บทที่ 273ไม่ต้องสนใจคนอื่น
ห้องรับแขก
มู่ซือซือยังไม่หลับตา ได้แต่พลิกตัวไปมา
แม้ว่าเวินจิ้งจะง่วง แต่มู่ซือซือก็ยังไม่หลับ และเธอก็อดห่วงไม่ได้
“ไม่สบายตัวเหรอ” เวินจิ้งถามด้วยความเป็นห่วง
มู่ซือซือหันตัวกลับ มองไปที่เวินจิ้ง
หลายปีมานี้ ไม่มีข่าวคราวของตระกูลมู่ เธอก็เลยไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องที่หนานเฉิง
ความเกลียดชังในดวงตาได้ปรากฏขึ้นมา เธอถามด้วยเสียงนิ่ง “พี่สะใภ้ คุณรู้จักชายคนนั้นไหม”
“ใครเหรอ”
“ฉีเซิน”
เวินจิ้งเม้มริมฝีปาก และใบหน้าเต็มไปด้วยความแปลกใจ
มู่ซือซือดูออก
“เธอรู้จักเขาเหรอ” มู่ซือซือขมวดคิ้ว และก็นึกขึ้นได้ ฉีเซินน่าจะเป็นคนในครอบครัวของเวินจิ้ง
ไม่อย่างนั้น ทั้งสองตระกูลจะมาร่วมงานเลี้ยงด้วยกันได้อย่างไร
“เขาเป็นอะไรกับคุณ”
“เขา ……….. คือน้องชายของฉัน”
เมื่อได้ยิน มู่ซือซือก็ค่อยๆกำหมัดแน่น และเผยให้เห็นอารมณ์ความแค้นในดวงตาของเขา
“อย่างนี้นี่เอง” แล้วเธอก็ได้หัวเราะออกมา
แต่รอยยิ้มนั้น เป็นรอยยิ้มที่เยือกเย็นมาก
เวินจิ้งได้ตกใจ ในพริบตามือของมู่ซือซือก็ได้ยื่นออกไปบีบคอของเวินจิ้งอย่างดุดัน “งั้นก็แสดงว่า คุณกับเขาสนิทกันเหรอ”
สนิทเหรอ ………..
เธอกับฉีเซินไม่ได้สนิทกัน
เวินจิ้งหายใจลึก ต้องการจะผลักมู่ซือซือออกไป แต่เธอก็ได้บ้าคลั่ง เห็นได้ชัดจากความเกลียดชังในดวงตาของเธอ
“ฉันเป็นพี่สะใภ้ของเธอนะ …….” เวินจิ้งพูดออกมาอย่างอึกอัก
มู่ซือซือได้ชะงัก สายตาจ้องมองอย่างเกลียดชัง
เมื่อคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นพี่สาวของฉีเซิน เธอก็ไม่สามารถควบคุมได้
“เวินจิ้ง ตายซะเถอะ———-”
มู่ซือซือได้ใช้กำลังอย่างรุนแรง
ขณะนั้น ประตูถูกเปิดออก เงาร่างสูงโปร่งของมู่วี่สิงได้เข้ามา จับมือของมู่ซือซือ ดึงเธอออกไป เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนัก “มู่ซือซือ!”
เสียงที่คุ้นเคยทำให้เธอมีสติขึ้นมา ได้เห็นพี่ชาย เธอพูดด้วยความกระวนกระวาย “พี่ชาย พี่แต่งงานกับเธอได้ยังไง——-”
เวินจิ้งหายใจอย่างลำบาก แม้ว่ามือของมู่ซือซือได้ผ่อนแรงลงแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกอึดอัด
มู่ซือซือที่เพิ่งอยากจะฆ่าเธอแบบนั้น มันเป็นเพราะเหตุอะไรกัน
เพราะฉีเซินเหรอ
ฉีเซิน ———
เธอมองไปที่ขาของมู่ซือซือ หรือความพิการนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับฉีเซิน
“มู่ซือซือ ใจเย็นๆ เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉีเซิน!” มู่วี่สิงหรี่ตาแคบลงอย่างเยือกเย็น และได้พามู่ซือซือไปยังห้องหนังสือ
เมื่อส้งวี่ได้เห็นหญิงสาวที่ไม่ได้สติ ก็ได้รีบเข้ามาด้วยความกังวล
เขากอดมู่ซือซืออย่างแน่น และพูดปลอบโยน “ซือซือ ผมเอง”
มู่ซือซือเงยหน้าขึ้น และใบหน้าที่หล่อเหลาทำให้เธอตกตะลึง เธอค่อยๆยกมือขึ้น พึมพำว่า “ฉันเจอตัวคนร้ายแล้ว ……ส้งวี่ ก็คือผู้หญิงคนนั้น เธอคือพี่สาวของไอ้งี่เง่าฉีเซินนั่น……….”
ส้งวี่ขมวดคิ้ว ความปวดใจก็ได้ปรากฏออกมาผ่านดวงตา เขาบีบไปที่คอของมู่ซือซือเบาๆ
เธอล้มสลบลงไปในอ้อมแขนของเขา
ส้งวี่ได้กอดเธออย่างแน่น
ห้องรับแขก
เวินจิ้งยังไม่สามารถนิ่งลงได้ คอของเธอเริ่มเจ็บทำให้เธอต้องประคองสติไว้
เมื่อมู่วี่สิงเข้ามา สีหน้าของเวินจิ้งซีดเซียวและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เขาได้ขมวดคิ้ว รีบมากอดเธอไว้ในอ้อมแขน
“คุณนายมู่” น้ำเสียงสั่นของเขาเผยให้เห็นถึงความกลัว
เวินจิ้งได้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนเขา และไม่มีเสียงใดๆเอ่ยออกมา
ชั่วครู่หนึ่ง ก็ได้พูดออกไปช้าๆ “ซือซือไม่เป็นไรใช่ไหม”
“อืม เธอหลับไปแล้ว”
“งั้นก็ดีแล้ว”
มู่วี่สิงได้พาเธอกลับไปที่ห้องนอน และเมื่อได้ผ่านไปอีกห้องหนึ่ง ผู้ชายคนหนึ่งก็ได้เดินออกมา
เวินจิ้งไม่เคยเห็นเขามาก่อน
ส้งวี่เริ่มจะแนะนำตัวเอง “ส้งวี่ เป็นจิตแพทย์ของซือซือ”
“พวกเราจะออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า” ส้งวี่ได้พูดกับมู่วี่สิง
มู่วี่สิงพยักหน้า
เมื่อกลับถึงห้อง เวินจิ้งถามเขา “ส้งวี่จะพามู่ซือซือกลับไปแล้วเหรอ”
“อืม”
จากนั้นได้พาเวินจิ้งมานั่งที่เตียง มู่วี่สิงได้เอากล่องยามา
“มา นอนคว่ำ” เขาพูดอย่างอบอุ่น
แก้มของเวินจิ้งก็เริ่มแดงทันที
“คิดอะไรอยู่เหรอ” มู่วี่สิงได้จับคางของเธอ
เวินจิ้ง ………..
“ฉันบ้าจี้” เวินจิ้งต้องการจะเอายาครีมมาทา
แต่มู่วี่สิง ไม่ยอม เมื่อได้เห็นเวินจิ้งอยู่ไม่นิ่ง เขาก็ได้กดเธอลง
เวินจิ้งสบตาที่เสมือนหินภูเขาไฟของเขา ในใจก็กระวนกระวาย
เขาใช้ปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยทาลงบนลำคอของเธอ เวินจิ้งหดตัว และไปสัมผัสโดนมู่วี่สิงอย่างไม่ตั้งใจ
ดวงตาของชายคนนั้นได้เบิกกว้างและลึกขึ้น “แย่แล้ว”
เวินจิ้งรีบผลักเขาออก “คุณออกไป!”
“อื้ม ทาเสร็จแล้ว”
ตอนนี้ มู่วี่สิงก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ
ภายในห้องนอนที่เงียบ เวินจิ้งได้ตกใจตื่นขึ้น แล้วก็นอนไม่หลับ
ถึงแม้ว่าเธอจะยังสงสัยเรื่องระหว่างมู่ซือซือกับฉีเซิน แต่เธอก็รู้ว่า นั่นเป็นข้อห้ามของมู่วี่สิง
……….
