บทที่ 378 ฉันยอมให้เธอเกลียดฉัน
กลางคืน เวินจิ้งไม่คิดว่ามู่วี่สิงจะให้หลิงเหยามา
เธอยังเอาหนังสือมาให้เธอไม่น้อย
หนึ่งชั่วโมงก่อนได้รับสายจากมู่วี่สิงทำให้แปลกใจมาก ก็รีบมาทันที
“ว่าไงนะ มู่วี่สิงเอามือถือเธอไว้…มิน่า ฉันส่งข้อความหาเธอก็ไม่ตอบกลับสักที” หลิงเหยาพูดกะทันหัน
“แต่ว่าที่มู่วี่สิงต้องทำแบบนี้ต้องมีเหตุผล เขาก็ไม่ใช่คนโรคจิตอะไร” นี่เป็นสิ่งที่หลิงเหยากลับไปคิดเมื่อคืน
โรคจิต
เมื่อได้ยินคำนี้ เวินจิ้งกลับเห็นด้วย
“เขาเป็นแบบนั้น” เวินจิ้งพูดเสียงเย็นชา
“เมื่อกี้เขาโทรหาฉัน น่าจะอยากให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ ยังเตือนให้ฉันเอาหนังสือมาให้เธออ่าน”
ไม่ว่าหลิงเหยาจะพูดแบบนี้ เวินจิ้งก็ไม่สามารถเข้าใจมู่วี่สิงได้
“ตอนนี้ฉันแค่อยากรีบออกจากโรงพยาบาล” นี่เป็นความคิดของเวินจิ้ง
“ฉันดูแล้วคงต้องใช้เวลาอีกหน่อย เธอผ่าตัด ต้องตรวจเช็คทุกวัน” หลิงเหยาเปิดดูเวชระเบียนของเวินจิ้ง
“ฉันอยากย้ายโรงพยาบาล นี่เป็นสถานที่ของมู่วี่สิง ฉันหไม่อยากถูกเขาควบคุม”
หลิงเหยามองเวินจิ้งด้วยความเจ็บปวด แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจการกระทำของมู่วี่สิง แต่ที่นี่ เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของหนานเฉิง
เวินจิ้งอยู่ที่นี่สามารถได้รับการรักษาที่ดีที่สุด
อีกอย่าง มู่วี่สิงเป็นหมอ มีเขาอยู่ หลิงเหยาสบายใจ
“เธอคิดอย่างนี้จริงเหรอ?” หลิงเหยาขมวดคิ้ว
“อืม แต่ว่าฉันไม่มีมือถือ ไม่สามารถติดต่อแม่ได้” ในสายตาของเธอ หลินเวยเป็นคนเดียวที่สามารถพาเธอออกไปจากที่นี่ได้
“ฉะนสามารถช่วยเอติดต่อได้ แต่ว่า พี่ชายบอกกับฉันว่า มู่วี่สิงมีบางอย่างที่ต้องทำ เขาปกป้องเธออยู่”
“เขากำลังกักขังฉัน” เวินจิ้งหน้าเข้ม
เวลานี้คำพูดอะไรก็ฟังไม่เข้าหู โกรธมา
ตั้งแต่มู่วี่สิงย้ายโรงพยาบาลให้เธอเป็นการส่วนตัว แล้วก็เอามือถือของเธอไป เธอไม่สามารถให้ตัวเองเชื่อเขาได้
“เธออย่ามองในแง่ร้าย แบบนี้ไม่ดีต่อการฟื้นฟูร่างกาย เฮ้อ ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว…” หลิงเหยาก็ยุ่งเหยิงไปหมด
มองออกถึงความเป็นห่วงของหลิงเหยา ใบหน้าของเวินจิ้งถึงจะปรากฏรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย “เหยาเหยาขอบใจที่เธอมาดูฉัน ที่จริงฉันก็แค่บ่นๆ กองกำลังของมู่วี่สิงฉันพอจะรู้ เขาไม่อนุญาตให้ฉันออกจากโรงพยาบาล ฉันก็ไม่สามารถออกไปได้ ได้แค่รอ”
“ฉันให้พี่ชายช่วยหาวิธี”
