บทที่ 267 สงสัยเป็นเพราะหลงใหลจริงๆ แล้ว
สีหน้าของมู่วี่สิงจริงจังมาก “เชื่อฟังหน่อยนะคุณหญิงมู่ เรียนปริญญาโทคือความฝันของคุณ…”
เวินจิ้งพูดแทรกเขา “คือความฝันของฉันก็จริง แต่ความจริงมันเป็นแบบนี้แล้ว ฉันรับได้แล้ว คุณอย่าไปวุ่นวายอีกเลย มู่วี่สิง ฉันขอร้องคุณนะ”
เธอขอร้องเขาแบบนี้ มู่วี่สิงใจอ่อนแล้ว
เขากอดเธอไว้แน่นๆ พูดด้วยเสียงต่ำว่า “อย่าท้อถอยนะ รู้ไหม”
“ฉันไปตรวจสอบในระบบแล้ว ความหมายของทางนั้นคือไม่มีศาสตราจารย์คนไหนยอมรับฉันเข้า ฉันคิดว่าจะไปติดต่อศาสตราจารย์ด้วยตัวเอง” เวินจิ้งใจเย็นลงแล้วพูด
นี่คือวิธีสุดท้ายที่เธอนึกออกได้
“ฉันจะไม่ถอยจนถึงวินาทีสุดท้าย มู่วี่สิง ขอบคุณที่คอยสนับสนุนฉันมาตลอดนะ” เวินจิ้งมองเขาอย่างลึกซึ้ง
มีเขาคอยสนับสนุนอยู่ข้างๆ ก็คือแรงบันดาลใจของเธอ
“แต่มหาวิทยาลัยหลินไห่กับมหาวิทยาลัยหนานเฉิอยู่สายเดียวกัน คุณรู้เรื่องนี้ไหม”
ถ้าก่อนหน้านี้มู่วี่สิงรู้และบอกเธอก่อน เธอก็อาจจะไม่พิจารณาสมัครสอบมหาวิทยาลัยหลินไห่แล้ว
“อืม ตอนนั้นผมก็เคยเตือนคุณว่าอย่าสมัครสอบ คุณยังดื้อรั้นมากเลยไม่ใช่หรอ สิ่งที่ผมพูด คุณจะฟังเข้าไปหรอ” มู่วี่สิงหรี่ตาลง
แต่หลังๆ มา เขาก็ไม่อยากแทรกแซงการตัดสินใจของเวินจิ้งเหมือนกัน
ถึงจะถูกตีกลับแล้วจริงๆ เขาก็จะช่วยเธอ
อีกสักพักมู่วี่สิงยังมีการประชุมอยู่ เวินจิ้งเลยรอในออฟฟิศ
ใกล้ๆ ตอนเย็น แผนกต้อนรับที่ชั้นหนึ่งโทรศัพท์ขึ้นมา ลู่หวั่นอยากขึ้นมาหามู่วี่สิง
มู่วี่สิงประชุมเสร็จออกมา เกาเชียนรีบไปรายงานทันที
“ให้เธอกลับไป”
เกาเชียนแจ้งลงข้างล่างอย่างที่บอกมา แต่ตอนออกจากบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ลู่หวั่นยังคงรออยู่
เวินจิ้งเห็นเธอ สีหน้าก็มืดลงมาทันที
สำหรับผู้หญิงคนนี้แล้ว ใจเธอมีการป้องกันไว้ตั้งนานแล้ว
“วี่สิง คุณจะยกเลิกสัญญาจริงๆ หรอ” ลู่หวั่นยืนอยู่หน้ามู่วี่สิง ในสายตามีแค่เขาคนเดียว
มู่วี่สิงเฉยชาอีกตามเคย “ในสัญญาเขียนได้ชัดเจนมากแล้ว”
“ฉันไม่ตกลง ยาตัวนี้มีแต่ฉันกับคุณเท่านั้นที่สามารถผลิตออกมาได้!” ลู่หวั่นพูดอย่างเคร่งเครียด
“ลู่หวั่น คุณเชื่อมั่นตัวเองมากเกินไป” มู่วี่สิงสีหน้าเฉยเมย
“วี่สิง คุณก็รู้ว่าฉันก็แค่อยากจะช่วยคุณ ฉันไม่ได้ทำผิด”
“คือผมทำผิดเอง ผมไม่ควรร่วมงานกับคุณ” สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชากว่าเดิม
คำพูดนี้ทำให้ลู่หวั่นอึ้งมาก มู่วี่สิงที่สูงส่งมาตลอด ในชีวิตของเขาไม่เคยมีการกระทำที่ยอมรับผิดเลยสักครั้ง
แต่ตอนนี้เขากลับพูดแบบนี้
ก็เพราะว่าเธอทำร้ายเวินจิ้ง?
