flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 339 ยากที่จะควบคุมอารมณ์

บทที่339 ยากที่จะควบคุมอารมณ์

ครั้งนี้ มู่วี่สิงไม่ได้กอดเธอ แต่เธอกลับลากแขนของมู่วี่สิงไว้

เวินจิ้งอึกอัก รีบปล่อยมือออก

“บรรยายติดต่อกันตั้งสามชั่วโมง ผมหิวนิดหน่อย ทุกคนให้ผมไปกินข้าวได้ไหม? ” เสียงที่อบอุ่นของมู่วี่สิงดังขึ้น

ถึงแม้มีคนผิดหวัง แต่มู่วี่สิงพูดอย่างนี้ ทุกคนก็ค่อยๆเปิดทางออก

เวินจิ้งเดินอยู่ด้านหน้า มู่วี่สิงไม่รีบร้อนเดินตามหลังเธอ

หลิงเหยาเห็นเวินจิ้งมาตั้งแต่ไกลแล้ว และก็เห็นมู่วี่สิงที่อยู่ด้านหลังเธออีก รีบวิ่งเข้ามา “ไหนบอกว่าจะไม่มาไง? ”

“โง่แล้ว ” เวินจิ้งก็ให้คำอธิบายกับการกระทำของตัวเองไม่ได้

หลิงเหยาหัวเราะอย่างมีเลศนัย “ฉันว่าคุณอ่ะอยากมาเจอมู่วี่สิง ”

มู่วี่สิงที่อยู่ด้านหลัง ได้ยินคำพูดนี้อย่างธรรมชาติ

“พวกเรากลับหอพักกันเถอะ ” เวินจิ้งพูด

“ได้เวลากินข้าวเย็นแล้ว ไปกินข้าวก่อนเถอะ ”

พูดจบ หลิงเหยาก็ลากเวินจิ้งไปที่โรงอาหาร

คิดไม่ถึงว่าเพิ่งนั่งลง มู่วี่สิงก็เดินเข้ามาแล้ว

รอบตัวเขาถูกล้อมรอบไปด้วยนักเรียนมากมาย ถึงกระทั่งสั่งอาหารให้เขาเรียบร้อยแล้ว จองที่นั่งให้เรียบร้อยแล้ว

เวินจิ้งเพิ่งนั่งลง ก็ค้นพบว่าทั้งโรงอาหารมีโต๊ะตัวเดียวที่ว่างอยู่

เพราะฉะนั้น มู่วี่สิงก็กินข้าวที่โต๊ะนี้เหมือนกัน……

หลิงเหยาหัวเราะ “โอ้โห ความโชคดีของคุณนี้ทำให้นักเรียนทั้งโรงเรียนอิจฉาตาร้อนจริงๆ ยังได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับมู่วี่สิงอีก ”

เวินจิ้งฉีกยิ้มมุมปาก “อย่าพูดซี้ซั้ว งั้นฉันก็ห่อกลับหอก็ได้ ”

“เจอะเจอะ(เสียงจุปาก) คุณกลัวมู่วี่สิงขนาดนี้เลยเหรอ? ”

“เปล่า ก็แค่ไม่อยากเห็นหน้าเขา ” เวินจิ้งปรายตาลง

เขาที่อยู่ตรงข้ามนั้น ยากที่จะควบคุมอารมณ์

“คุณพูดว่ารักเขารักเขามากจะตาย แล้วทำไมต้องหย่ากัน? ” หลิงเหยามองมาที่เธอ

คิดคำพูด “หรือว่า เป็นเพราะซือซือ? ”

เวินจิ้งสีหน้าเปลี่ยน “ฉันกับเขาไม่เหมาะสมกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ”

“ไม่เหมาะสมกันก็สามารถปรับเข้ากันได้! ”

คำพูดนี้ หลิงเหยาหยุดชะงักไปครู่หนึ่งอยากที่จะกัดลิ้นตัวเองจริงๆ!

เธอยืนข้างพี่ชายเธอเสมอ

สีหน้าของเวินจิ้งยังคงความเย็นชา จากมุมหนึ่งของดวงตา มู่วี่สิงถูกนั่งล้อมไปด้วยนักเรียนผู้หญิง มีบางครั้งที่ถามถึงเรื่องส่วนตัวของเขา มู่วี่สิงก็ไม่มีท่าทางที่รำคาญอะไรเลย

เธอขมวดคิ้วกลัดกลุ้ม ดูเหมือนว่ามักจะควบคุมควบรู้สึกไม่ได้ชอบสนใจเขาตลอด

ในเวลานี้ เสียงโทรศัพท์ของหลิงเหยาดังขึ้น เป็นสายของพี่ชาย

เขามาโรงเรียนแล้ว

“พวกเราอยู่โรงอาหาร ที่นั่งติดฝั่งหน้าต่าง ”

