บทที่ 262 ผมชอบให้คุณหญิงมู่หึง
เวินจิ้ง: …
มู่วี่สิงนี่ขนาดผู้ช่วยตัวเองยังหึงเลยจริงๆ!
“ฉันก็แค่รู้สึกว่าเกาเชียนถูกคุณบีบจนเหนื่อยเกินไปแล้ว”
“ผมก็ไม่ต้องการมีคนมาอยู่ข้างผมเยอะ ไม่อย่างนั้น คุณอยากให้มีเลขานุการหญิงกี่คนมาอยู่ข้างๆ ผมหรอ” มู่วี่สิงจงใจพูด
เวินจิ้งทำหน้าไม่พอใจทันที เลขานุการหญิง…
ปกติเธอดูละครพวกที่มีเลขานุการหญิงอยากจะเข้าหาประธานในโทรทัศน์ไม่น้อยเลย…
อีกอย่าง มู่วี่สิงหน้าตาหล่อเด่นซะขนาดนี้ คงไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถห้ามใจไว้ได้มั้ง
เธอรีบควงแขนของมู่วี่สิงไว้ทันที ประกาศอธิปไตยว่า “งั้นก็ต้องรบกวนผู้ช่วยเกาแล้วนะคะ”
…
เวลาที่จะสอบรอบที่สองยิ่งอยู่ยิ่งใกล้แล้ว เวินจิ้งก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้วด้วย
การนอนไม่หลับที่ติดต่อมาหลายวันทำให้สภาพของเธอแย่มาก ในใจแอบมีลางที่ไม่ดีตลอด
ลืมตาขึ้น กลับเห็นว่าที่ข้างๆ ยังคงว่างอยู่
ดูเวลาตีสองแล้ว
เอามือถือขึ้นมา เธอโทรหามู่วี่สิง
ครั้งที่หนึ่ง ไม่มีใครรับสาย
เวินจิ้งกังวลอยู่ โทรหาเรื่อยๆ
แต่ที่รับสายกลับเป็นเสียงของผู้หญิง และเธอก็คุ้นเคยมาก
“คุณหญิงมู่?” เสียงของลู่หวั่นดังมา
“เวินจิ้งหรอ” เสียงของเวินจิ้งเย็นชาเล็กน้อย
ลู่หวั่นไม่อยู่หนานเฉิงแล้วไม่ใช่หรอ
“วี่สิง… เขายังอยู่ในห้องปฏิบัติการคุณหญิงมู่ไม่รู้หรอ”
เวินจิ้งเม้มปาก เธอไม่รู้มู่วี่สิงไปไหนอยู่ไหนจริงๆ
ปกติสองคนก็ไม่ค่อยโทรหากัน ก่อนหน้านี้เธอเป็นเลขานุการของมู่วี่สิง ก็รู้ชัดเจนว่ามู่วี่สิงจะไปไหนมาไหนอยู่แล้ว
“ฉันจะหาเขา รบกวนคุณลู่เอามือถือให้เขาหน่อย” เวินจิ้งพูดด้วยเสียงต่ำ
“ท่านประธานมู่กำลังยุ่งอยู่ ไม่ค่อยสะดวกค่ะ รอเขาว่างแล้วฉันจะให้เขาโทรกลับค่ะ”
“งั้นคุณลู่กรุณาจำไว้นะคะ ฉันรอเขาอยู่”
วางสายลง สีหน้าของลู่หวั่นมืดลงมา
ผ่านประตูกระจก เธอมองร่างของมู่วี่สิงที่กำลังยุ่งอยู่ ยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง มู่วี่สิงถอดหน้ากากอนามัยออกและเดินออกมา
“ยาตัวนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป ดูจากตอนนี้แล้ว ผลข้างเคียงไม่น้อยเลย ต้องวิจัยต่อไปเรื่อยๆ” มู่วี่สิงพูดด้วยเสียงต่ำ
“อืม นี่คือยาที่เราอยากจะวิจัยและพัฒนาตั้งแต่ตอนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ไม่คิดว่าจะมีวันนี้จริงๆ วี่สิง รบกวนคุณแล้วนะ”
ตอนนี้ลู่หวั่นเปิดบริษัทผลิตยาของตัวเองโดยที่มีตระกูลอานลงทุน ส่วนตอนนี้ก็คือกำลังร่วมผลิตยาตัวแรกกับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปอยู่
แต่ว่าเธอไม่ค่อยมีประสบการณ์อะไร ซึ่งมีเวลาส่วนใหญ่ที่ต้องปรึกษามู่วี่สิง
มู่วี่สิงทำสีหน้าเฉยชาอีกตามเคย “อืม ถ้ายาตัวนี้สามารถผลิตสำเร็จได้จริงๆ ก็จะเป็นการอุทิศให้วงการแพทย์ที่ไม่น้อยเลยทีเดียว”
“ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว คุณยังจะกลับไปอยู่หรอ ไม่อย่างนั้นก็พักที่ห้องปฏิบัติการเลยก็ได้นะ ห้องนอนก็มี” ลู่หวั่นเรียกเขา
มู่วี่สิงไม่ได้หยุดก้าวเท้าต่อ “ไม่มีคุณหญิงมู่อยู่ข้างๆ ผมไม่สามารถพักได้ดีหรอก”
ลู่หวั่นหน้าซีดลง ไม่กล้าพูดอีกเลย
รถของอานฉิงจอดอยู่ข้างนอกตลอด ลู่หวั่นเดินไปอย่างเชื่องช้า
“คุณมาทำไมอ่ะ ที่นี่ก็ไม่ได้ไกลจากอพาร์ตเมนต์มาก ฉันกลับเองได้”
“ผมไม่ไว้ใจ ตอนนี้ดึกมากแล้ว ผมเป็นห่วงมาก” อานฉิงยกมือขึ้นอยากจะกอดเธอ
ลู่หวั่นตัวแข็งมาก ในที่สุดก็ไม่ได้ผลักออกไป
…
การ์เด้นมูเจียวาน
เวินจิ้งไม่หลับไม่นอน ในมือจับมือถือไว้ แต่ไม่เคยได้รับสายของมู่วี่สิงเลย
จนกระทั่งมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากข้างนอกประตู เธอเหลือบตามอง
มู่วี่สิงเสื้อขาวกางเกงดำ บนใบหน้าหล่อเหลาเป็นความเหนื่อยล้าที่มิอาจปิดบังไว้ได้
เวินจิ้งยังคงทำสีหน้าเฉยเมยเหมือนเดิม
“ทำไมยังไม่นอนอีก” มู่วี่สิงก้มหน้าลง ขายาวเดินมาทางนี้
อยากจะกอดเวินจิ้ง แต่กลับถูกเธอผลักออก
“เมื่อกี้ฉันได้โทรหาคุณแล้ว” เวินจิ้งพูด
มู่วี่สิงขมวดคิ้วมุ่น เมื่อกี้เขาเพิ่งเอามือถือขึ้นมาดูและเห็นว่าแบตหมดแล้ว
“ขอโทษนะ ผมไม่เห็นอ่ะ”
“เมื่อกี้ตอนที่ฉันโทรหาคุณ ลู่หวั่นเป็นคนรับสาย”
“อืม ช่วงนี้เธอจะอยู่หนานเฉิง บริษัทของเธอกำลังร่วมผลิตยาตัวใหม่กับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปอยู่ วันนี้ผมอยู่ในห้องปฏิบัติการกับเธอทั้งวัน แต่ผมไม่รู้ว่าเธอได้รับสาย”
เวินจิ้งเข้าใจแล้ว คือลู่หวั่นจงใจ
“ฉันไม่ควรโกรธใช่ไหม” เวินจิ้งพูดด้วยเสียงต่ำ
ยังไงที่มู่วี่สิงกับลู่หวั่นพบกันก็เพราะเรื่องงาน แต่ในใจของเธอก็ยังรู้สึกอารมณ์ไม่ดีอยู่ดี
“ผมชอบให้คุณหญิงมู่หึงจังเลย” มู่วี่สิงเข้าใกล้ เชยปลายคางของเธอไว้และจูบเธอ
เวินจิ้งหลบโดยสัญชาตญาณ
“ผมต้องติดตามระยะแรกของโครงการนี้ แต่หลังจากนี้ผมก็จะให้ลูกน้องไปรับช่วงต่อ”
“ฉันรู้แล้ว คุณรีบไปนอนได้แล้ว ฉันก็แค่เป็นห่วงคุณ”
เวินจิ้งง่วงนอนอยู่แล้ว ตอนนี้ปมที่อยู่ในใจถูกละลายแล้ว แป๊บเดียวก็นอนหลับแล้ว
มู่วี่สิงอาบน้ำเสร็จ กอดเวินจิ้งอยู่ในอ้อมกอดตัวเอง เขาเปิดเครื่องมือถือออกมา ข้อความของลู่หวั่นก็เด้งออกมา
“วี่สิง ฉันลืมบอกคุณว่าเวินจิ้งเคยโทรมาหาคุณ”