เขาก็เชื่อเวินจิ้งขนาดนี้เลยหรอ?
“คุณไม่ผิด คนที่ผิดคือเขา!” ลู่หวั่นโทษเวินจิ้งอย่างโกรธแค้น
เวินจิ้ง ยิ้มแห้งๆ ทีหนึ่ง “คุณลู่คะ การแสดงที่สลับถูกผิดของคุณนี่มีความเชี่ยวชาญมากเลยจริงๆ”
“ลู่หวั่น ความอดทนของฉันมีขีดจำกัดนะ”
มู่วี่สิงสั่ง รปภ. “ไล่คุณลู่ออกไป”
ลู่หวั่นจ้องตาโตขึ้นมา เห็น รปภ.มา เธอรีบผลักพวกเขาออกอย่างวุ่นวายทันที
“มู่วี่สิง ฉันไปเองได้!”
ตรงประตู รถของอานฉิงจอดอยู่ข้างนอก
ดูเงาร่างของลู่หวั่น เขาย่นคิ้วอันยาวแคบของเขาขึ้นมา
จนถึงลู่หวั่น ขึ้นมาบนรถ เขาถึงถามด้วยเสียงต่ำว่า “กลับกับผมได้หรือยัง”
ลู่หวั่นมองลงไปข้างล่าง ความใจเย็นของเธอแตกสลายต่อหน้ามู่วี่สิงทั้งหมดเลย
“อืม”
…
กลับมาถึงการ์เด้นมูเจียวาน เวินจิ้งได้รับสายของหลินเวย
รู้ว่าเวินจิ้งถูกตีกลับแล้ว เธอถามอย่างเป็นห่วงว่า “ต้องการให้ฉันช่วยแนะนำเธอให้มหาวิทยาลัยอื่นไหม”
ที่หนานเฉิง เธอก็พอมีคนรู้จักบ้าง บ้านตระกูลฉีก็สามารถช่วยได้เหมือนกัน
“ไม่ต้องๆ แม่ เรื่องนี้ฉันจัดการเองได้ ถ้าสอบไม่ติดจริงๆ ฉันก็เตรียมพร้อมที่จะไปทำงานแล้ว” เวินจิ้งพูด
เธอทำใจปกติกับการสอบปริญญาโท ถ้าสอบได้ก็ดี ถ้าไม่ได้…เดินอีกทางหนึ่งก็ได้
“มีเรื่องอะไรก็บอกแม่มานะ แม่จะช่วยเธอหมดเลย” หลินเวยพูดอย่างอ่อนโยน
“ฉันรู้ค่ะ”
วางสายลง เวินจิ้งนิ่งงันสักพัก ไม่ได้คุยกับเจี่ยนอีมานานมากแล้ว ตั้งแต่หลังจากที่เธอไปต่างประเทศกับเวินโม่ ขนาดเบอร์โทรศัพท์ยังเปลี่ยนเลย
จนถึงทุกวันนี้เธอยังติดต่อเธอไม่ได้สักที
ก็คิดถึงมากแหละ
เมื่อกำลังเหม่อลอยอยู่ มู่วี่สิงมากุมมือเธอไว้ “คิดอะไรอยู่ กังวลเรื่องมหาวิทยาลัยหรอ”
เวินจิ้งส่ายหัว “ฉันคิดถึงเจี่ยนอีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเวินโม่ดีกับเธอไหม”
“ถ้าคุณคิดถึง เราไปเยี่ยมเธอก็ได้”
“ไม่ไปแล้ว ฉันคิดว่าที่แม่เปลี่ยนเบอร์ก็เพราะไม่อยากถูกรบกวน” เวินจิ้งพูดอย่างเสียใจ
“ถ้าคุณเปลี่ยนความคิดแล้ว ผมจะช่วยคุณหาเธอให้เจอ”
เวินจิ้งยิ้ม “ความสามารถของประธานมู่นี่ทะลุฟ้าจริงๆ เลยนะเนี่ย”
เธอสังเกตได้แล้ว มู่วี่สิงพูดได้ว่าไม่มีอะไรทำไม่ได้เลยจริงๆ
“เพื่อคุณหญิงมู่แล้ว ถึงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ผมก็จะทำให้เป็นเป็นไปได้” มู่วี่สิงพูดด้วยเสียงต่ำ
รอยยิ้มของเวินจิ้งกว้างกว่าเดิม จูบลงไปที่ริมฝีปากบางของเขา
ตอนกลางคืน เวินจิ้งอ่านหนังสือโครงการของงานแต่งงาน คุยรายละเอียดกับหลินเวย
มู่วี่สิงอยู่ในห้องอ่านหนังสือ เปิดมือถือออกมาเข้าไปที่รายชื่อเบอร์โทร
เขาโทรหาไป๋สือ