“ใครจะมา? ” เวินจิ้งถามอย่างสงสัย

“พี่ชายฉัน ”

หลิงอี้มาถึงแล้ว สั่งอาหารแล้วนั่งลงข้างๆเวินจิ้ง

หลิงเหยาพูดกัดเขา “โอ้ พี่กินอาหารของโรงอาหารพวกเราได้เหรอ? ”

หลิงอี้หัวเราะ “พี่ว่าอาหารโรงอาหารไม่เลวนะ รสชาติอร่อย ”

คำพูดที่ออกมาจากปากประธานหลิงนี้ ก็มีความแปลกๆนิดนึง

“ประธานหลิงอย่าบังคับตัวเองเลย ” เวินจิ้งพูดนิ่งๆ

“คุณรู้สึกว่าผมบังคับตัวเองเหรอ? ” หลิงอี้เลิกแขนเสื้อขึ้น และหยิบน่องไก่ขึ้นมากิน

เวินจิ้งยิ้มโดยไม่รู้ตัว หลิงอี้ที่สวมใส่ชุดสูททั้งตัวนั่งแทะน่องไก่ เป็นภาพที่กลมกลืนกันดี

เดิมทีอารมณ์ที่ตื่นเต้นก็ลดลงมาไม่น้อย รอยยิ้มของเธอเข้าไปในสายตาของมู่วี่สิง

เวินจิ้งจะขอตัวกลับก่อน หลิงอี้ส่งผู้หญิงทั้งสองคนกลับหอพัก

“พี่ พี่มาเป็นห่วงฉัน หรือว่าเป็นห่วงเวินจิ้งกับแน่? ” หลิงเหยาจงใจถาม “ปกติผ่านไปหลายเดือนถึงจะได้เจอพี่ครั้งหนึ่งนะ ตอนนี้เจอพี่เป็นประจำทุกวันแล้ว ”

“พ่อให้พี่มาดูเรานั่นแหละ กลัวว่าคุณจะก่อเรื่อง ”

“ฉันก่อเรื่องไม่เป็นสักหน่อย มีเวินจิ้งที่น่ารักเชื่อฟังเป็นเด็กดีอยู่ข้างๆ ฉันจะก่อเรื่องอะไรได้? ”

เวินจิ้งยิ้มๆ “ฉันจะดูหลิงเหยาเอง ”

ที่จริงหลิงเหยาก็มีดื้อซนบางนิดหน่อย นักศึกษาแพทย์ยุ่งมาก จะเอาเวลาไหนไปทำเรื่องอื่น

“งั้นก็ดี สุดสัปดาห์นี้มีแผนไปไหนไหม? มีคอนเสิร์ตดนตรีหนึ่ง พวกคุณสองคนสนใจไหม? ” หลิงอี้ยืนตั๋วสองใบออกมา

เป็นการแสดงบรรเลงดนตรีไวโอลิน อยู่ที่หอประชุมดนตรีข้างๆมหาวิทยาลัยหลินไห่

“แน่นอน ยากที่พี่ชายฉันจะเลี้ยงให้ไปดูคอนเสิร์ต ฉันไปแน่นอน เวินจิ้ง คุณคงไม่ปฏิเสธนะ? ”

“ฉันอาจจะไม่มีเวลา ”

พรุ่งนี้เธอต้องไปบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป มะรืนก็ต้องมีเรียนอีกมากมาย

อีกอย่าง เธอไม่อยากอยู่ใกล้หลิงอี้

“เวลาเบียดกันหน่อยก็มีเวลาแล้ว ฉันไม่อยากไปกับพี่ชายฉันคนเดียว พวกเราผู้หญิงสองคนยังพูดคุยกับได้ ถ้าไปกับพี่ชายคนเดียว ก็น่าเบื่อแย่ ” น้ำเสียงของหลิงเหยามีความอ้อนนิดๆ

“งั้นก็ตกลงแบบนี้แล้วนะ วันเสาร์ตอนเย็นผมจะมาพวกคุณ ”

เวินจิ้งยังไม่เปิดปาก หลิงอี้ก็ยอมรับโดยดุษณีว่าเธอตอบตกลงแล้ว

“งั้นพวกเรากลับกันแล้ว ”

หลิงเหยาดึงเวินจิ้งเดินขึ้นหอพัก

เวินจิ้งอยากจะพูด หลิงเหยาก็พูดตัดเธอขึ้นมา “ห้ามปฏิเสธนะ คุณก็คิดซะว่าไปเป็นเพื่อนฉัน โอเคไหม? ”

“ฉันกลับมาจากบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก็ดึกมากแล้ว ”

“งั้นฉันให้พี่ชายฉันไปรับคุณที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เวินจิ้ง คุณให้โอกาสพี่ชายฉันเถอะ? ฉันว่าถ้าคุณอยากที่จะตัดใจจากมู่วี่สิง วิธีที่ดีที่สุดก็คือเอาความรู้สึกเปลี่ยนไปให้ผู้ชายอีกคน ”

ได้ยินคำพูดนั้น เวินจิ้งตกตะลึง

“แต่ก็ไม่ใช่หลิงอี้ ”

ครั้งหนึ่งเขาเคยพยายามใช้กำลังบังคับเธอ นั้นเป็นสิ่งที่เธอจะไม่มีวันลืม

“คุณไม่ไปจริงๆ? ” หลิงเหยามองสีหน้าเวินจิ้งอย่างยืนหยัด พูดอย่างน้อยใจว่า “ไปเป็นเพื่อนฉันก็ไม่ไป? ”

“ไปเป็นเพื่อนคุณไปได้แน่นอน ”

“งั้นพูดแล้วนะ ”

“เหยาเหยา……”

“……”

วันถัดมา เวินจิ้งไปบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปตั้งแต่เช้าแล้ว

ไม่ใช่วันทำงาน พนักงานบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไม่ค่อยเยอะ

มู่วี่สิงกลับไม่ได้อยู่ในห้องทดลอง เวินจิ้งเดินไปกับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบค้นคว้าวิจัยอย่างตั้งใจ

“วันนี้ประธานมู่ไม่เข้ามาเหรอ? ” เพื่อนร่วมชั้นเรียนผู้ชายที่อยู่ข้างๆถามขึ้น

“ปกติก็จะมา เขาไม่ได้บอกผม ” ผู้รับผิดชอบพูด

“วันนั้นเขาไปบรรยายที่โรงเรียนของพวกเรา ผมยังไม่ได้มีโอกาสที่จะสอบถามเลย คนเยอะมากจริงๆ ยังคิดว่าวันนี้จะสามารถถามปัญหาของภาควิชากับเขาได้สักหน่อย ”

“ประธานมู่มีธุระมากมายเลยล่ะ เขาไม่มาก็เป็นเรื่องปกติ อีกอย่างเขาก็จะไม่ได้ไปสอนที่โรงเรียนของพวกคุณแล้วเหรอ หลังจากนี้มีโอกาสเยอะเลย ”

“เขาเป็นศาสตราจารย์ด้านประสาทและสมอง เวลาเรียนก็คงได้แต่เจอนักเรียนภาควิชาประสาทและสมองเท่านั้นแหละ เฮ้อ เวินจิ้งคุณไม่ใช่? ”

เวินจิ้งดึงสติกลับมา “หือ ”

“ถ้ามีคาบเรียนกับศาสตราจารย์มู่จริงๆ จำเป็นต้องจองที่นั่งให้ผมด้วยนะ ”

“ใช่ใช่ อิจฉานักเรียนภาควิชาประสาทและสมองอย่างพวกคุณจริงๆ ”

บนใบหน้าของเวินจิ้งไม่มีรอยยิ้มใดๆเลย มีแต่ความกลัดกลุ้มใจ

เธอรู้ความสามารถของมู่วี่สิง ในโรงเรียนดึงดูดผู้คนมากมาย ไม่เพียงแต่มีใบหน้าที่หล่อเหลา แถมยังมีความสามารถที่เก่งกว่าคนอื่นอีกด้วย

“นักเรียนภาควิชาประสาทและสมองไม่เยอะ ในห้องเรียนมีที่นั่งว่างมากมาย ” เธอพูด

“คุณต้องบอกพวกเราก่อนนะ ”

เวลาทั้งวันในการค้นคว้าวิจัยผ่านไปอย่างรวดเร็ว หกโมงแล้ว สายโทรศัพท์ของหลิงอี้โทรเข้ามา

“ผมอยู่ที่หน้าประตูของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว ตอนนี้คุณสามารถออกมาได้แล้วหรือยัง? ”

เวินจิ้งเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ต้องไปฟังคอนเสิร์ต

“อืม ใกล้แล้ว ”

“ผมรอคุณ ”

วางสายโทรศัพท์ลง เวินจิ้งหมุนตัวกลับ กลับไม่รู้ว่ามู่วี่สิงมายืนอยู่ข้างเธอตั้งแต่เมื่อไร

เมื่อกี้เธอไม่ได้สังเกต ทั้งตัวชนเข้าไปในอ้อมกอดของเขา

เธอรีบดึงตัวกลับทันที รักษาระยะห่างกับเขาเอาไว้

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset