ตอนที่ 279 ซับซ้อนจนเธอเดาไม่ถูก
“หลายๆเรื่อง มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิด คุณนายมู่ ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงอั้ยเถียน แต่คุณคิดว่าจะหยุดไม่ให้เขาติดต่อกับเสี้ยวหงได้เหรอ” มู่วี่สิงถามไปอย่างจี้ใจดำ
เวินจิ้งเม้มปาก ตราบใดที่อั้ยเถียนยังมีใจที่จะทำ เธอเข้าไปขวางก็ไม่มีประโยชน์
เธอแค่ไม่ต้องการให้อั้ยเถียนต้องทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก
………..
งานแต่งงานผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ เวินจิ้งยังไม่ได้มีเวลาว่างเลย เธอต้องคอยอยู่เป็นเพื่อนหลินเจิ้นเกือบจะทุกวัน
ช่วงนี้คุณตาไม่ค่อยสบายอยู่บ่อยครั้ง หลินเวยได้เตรียมจะพาเขาไปรักษาที่ต่างประเทศ เดิมทีหลินเจิ้นกลับมาที่นี่ก็เพื่อเวินจิ้ง ตอนนี้งานแต่งก็เสร็จสิ้นแล้ว เรื่องต่างๆก็วางใจได้แล้ว
เวินจิ้งไม่ค่อยเต็มใจ เธอรับรู้ได้ว่าคุณตารักเธอมาก และหมอบอกไว้แล้วว่าคุณตาจะมีเวลาเหลืออีกเพียงครึ่งปี เธอจึงอยากจะอยู่กับเขาให้มากๆ
อย่างไรก็ตาม ถ้าไปต่างประเทศกับคุณตา อย่างนั้นเธอกับมู่วี่สิงก็คงจะไม่ได้เจอหน้ากัน
“เสี่ยวจิ้ง เธอคิดว่ายังไง บอกแม่สิ จะไปประเทศ B กับคุณตาหรือเปล่า ตอนนี้เธอก็ยังไม่เปิดเรียน ไปอยู่เป็นเพื่อนคุณตาสักเดือนสองเดือนมั้ย” หลินเวยพูดอย่างจริงใจ
ปกติแล้วเธอต้องจัดการเรื่องของบริษัทหลินซื่อ กลัวว่าจะไม่มีเวลาดูแลหลินเจิ้นได้ตลอดเวลา
เวินจิ้งรู้สึกลังเล ช่วงเวลานี้เธอต้องการจะมีเวลาพัก เพราะเมื่อเปิดเรียนแล้วเธอก็จะไม่มีเวลาแล้ว
“แม่ ฉันขอคิดดูก่อน”
“อื้ม ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากทิ้งมู่วี่สิงไป แต่เวลาของคุณตาก็มีไม่มากแล้ว หลายปีนี้เขาต้องอยู่อย่างเดียวดาย ฉันก็แค่ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้จนวันสุดท้าย…..” น้ำตาของหลินเวยค่อยค่อยไหลออกมา
“แม่” เวินจิ้งเข้าสวมกอดหลินเวย ในใจของเธอรู้สึกอัดอั้นอยากจะร้องไห้
สามเดือน……
หลังจากแต่งงาน เธอก็ไม่เคยจากมู่วี่สิงเป็นเวลานานขนาดนี้
ตอนค่ำที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
เกาเชียนได้เข้ามาในออฟฟิตของประธานเพื่อรายงาน “คุณมู่ คนร้ายที่ปล้นเครื่องประดับ DF เมื่อสัปดาห์ห่อน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ และป่วยหนักเสียชีวิตไปแล้วครับ”
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของมู่วี่สิงก็หนักหน่วงทันที “สืบพบเบื้องหลังของเขาหรือยัง”
“ญาติพี่น้องของเขาถูกวางแผนให้ออกนอกประเทศ แต่ในบัญชีธนาคารก่อนที่เขาจะตายมีเงินก้อนใหญ่จำนวนหนึ่งถูกโอนเข้ามา แต่ก็ยังไม่รู้ที่มาที่ไป”
“ผมต้องการแค่บทสรุป” มู่วี่สิงออกคำสั่ง
เกาเชียนก้มหน้า “ผมทราบแล้วครับ”
เขาขับรถผ่านปราสาทตระกูลหลินไป ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง มู่วี่สิงยังไม่ได้เข้าไปด้านใน แต่เขารออยู่ด้านนอก