วันรุ่งขึ้น เครื่องบินส่วนตัวได้จอดที่การ์เด้นมูเจียวาน
เมื่อมู่ซือซือได้ตื่นขึ้นมา ก็พบว่าเธออยู่ในอ้อมแขนของส้งวี่
“จะไปไหนเหรอ” เธอได้ขมวดคิ้ว
“จะกลับไปประเทศ C”
เมื่อมองไปยังเครื่องบนส่วนตัวที่จอดอยู่ไม่ไกล สีหน้าของเธอก็นิ่งลง
“ฉันไม่ไป” เขาพยายามใช้กำลังดิ้นรน
พี่ชายของเธอจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ ……..
“หยุดก่อนมู่ซือซือ เธอจะทำอะไร อาการของเธอไม่ง่ายที่จะควบคุมนะ” ส้งวี่พูดอย่างเย็นชา
“ให้ฉันหยุดแล้วจะทำอะไรต่อได้ ……” เธอพึมพำ “ฉันฆ่าเขาได้——”
“เธอฆ่าเขาไม่ได้หรอก”
“ส้งวี่ ฉันไม่อยากกลับไป คุณช่วยบอกกับพี่ชายฉันหน่อย ฉันไม่อยากกลับไป ……” ยิ่งใกล้ห้องโดยสารมากขึ้น มู่ซือซือก็ผลักส้งวี่ออกไป
แต่เธอก็ไม่สามารถเดินได้ ผู้คนได้เห็นว่าเธอกำลังตะเกียกตะกายที่จะออกไป มู่วี่สิงได้รีบเข้ามาและอุ้มเธอขึ้น
“มู่ซือซือ เธอวุ่นวายพอรึยัง!”
มู่ซือซือหรี่ตาลง และได้ยกฝ่ามือตบไปที่หน้าของมู่วี่สิง
มู่วี่สิงไม่ได้หลบ และหน้าเขาก็รู้สึกชา
“พี่จะแต่งงานกับเวินจิ้งไม่ได้!”
แต่มู่วี่สิงไม่ได้สนใจเธอ และได้ส่งเธอให้กับส้งวี่
“คุณไม่ใช่พี่ของฉัน พี่ชายฉันไม่มีทางจะไปญาติดีกับคนของตระกูลฉี”
เสียงของมู่ซือซือเริ่มห่างออกไป มู่วี่สิงยืนห่างออกไปสองสามเมตร มองเครื่องบินที่ค่อยๆออก
อย่างช้าๆ
เวลาเพียงไม่นาน เครื่องบินได้วนกลับมายังจุดเดิมอีกครั้ง
ส้งวี่เดินลงจากห้องโดยสาร สีหน้าหม่นหมอง “ถังเชื้อเพลิงได้เสียหาย ไม่สามารถบินได้”
“พาคนกลับไปก่อน”
มู่วี่สิงได้สั่งนักบินให้ลงจอดอย่างรวดเร็ว
“คุณมู่ เครื่องบินถูกคนทำให้เสียหาย”
“จัดการซ่อมแซม”
เวินจิ้งกำลังเตรียมอาหารเช้า และได้ยินเสียงในห้องนั่งเล่น เมื่อเธอออกมา ส้งวี่ได้ผลักมู่ซือซือกลับมา
พวกเขาเพิ่งจะออกไปไม่ใช่เหรอ
เมื่อมู่ซือซือได้เห็นเวินจิ้ง เธอได้หยิบแก้วข้างๆโยนมา
เวินจิ้งไม่สามารถจะหลบหลีกได้ แต่โชคดีที่มู่วี่สิงได้ยื่นมือเข้ามากันไว้
แต่มือของเขาก็ถูกเศษแก้วที่แตกจนเลือดออก
เวินจิ้งสั่น และจับมือของมู่วี่สิงอย่างกังวล “คุณ …….”
ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
ส้งวี่ขมวดคิ้ว “วี่สิง ผมจะพาซือซือกลับไปที่บ้านใหญ่ก่อน”
เธอไม่สามารถจะพักอยู่ที่นี่ได้ ไม่เช่นนั้นจะมีผลต่ออารมณ์ของเธอ
มู่วี่สิงพยักหน้า แม้ว่าหลังมือของเขายังมีเลือดไหล สีหน้ายังคงเรียบนิ่งไม่เปลี่ยน
ข้างหู เสียงของมู่ซือซือยังคงดังอยู่ตลอดเวลา “เวินจิ้ง เธอไม่สมควรจะแต่งงานกับพี่ชายฉัน เธอไสหัวไป!”
สีหน้าของเวินจิ้งได้ซีดเซียว และได้เงยหน้า สายตาของมู่ซือซือเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง