บทที่ 311 ไม่อยากเจอฉันขนาดนั้นเลยเหรอ
มู่วี่สิงเปิดไฟ พยุงเวินจิ้งให้ลุกขึ้นนั่ง
“ฉันไปซื้อของกินมาให้เธอ”
เวินจิ้งรู้ว่าหากตัวเองปฏิเสธ เขาก็ต้องไปซื้ออยู่ดี และก็ไม่พูดอะไร
มู่วี่สิงออกไปแล้ว ไม่นานหลิวอี้ก็เดินเข้ามา
เวินจิ้งรู้สึกหงุดหงิด ไม่อยากเผชิญหน้ากับมู่วี่สิงและไม่อยากเผชิญหน้ากับหลิงอี้
“ขอโทษ”
หลิงอี้เอ่ยปาก เป็นการขอโทษจากใจ
เมื่อครู่อยู่ข้างนอกห้องผู้ป่วย เขาไม่กล้าเข้ามา
ความทุกข์ครั้งนี้ของเวินจิ้ง ไม่สามารถกำจัดความสัมพันธ์กับเขาได้
เป็นเขาที่ดิ้นรนที่จะพาเธอไปเขาเทียนเฉิง
เดิมอยากให้เธอผ่อนคลายจิตใจ แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้
“ถ้าหากคุณอยากจะขอโทษจริงๆ งั้นคุณก็ช่วยอยู่ให้พ้นสายตาของฉัน” เวินจิ้งพูดเรียบๆ
เธอไม่อยากเจอเขา
“อืม เวินจิ้ง จำคำพูดของฉันไว้ อย่าเข้าใกล้มู่วี่สิงมากเกินไป” หลิงอี้เตือน
สิ้นเสียง ไม่รอเวินจิ้งตอบ เขาก็เดินจากไปแล้ว
เขาไม่อยากได้ยินคำปฏิเสธของเวินจิ้ง
ตรงหน้าของเธอ เขามีความรู้สึกอยากหลบหนี หงุดหงิดและตำหนิตัวเอง
คำพูดของเขา เวินจิ้งหม่เก็บมาใส่ใจ
เธอก็ไม่อยากเข้าใกล้มู่วี่สิง แต่เขาก็ยังดั้นด้นที่จะปรากฏต่อหน้าเธอ
แม้ว่า ทั้งสองจะหย่ากันแล้ว
ไม่นานอั้ยเถียนก็เข้ามา เมื่อเห็นมือและขาของเวินจิ้งถูกพันทั้งตัว จึงร้องไห้อยากอนาถ
เวินจิ้งหัวเราะ “ฉันยังไม่ตาย แค่บาดเจ็บเล็กน้อย”
“บาดเจ็บเล็กน้อยก็ร้ายแรง ไหนลองพูดสิว่าปีนแค่เขาทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ ถอยหลังเข้าคลองน้ำ!” อั้ยเถียนนั่งลงข้างเธอ
ดูอาการของเวินจิ้ง เพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงถึงจะโล่งใจ
“หลิงอี้อยู่ข้างกาย ก็ไม่เคยมีเรื่องดี” เวินจิ้งใบหน้าเล็กขมวด เมื่อนึกถึงหลิงอี้พาเธอมากักไว้อยู่ที่บ้านหลิง ทั้งหงุดหงิดทั้งโกรธ
“หลิวอี้? ทำไมเธอถึงไปอยู่กับเขาได้?” อั้ยเถียนสงสัย
“เขา…ช่างเถอะ ไม่อยากพูดถึงเขา” เวินจิ้งส่ายหน้า และไม่อยากเอ่ยถึงอีก
เพียงแค่หวังว่ากลับไปหนานเฉิง จะไม่เจอเขาอีก
ขณะนี้ ฝีก้าวดังเข้ามา มู่วี่สิงซื้อโจ๊กกลับมา
อัเยเถียนเจอเขา ก็อึ้งไปชั่วขณะ
สองคนนี้หย่ากันแล้วไม่ใช่เหรอ…
อีกอย่างที่นี่คือประเทศบี ไม่ใช่หนานเฉิง
มองดูมู่วี่สิง และมองเวินจิ้ง อั้ยเถียนอุทาน “พวกเธอคืนนี้กันแล้วเหรอ?”