เวินจิ้งเดินออกมา เธอรู้ดีว่าเขายังไม่ได้กินข้าว เลยจะให้เขาเข้าไปกินอะไรสักหน่อย
“ผมอยากกลับบ้าน แล้วให้คุณนายมู่ทำอาหารให้กิน ฮื้ม” มู่วี่สิงพูดด้วยเสียงโทนต่ำลุ่มลึก
เวินจิ้งนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วถามอย่างกังวล “ได้แน่นอน ว่าแต่ตอนนี้คุณไม่หิวเหรอ”
มู่วี่สิงส่ายหน้า เวินจิ้งจึงขึ้นไปบนรถ
วันมะรืนนี้ คุณตาก็จะต้องกลับประเทศ B แล้ว หลินเวยบอกให้เธอให้คำตอบเขาในวันพรุ่งนี้
อันที่จริง ในใจของมีคำตอบอยู่แล้ว
เพียงแต่ ต้องการแค่มู่วี่สิงตกลง
“คุณมีอะไรจะพูด” เมื่อได้สังเกตเห็นท่าทีลังเลของเวินจิ้ง มู่วี่สิงจึงจับมือของเธอไว้
เวินจิ้งเม้มปาก ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้พูดขึ้น “คุณตาจะกลับไปเมือง B แล้ว ฉันคิดว่าก่อนจะเปิดเรียน ฉันจะไปอยู่เป็นเพื่อนเขาหน่อย”
เป็นอย่างที่คิดไว้ สีหน้าของมู่วี่สิงเริ่มเยือกเย็นขึ้นมา
เวินจิ้งขบริมฝีปากของเธอ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
เพียงชั่ววินาทีถัดมา ทันใดนั้นรถก็เบรกอย่างกะทันหัน จนเวินจิ้งกระแทกไปด้านหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว
แขนของมู่วี่สิงได้กางออกมากั้นขวางเธอไว้อย่างมั่นคง
“มู่วี่สิง…..”
“ต้องไปนานเท่าไร” เขาหยุดรถ
“สามเดือน”
มู่วี่สิงหันศีรษะมาหาเธอ ดวงตาของเขาเปล่งประกาย และมองมายังเธออย่างน่ากลัว
เวินจิ้งเริ่มตัวสั่น
เขา……
เขาจะทิ้งเธอลงหรือเปล่า
เขาไม่ใช่ว่าไม่ชอบเธอเหรอ
ถ้าอย่างนั้นไม่มีเธออยู่ข้างกาย ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เวินจิ้งคิดแบบนี้
“มู่วี่สิง เวลาของคุณตามีไม่มากแล้ว ฉันอยากจะอยู่เป็นเพื่อนเขาให้มากๆ ฉันหวังว่าคุณคงจะเข้าใจดี และแค่สามเดือน ฉันก็กลับมาแล้ว”
สามเดือน จริงๆแล้งเธอไม่กล้าจะคิดเลย ว่าวันที่ไม่มีมู่วี่สิงอยู่ข้างกายเธอ จะเป็นอย่างไร
เธอคงจะคิดถึงเขามากจริงๆ
มู่วี่สิงเม้มริมฝีปากของเขาอย่างเย็นชา นิ่งเงียบอยู่นานโดยไม่พูดอะไร
“อื้ม ผมเข้าใจดี” ผ่านไปสักครู่ใหญ่ เวินจิ้งเพิ่งจะได้ยินเสียงของเขา
“จะไปเมื่อไร”
“มะรืนนี้”
ตลอดทางที่กลับไปยังการ์เดนมู่เจียวาน ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันเลยสักคำ
เวินจิ้งกลับไปทำบะหมี่ให้กับมู่วี่สิง แต่ใจของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอเพิ่งจะรู้ตัวว่าน้ำซุปได้หกออกมาลวกมือของเธอ
“อ๊ะ!” เธออุทานขึ้น และรีบปิดไฟเตาทันที
แต่นิ้วของเธอได้เปลี่ยนเป็นสีแดงไปแล้ว
มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา มู่วี่สิงจับนิ้วมือของเธอขึ้นมา วางไว้ใกล้ปากแล้วเป่าเบาๆ
เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น เธอมองไปยังหน้าตาที่หล่อเหลาของมู่วี่สิงที่อยู่ไม่ไกล และกระพริบตา
เธอดึงมือออก
มู่วี่สิงจับมือของเธอมาอีกครั้ง “ไปทายาก่อน เดี๋ยวฉันต้มต่อเอง”
เธอรู้ว่ามู่วี่สิงเป็นคนเอาแต่ใจ เวินจิ้งจึงไม่ปฏิเสธ จึงนั่งอยู่ที่โซฟารอให้เขาไปเอายาแต่โดยดี
เธอหันไปมองหลังของมู่วี่สิงที่กำลังอยู่ในครัว รอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอก็ได้ค่อยๆมากขึ้น
สักพักหนึ่ง เธอก็เดินเข้าไปให้ห้องครัว และโอบกอดเอวของมู่วี่สิงจากด้านหลัง
“มู่วี่สิง ฉันทิ้งคุณไม่ลง” เธอพึมพำ
“ฮื้ม แบบนี้คุณยังจะกล้าทิ้งผมไปเหรอ” มู่วี่สิงเลิกคิ้ว หันตัวกลับแล้วปเระคองคางของเธอเงยขึ้น
เวินจิ้งเสียใจ “แต่คนในครอบครัวก็สำคัญเหมือนกันนะ”
“ไม่ได้ขัดขวางคุณ แต่คุณนายมู่ ผมกังวลใจ เวลาที่ไม่ได้อยู่ข้างคุณ” มู่วี่สิงมองเธออย่างลึกซึ้ง ความรู้สึกในดวงตาของเขาก็เกือบจะเอ่อล้นออกมา
แต่เวินจิ้งไม่เข้าใจ
เขามักจะพูดอะไรที่ดูซับซ้อนให้เธอยากที่จะคาดเดา
“ไม่นานฉันก็กลับแล้ว”
“มู่วี่สิง คุณก็ทิ้งฉันไม่ลงใช่ไหม” เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นมอง และมองเขาอย่างตาไม่กระพริบ
หากเขาก็ทิ้งเธอไม่ลง อย่างน้อย เขาก็คงจะมีความรู้สึกต่อเธอขึ้นมาบ้างแล้ว
“ได้แน่นอน”
พูดจบ เขาก็ก้มลงจูบเธออย่างไม่ลังเล
เวินจิ้งผลักเขาออกไป ตอนนี้ความสนใจของเธออยู่ที่บะหมี่
“คงจะไม่ร้อนเท่าไรแล้วหละ!” เธอเตือน
“อื้ม รอให้ผมกินอิ่มก่อนนะ แล้วค่อยป้อนคุณ” มู่วี่สิงงอปาก
แก้มของเวินจิ้งเปลี่ยนเป็นสีแดง “เกินไปแล้ว……”
……..
สามวันต่อมา เวินจิ้งได้ขึ้นเครื่องบินเพื่อไปยังประเทศ B
เนื่องจากต้องจัดการเรื่องรายงานของโรงเรียน เธอจึงเดินทางช้าไปหนึ่งวัน โดยคุณตาและแม่ได้เดินทางไปก่อนหน้าหนึ่งวันแล้ว
เมื่อคุยโทรศัพท์กับมู่วี่สิงเสร็จแล้ว เวินจิ้งก็ปิดโทรศัพท์
ในตอนนี้ ปรากฏเงาหนึ่งขึ้นเหนือศีรษะ และก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาเหนือศีรษะ “น้องเวิน”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว และเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าอันหล่อเหลาของหลิงอี้ก็ปรากฏขึ้นในสายตา
รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็จมลง
คาดไม่ถึงว่านอกจากหลิงอี้จะนั่งเครื่องบินเที่ยวเดียวกับเธอแล้ว ยังมีที่นั่งติดกันอีกด้วย
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมีวาสนาต่อกันนะ” หลิงอี้ยิ้มอย่างยากจะเข้าใจ
“มันก็แค่เกิดขึ้น” เวินจิ้งพูดอย่างเฉยเมย
“ไปประเทศ B ทำอะไร” หลิงอี้ถาม
“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”
“ให้ผมเดานะ” หลิงอี้ลูบคาง แล้วมองไปยังใบหน้าของเวินจิ้ง ดูแล้วตอนนี้ใบหน้าน้อยๆรูปไข่ของเธอกำลังโกรธอยู่ เขายิ่งดูยิ่งชอบ
“คุณกลับไปตระกูลหลินใช่ไหม”
“หลิงอี้ ฉันคิดว่าเราไม่ได้สนิทกันถึงขนาดที่จะมาถามเรื่องส่วนตัวได้นะ” เวินจิ้งใส่ผ้าปิดตาและไม่ได้สนใจเขา
“เวินจิ้ง คุณไล่ผมไม่ได้หรอก ที่ประเทศB คุณคงจะเจอผมบ่อยเลยหละ” หลิงอี้พูดอย่างขี้เล่น
เวินจิ้งล้วนรู้ว่าเขาพูดพล่ามไปเรื่อย รอให้เธอลงเครื่องไปยังตระกูลหลินก่อน ถ้าหลิงอี้ยังคงอยู่ข้างเธอ เธอจึงจะเชื่อคำพูดของเขา