรถแล้วออกไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถที่ไม่รู้จักคันหนึ่งขับเข้ามาในวิลล่า
เสียงของเครื่องยนต์ทำให้เวินจิ้งลืมตาขึ้น ฉีเซินกลับมาแล้วเหรอ?
เธอหลับตาลง ร่างกายสั่นเล็กน้อย
จนกระทั่งทีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอมองไปทางประตูอย่างระวัง
หากเป็นฉีเซิน เขาไม่เคยเคาะประตู
“ใคร?”
“มู่เหิง”
สิ้นเสียง ประตูถูกผู้ชายเปิดออก
เวินจิ้งมองเขาด้วยความสงสัย ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นมาจากโซฟาทันที
“คุณ…” เวินจิ้งขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้
มู่เหิงสามารถเข้ามาในนี้ได้ อย่างนั้นก็เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกเดียวกับฉีเซิน
“เจอฉันคาดไม่ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?” มู่เหิงนั่งลงข้างๆ ขาวยังไขว่ห้างไว้ ด้วยท่าทางสบายๆ
“ใช่คาดไม่ถึง” เวินจิ้งน้ำเสียงเย็นชา
“ฉันมาดูว่าฉีเซินได้พาตัวเธอมาจริงๆหรือเปล่า เขาไม่มีประโยชน์จริงๆ” มู่เหิงหรี่สายตาลง มองดูเวินจิ้ง ดูแล้วฉีเซินสนใจผู้หญิงคนนี้จริงๆ
อย่างน้อย กินดีอยู่ดี
“ทำไม คุณคิดจะใช้ฉันเป็นเครื่องมือในการข่มขู่มู่วี่สิงเหรอ?” เวินจิ้งพูดประชด
มู่เหิงยิ้มอย้างเยือกเย็น “ตอนแรกฉันคิดว่าเธอกับมู่วี่สิงหย่ากันแล้ว เขาจะลืมเธอ แต่ฉันคิดว่ามันไม่ใช่แบบนั้น ในเมื่อเธอมีคุณค่า น้องชายคนนั้นของฉันก็จัดการกับเขาได้ยาก ต้องใช้วิธี ไม่ใช่เหรอ?”
น่ารังเกียจ
เวินจิ้งด่าในใจ สีหน้าเย็นชามาก
“ด่าฉันในใจเหรอ? ฉันก็เป็นคนแบบนี้ ใครให้ตั้งแต่เล็กจนโต คุณปู่ก็ลำเอียงรักแต่มู่วี่สิง แม้ว่าเขาจะได้เป็นคุณหมอ ก็ยังคงเอาบริษัทมู่ซื่อเหลือให้เขา ฉันก็เป็นหลานชายของเขา ช่างไม่ยุติธรรมเลย
“นั่นเพราะคุณไม่มีความสามารถ” เวินจิ้งโต้แย้ง
เรื่องบางอย่างของตระกูลมู่เธอรู้ดี อย่างน้อยในแง่ของความสามารถทางธุรกิจ มู่เหิงกลับเทียบกับมู่วี่สิงไม่ได้เลย”