เมื่อได้ยินที่พูด เวินจิ้งอึ้ง อยากจะปิดปากของอั้ยเถียนจริงๆ
“ไม่ใช่แน่นอน เขาแค่ผ่านมา” เวินจิ้งพูดส่งๆ
มู่วี่สิงยกริมฝีปาก และไม่ได้โกรธ
“หากไม่ใช้เพราะฉันผ่านเขาเทียนเฉิงพอดี ตอนนี้เธอก็คงถูกโยนทิ้งกลางป่าไปแล้ว”
เวินจิ้ง: …
เธอไม่มีทาง!
แต่เมื่อได้ยินเสียงฝนฟ้าคะนองจากข้างนอก เวินจิ้งตกใจ
สายตาของอั้นเถียนมองทั้งสองคน บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอย่างมีความหมาย “ที่แท้เป็นคุณหมอมู่ที่ช่วยจิ้งจิ้งของเราไว้”
“มิน่าเธอถึงบอกให้ฉันค่อยมาพรุ่งนี้ ที่แท้อยากมีไฟ” อั้ยเถียนขมวดคิ้วใส่เธอ
เวินจิ้งถลึงตาใส่เธอ
ตอนนี้หากเธอขออยู่คุยกับอั้ยเถียน มู่วี่สิงก็รีบออกไปอย่างรวดเร็ว
ช่วยเธอวางโต๊ะให้เรียบร้อย มู่วี่สิงแกะโจ๊กออกให้เธอ
“เดี๋ยวค่อยกิน ตอนนี้ยังร้อนมาก” เขาพูดอย่างเอาใจใส่
“ออ คุณมู่ ตอนนี้คุณก็ออกไปได้แล้วใช่ไหม?” เวินจิ้งมองเขา
“คุณอั้ย คืนนี้ไม่รบกวนคุณแล้ว พรุ่งนี้ผมจะส่งเธอกลับไปเอง” มู่วี่สิงพูดกับอั้ยเถียน
อั้ยเถียนมองเวินจิ้งแล้วมองมู่วี่สิง เธอเลือกที่จะฟังมู่วี่สิง!
เพื่อความสุขของเวินจิ้ง
อั้ยเถียนลุกขึ้นยืน เวินจิ้งย่นใบหน้าเล็กของเธอด้วยความไม่พอใจ ทั้งที่ใบหน้าเขียนไว้ว่า “อย่าไป”แต่อั้ยเถียนกลับปลอบใจเธอ “พอแล้ว ฉันก็ง่วงแล้ว เธอก็อย่าทรมานฉันเลย ในเมื่อคุณหมอมู่ก็อยู่ ฉันก็วางใจมอบให้เขา”
“อั้ยเถียน เธอกำลังพูดอะไร…”
“โอเค บ๊าบบาย ที่รัก…พรุ่งนี้ฉันค่อยมาเยี่ยมเธอใหม่”
มองแผ่นหลังของอั้ยเถียน เวินจิ้งก้มหน้าลงอย่างขมขื่น
ดังนั้นตอนนี้…ก็กลายเป็นว่าเธอกับมู่วี่สิงอยู่กันสองต่อสอง
เมื่อเห็นเวินจิ้งก้มหน้าลง สายตาของมู่วี่สิงไม่พอใจ
“ไม่อยากเจอฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?” น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นมาก
เวินจิ้งตกใจหมด และเงยหน้าขึ้น สายตาของใครบางคนทำให้คนกลัว
เธอกลืนน้ำลาย เป็นเวลานานที่ไม่ได้พูด
เธอแค่ไม่รู้ว่าจะคุยยังไงกับมู่วี่สิง
ทั้งๆที่เป็นความสัมพันธ์ที่หย่ากันแล้ว
ก้มลง เวินจิ้งกินโจ๊กเงียบๆ แต่ความรู้สึกที่อึดอัดนี้ก็ทำให้เธอไม่สบายใจ
โดยเฉพาะสายตาของมู่วี่สิง
ที่เฝ้ามองดูเธอเหมือนหมาป่าเสมอ…
“อะ!” ทันใดนั้น เวินจิ้งที่เหม่อลอย กัดลิ้นตัวเองอย่างไม่ทันระวัง
มู่วี่สิงรีบลุกขึ้นอย่างเป็นห่วง มองใบหน้าเล็กที่แดงของเธอ และถามอย่างตื่นตระหนก “เป็นอะไร?”
เวินจิ้งขยับปาก ถึงนึกขึ้นได้
“กัดโดนลิ้นเหรอ?”