“ศาสตราจารย์ไป๋ครับ ผมมู่วี่สิงเองนะครับ”
“ทำไมลูกนึกขึ้นได้จะโทรหาล่ะ นายไม่ได้มาเยี่ยมฉันนานมากแล้วนะ” เสียงทรงพลังของไป๋สือดังมา
“ศาสตราจารย์ครับ ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะให้ท่านช่วยอ่ะครับ” ท่าทีของมู่วี่สิงเคารพมาก
“สงสัยเรื่องมันไม่ไงเลยน้อ”
“อืม คือเรื่องของภรรยาผมครับ”
…
วันแต่งงานยิ่งอยู่ยิ่งใกล้ ปราสาทของตระกูลหลินเริ่มจัดสถานที่แล้ว
เวินจิ้งมาเยี่ยมคุณตา ช่วงนี้ร่างกายของคุณตาแย่ลงเรื่อยๆ แค่เดินยังลำบากมากเลย
เวินจิ้งพูดอย่างเอ็นดูว่า “คุณตาคะ ท่านอย่ากังวลเรื่องงานแต่งแล้ว”
“นี่คืองานแต่งของหลานสาวฉันเอง ฉันต้องเฝ้าเอง เธอประคองตาไปดูที่สวนดอกไม้หน่อย”
เวินจิ้งขัดขืนเขาไม่ได้ ประคองหลินเจิ้นมาที่สวนดอกไม้ตลอดทาง แต่กลับได้เจอคนที่ไม่อยากเจอ
ฉีเซินหันหัวมาพร้อมกับรอยยิ้ม “คุณตาครับ ช่วงนี้ร่างกายดีไหมครับ”
“ฉันยังแข็งแรงอยู่” หลินเจิ้นพูดด้วยความพยายาม แต่ฉีเซินดูสภาพของหลินเจิ้นออกได้ตั้งนานแล้ว
“คุณตาครับ ถ้าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงก็ไปพักผ่อนให้ดีเถอะ”
“แกไม่ต้องยุ่ง” หลินเจิ้นพูดอย่างเย็นชา
สำหรับฉีเซินแล้ว เขาไม่ค่อยอยากเจอเท่าไหร่
เวินจิ้งนึกถึงคำพูดของหลินเวย ฉีเซินไม่ใช่ลูกชายจริงๆ ของเธอ
“คุณตาครับ ผมก็แค่เป็นห่วงท่าน” ฉีเซินเข้าใกล้ ประคองหลินเจิ้นกับเวินจิ้งคนละข้าง
หลินเจิ้นก็ไม่ค่อยมีแรง ไม่สามารถผลักเขาออกได้
ดูทั้งสวนดอกถูกจัดเป็นสีขาวบริสุทธิ์อันโรแมนติค หลินเจิ้นพูดอย่างพึงพอใจมากว่า “ข้างบนสร้างระเบียงอีกอันหนึ่งด้วย ฉันจะให้หลานสาวของฉันเดินลงมาโดยที่ดึงดูดสายตาของทุกคนมา”
“คุณตาคะ ทำตามที่ท่านบอกทุกอย่างเลยค่ะ”
พนักงานที่ตามอยู่ข้างๆ จดบันทึกความคิดเห็นของหลินเจิ้นลงมา
เดินไปรอบหนึ่ง หลินเจิ้นก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน พ่อบ้านประคองเขากลับไปห้องนอน
เวินจิ้งอยู่ตรวจสอบที่นี่ต่อ
ฉีเซินเดินมาเข้าใกล้ “สงสัย คุณจะอยากแต่งงานกับมู่วี่สิงมากเลย”
เวินจิ้งนิ่งงันครู่หนึ่ง ยิ้มพูดว่า “มันก็ปกตินิไม่ใช่หรอ”
“สงสัยคุณไม่เคยจะคำพูดของผมไว้เลยนะ” ฉีเซินหรี่ตาลง
“ฉีเซิน คำพูดของคุณคือเรื่องจริงหรือเรื่องปลอมยังต้องรอพิสูจน์อีก”
“คุณคือคนของบ้านตระกูลหลิน คุณคิดว่าตอนแรกมู่วี่สิงจะไม่รู้หรอ” ฉีเซินพูดด้วยเสียงเยือกเย็น
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ตอนนั้นที่เธอรู้ตัวตนจริงๆ ของเธอ มู่วี่สิงเคยพูดว่าเขาก็ได้สือมาแล้ว
แต่ว่า เขากลับมาบอกเธอหลังจากที่เธอรู้เรื่องแล้ว