ทั้งสองคนใช้เวลาคุยกันไม่นาน เวินจิ้งจำเป็นต้องตรวจ เวลาก็ดึกแล้ว หลิงเหยาก็ใกล้ถึงเวลาต้องกลับไปแล้ว
เห็นมู่วี่สิงออกมา หลิงเหยาขวางเขาไว้
ราศีของมู่วี่สิวเหมือนว่าจะแข็งแกร่ง ตอนที่เผชิญหน้ากับเขา หลิงเหยาประหม่าเล็กน้อย
“คุณหนูหลิง ที่อยู่ของเวินจิ้งโปรดเป็นความลับ” มู่วี่สิงเปิดปากก่อน
“ทำไมฉันต้องฟังคุณ” หลิงเหยาโต้แย้ง
“หากไม่เชื่อฟังฉัน เธอก็อยู่ที่นี่ไม่ต้องออกไปแล้ว” มู่วี่สิงพูดเรียบๆ
ตอนที่เผชิญหน้ากับคนอื่น ความอดทนของเขามีจำกัด
“คุณน่าจะรู้ หากเป็นแบบนี้ต่อไป เธอจะเกลียดคุณ”
ความเจ็บปวดและความพยายามของเวินจิ้งอยู่ในสายตาของเธอ
“ฉันยอมให้เธอโกรธฉัน”
หลิงเหยามองดูมู่วี่สิงด้วยความประหลาดใจ ไม่ได้พูดอะไรชั่วคราว
เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเวินจิ้งที่มีต่อมู่วี่สิง แต่มู่วี่สิง เธอมองเขาไม่ออกจริงๆ
ออกจากโรงพยาบาล หลิงอี้รอเธออยู่ข้างนอก
หลิงเหยาหยุดพูด
“อยากพูดอะไร?” หลิงอี้รู้ความคิดของน้องสาว
“เราสามารถพาเวินจิ้งออกมาได้ไหม?” หลิงเหยาถาม
ตอนนี้อารมณ์ของเวินจิ้งต่ำมาก เธอกลัวว่าจะมีผลกระทบกับการพักฟื้นของเธอ
อีกอย่าง เธอดูออกว่าเวินจิ้งอึดอัดมาก
เธอแค่อยากออกไป
“เธอเป็นยังไงบ้าง?” หลิงอี้ถามด้วยความเป็นห่วง
เรื่องของเธอ เขาพยายามควบคุมไม่ให้ไปใส่ใจ แต่ก็อดไม่ได้
“ตอนนี้มู่วี่สิงกักตัวเธอไว้ มือถือก็ยึดไป ไม่ให้เธอติดต่อกับใคร”
“ร่างกายของเธอยังไม่ดีขึ้นมาก อาจจะต้องนอนโรงพยาบาลสักระยะ” หลิงอี้ขมวดคิ้ว
“แต่เวินจิ้งสถานการณ์ไม่ดี จะรักษาร่างกายได้ยังไง มู่วี่สิงกำลังบังคับเธอ” น้ำเสียงของหลิงเหยาร้อนใจเล็กน้อย
หากเป็นเธอ ที่ถูกกักขังไว้ในห้องผู้ป่วย ไม่มีมือถือ ติดต่อกับใครไม่ได้ แค่หนึ่งชั่วโมงเธอก็จะบ้าตายแล้ว
นับประสาอะไรกับสถานการณ์ของเวินจิ้งที่อยู่ที่นี่มาสองวันติดแล้ว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของหลิงอี้เคร่งขรึม เมื่อมองไปที่โรงพยาบาลที่ได้รับการคุ้มกันไว้ การที่จะพาเวินจิ้งออกไป ยากมาก
“ถ้าหากเธอดีขึ้นแล้วยังไม่ปล่อยตัวเธอ เราค่อยหาวิธีพาเธอออกมา”
ก็พิจารณาถึงสุขภาพร่างกายของเวินจิ้งด้วย
หลิงเหยาเชื่อพี่ชาย ก็คงก็เป็นแบบนี้
สามวันต่อมา
เช้าวันนี้เป็นวันที่คดีหมิ่นประมาทของฉินเฟยเริ่มขึ้น หลักฐานมั่นคง ฉินเฟยถูกตัดสินจำคุกหนึ่งปี เข้าคุกทันที
ฉีเซินและมู่เหิงมาที่ศาล
“การเคลื่อนไหวของมู่วี่สิงเร็วมาก เกรงว่าเรื่องของฉินเฟยจะถูกตรวจสอบอีก” ฉีเซินหรี่สายตา
“ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหาที่อยู่ของเวินจิ้งให้พบก่อน” สีหน้าของมู่เหิงเคร่มขรึมมาก
“ฉันเจอแล้ว แต่ว่าไม่สามารถลงมือได้”
“ตอนนั้นนายส่งเธอไปโรงพยาบาลเพื่อขอความช่วยเหลือ ก็รู้สึกเสียใจ ฉันไม่เชื่อว่านายจะลงมือกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ” มู่เหิงพูดเสียงเย็นชา
“หากเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ เราเอาอะไรไปขู่มู่วี่สิง รอข่าวจากฉัน ภายในหนึ่งสัปดาห์ ฉันจะพาตัวเธอออกมา” ฉีเซินพูด
“ฉันรับฟังไว้ก่อน ระยะนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยากำลังจับตาดูนายอยู่ ยาตัวใหม่ของนายตอบสนองได้ดี คว้าส่วนแบ่งการตลาดจำนวนมากของบริษัทมู่ซื่อ
“อย่างนั้นต้องรบกวนประธานมู่ช่วยเหลือ” ฉีเซินเผยรอยยิ้มที่เยือกเย็น
…
โรงพยาบาลหนานเฉิง
เวินจิ้งให้ความสนใจกับการเรียนทุกวัน ในที่สุดอารมณ์ของเธอก็ค่อยๆปรับเปลี่ยน
และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ไม่เห็นมู่วี่สิงอีกเลย ข้างกายมีเพียงหลี่ซานที่คอยดูแลเธอ
รู้ว่าเธอเป็นคนของมู่วี่สิง เวินจิ้งไม่ได้พูดคุยกับเธอมากนัก
ช่วงนี้หลิงเหยายุ่งกับการเรียน จนวันศุกร์ถึงจะได้มาเยี่ยมเธอ
“เธอจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่ ห้องพักมีแค่ฉันคนเดียว หากในไหนฟ้าร้องฉันตกใจจนร้องไห้” หลิงเหยาใบหน้าเล็กลำบากใจ
เวินจิ้งยิ้มๆ “เหมือนว่าสัปดาห์หน้าจะได้ออกไปแล้วการตรวจของเช้าวันนี้ไม่ค่อยแข็งแล้ว แต่ยังไงก็ต้องตรวจอยู่ดี”
“งั้นก็ดี การบ้านของเธอส่งให้ฉันเถอะ ฉันช่วยเธอส่งให้ศาสตราจารย์ไป๋สือ”
แม้ว่าเวินจิ้งจะนอนโรงพยาบาล แต่ยังคงเรียนรู้อย่างแน่วแน่ รักษาการพูดคุยกับไป๋สือ
“เธอขยันจริงๆ ที่หอพักไม่มีเธอมากระตุ้นให้ฉัน ฉันขี้เกียจจะตายอยู่แล้ว”
“งั้นก็ไปห้องสมุด เธอชอบไปเดทกับเจียงฉือไม่ใช่เหรอ?”
“ใครชอบไปเดทกับเขากัน!” เมื่อพูดถึงชื่อนี้ แก้มของหลิงเหยาก็แดงขึ้นมาอัตโนมัติ
“พวกเธอไปห้องสมุดศึกษาด้วยกันได้ ให้เขากระตุ้นเธอ”
“ไม่เอาไม่เอา เวินจิ้ง ฉันไม่ได้อะไรกับเขา”
“ฉันก็ไม่ได้พูดว่าเธอไปอะไรกับเขา” รอยยิ้มของเวินจิ้งแอบแฝงมากขึ้น
หลิงเหยาทำแก้มตุ่ย ทั้งสองคนเริ่มพูดเล่นกันในห้องผู้ป่วย
มู่วี่สิงยืนอยู่นอกประตู มองดูรอยยิ้มที่หายไปนานของเวินจิ้ง ตอนที่เผชิญหน้ากับเขา เธอไม่ได้ยิ้มอย่างจริงใจแบบนี้มานานแล้ว
หันตัว เขาก็ออกจากโรงพยาบาล