“ยัยโง่” เห็นว่าเธอไม่เป็นไร มู่วี่สิงถึงโล่งอก
เวินจิ้งมุ่ยปาก ก็เพราะผู้ชายคนนี้อยู่ ไม่งั้นจะโง่ออกมาได้ยังไง…
วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าค่อยๆสว่าง แสงแดดส่องเข้ามาในห้อง
ตอนที่เวินจิ้งตื่นขึ้นมาก็สายแล้ว
ลืมตาขึ้นมา ในห้องผู้ป่วยกลับไม่มีใคร
เมื่อคืน…เธอนอนหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่?
ทั้งๆที่จำได้ว่าตัวเองกินโจ๊กเสร็จแล้ว มีมู่วี่สิงอยู่ เธอก็ไม่กล้านอน
ต่อมา เหมือนว่าเขาจะนั่งลงข้างเธอ และดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน
เธอดิ้นไม่ออก ต่อมา…
เธอเคาะหัวตัวเองเบาๆอย่างหงุดหงิด นอนหลับลงไปได้อย่างไร…
เวลานี้ มีเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก มู่วี่สิงเดินเข้ามา
เขายื่นมือถือให้เวินจิ้ง “ซิมการ์ดของเธอฉันช่วยเธอใส่เข้าไปให้แล้ว”
“ขอบคุณ” เวินจิ้งรับมันมา แปลกใจเล็กน้อย
เธอคิดว่าจะหามือถือไม่เจอแล้ว ไม่คิดว่าแค่คืนเดียว มู่วี่สิงก็ช่วยเธอหามันกลับมาได้
นี่ถือว่า เธอติดค้างเขาอีกแล้ว
แต่เรื่องราวระหว่างเธอกับเขานั้นไม่ชัดเจนในตอนแรก
“จะกลับไปหนานเฉิงตั้งแต่เมื่อไหร่?” เวินจิ้งถาม
“อีกหนึ่งชั่วโมง เมื่อกี้ไปช่วยเธอทำเรื่องออกโรงพยาบาล”
เวินจิ้งไม่คาดคิดว่า มู่วี่สิงจะให้เธอนั่งเครื่องบินส่วนตัว
“มู่วี่สิง ฉันนั่งเครื่องบินกลับคนเดียวก็ได้” เวินจิ้งถอยหลังอีกครั้ง
มู่วี่สิงจับข้อมือของเธอไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว พาตัวเธอเข้าไปห้องโดยสาร
“มู่วี่สิง!” เวินจิ้งจ้องเขาด้วยความโกรธ
“รังเกียจเครื่องบินของฉันขนาดนั้น?” ใบหน้าของผู้ชายนิ่งเงียบ
เวินจิ้งเม้มริมฝีปาก ไม่ใช่รังเกียจ เพียงแค่ตอนนี้ไม่เหมาะสมกับสถานะของเธอในตอนนี้
“ใช่ ไม่อยาก” เวินจิ้งพูดอย่างดื้อๆ
แต่ประตูห้องโดยสารตรงหน้าค่อยๆปิดลง มู่วี่สิงดั้นด้นกดเธอไว้ตรงที่นั่ง รีบรัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ
“ภรรยามู่ อย่าปากไม่ตรงกับใจ”
“คุณมู่ ฉันไม่ใช่ภรรยามู่แล้ว” เวินจิ้งพูดด้วยความโกรธ
คำเรียกนี้ มักทำให้เธอหวนนึกถึงความทรงจำของพวกเขาสองคน คอยย้ำเตือนว่าพวกเขาทั้งสองหวานกันขนาดไหน
แม้ว่าครั้งแรกที่หมั้นหมายจะเป็นการแต่งงานกระทันหัน แต่ต่อมา ความรู้สึกก็ก่อเกิดเกินการควบคุม
ในเมื่อหย่ากันแล้ว ตอนนี้เธอแค่อยากเครียร์ความสัมพันธ์ให้หมด และ ไม่พบเจอกันอีก
“งั้นก็ อดีตภรรยา?” มู่วี่สิงยกริมฝีปาก
“มู่วี่สิง ระหว่างเราสองคนไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว” เวินจิ้งพูดชัดเจนอีกครั้ง
เขาเป็นคนเริ่มหย่าก่อน คนที่ตอบรับการหย่า ก็เป็นเขา
เธอไม่มีสิทธิ์แม้จะปฏิเสธ