…
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์
วันที่สอบรอบที่สองแป๊บเดียวก็มาถึงแล้ว เวินจิ้งทำใจให้สบาย ตื่นเช้าตามปกติ รีบไปที่มหาวิทยาลัยหลินไห่
วันนี้มู่วี่สิงไม่ได้ไปบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป จะอยู่ข้างๆ เธอ
“คุณหญิงมู่ ไม่ต้องตื่นเต้นนะ ผมจะอยู่ตรงนี้ตลอด รู้ไหม”
มู่วี่สิงจูบกลางคิ้วของเธอ
เวินจิ้งยิ้ม เธอก็ทำใจปกติเหมือนเดิม ซึ่งไม่มีอารมณ์แบบเดิมพันครั้งสุดท้ายอย่างนั้น
แต่เธอก็คิดว่าเธอได้เตรียมตัวดีที่สุดมาแล้วเหมือนกัน
สำหรับความสามารถของตัวเอง เธอไม่เคยสงสัยเลย
“คุณไปบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเลย ฉันสอบเสร็จไปหาคุณนะ?” เวินจิ้งไม่อยากให้มู่วี่สิงต้องเสียเวลาในการทำงาน
“คุณยังสอบไม่เสร็จ ผมเป็นห่วง”
“จะมีอะไรให้เป็นห่วงล่ะ และคะแนนก็ไม่ได้ออกมาวันนี้ด้วย คุณไปทำงานเถอะ”
“อยากให้ผมไปขนาดนี้เลยหรอ” มู่วี่สิงเชยปลายคางของเธอ
เวินจิ้งแลบลิ้นใส่ ถ้ามู่วี่สิงอยู่เธอจะรู้สึกกดดัน
“งั้นผมรอคุณที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ได้หรือยัง” มู่วี่สิงยอมเธอชั่วคราว
เวินจิ้งพยักหน้า เขย่งเท้าขึ้นมาจูบแก้มของเขา จากนั้นก็เดินเข้าไปสนามสอบทันที
หน้าของมู่วี่สิงค่อยๆ มืดลงมาเรื่อยๆ เข้าไปนั่งในรถ แต่กลับไม่สตาร์ทเครื่องยนต์สักที
สองชั่วโมงผ่านไป มีผู้สอบออกมาเรื่อยๆ แล้ว
เขาเปิดประตูออกและลงจากรถ
แต่พอเห็นร่างคนหนึ่งที่คุ้นเคย นัยน์ตาของเขาก็ลึกซึ้งขึ้นมา
และก็เห็นได้ว่าเย่เฉียวก็เห็นมู่วี่สิงแล้วเหมือนกัน
ความโกรธแค้นในตามิอาจปกปิดได้ เย่เฉียวเดินมาและชกไปที่มู่วี่สิงเลย
เขาหลบได้อย่างง่ายดาย
“คุณเย่อย่าลืมนะว่าสถานะของคุณคืออะไร” มู่วี่สิงทำหน้าเคร่ง
“สถานะของฉันคืออะไรแกไม่ต้องมาเตือน แต่แกน่ะสิ ยังมีหน้ามาอยู่ต่อหน้าฉันอีกหรอ” เย่เฉียวพูดด้วยความโกรธเคือง
สีหน้าของมู่วี่สิงยังคงนิ่งไม่เปลี่ยน “ผมไม่ได้มาเพราะคุณ”
ขณะนี้เวินจิ้งก็ออกมาแล้ว เห็นเย่เฉียวกำลังดึงเสื้อเชิ้ตของมู่วี่สิงอยู่ ท่าทางโกรธมาก เธอก็วิ่งเข้าไปด้วยความกังวล
ตอนที่สอบรอบที่สองในเมื่อกี้เย่เฉียวก็คือผู้สัมภาษณ์ของเธอ ทำไมเหมือนเขาไม่ค่อยถูกกับมู่วี่สิง?
“ศาสตราจารย์เย่คะ”
เวินจิ้งเรียกเขาอย่างมีมารยาท
มู่วี่สิงจับมือเวินจิ้งและพาเธอมาอยู่ในอ้อมแขนตัวเอง เย่เฉียวมองสองคนที่มีท่าทางสนิทสนมกัน หัวเราะแห้งๆ ว่า “คุณก็คือภรรยาของมู่วี่สิงนี่เอง”
“เย่เฉียว อย่ามาทำตัวแบบนี้” มู่วี่สิงพูดจบก็ไม่สนใจเขาอีก
เห็นเย่เฉียวควบคุมอารมณ์ไม่ได้อยากจะตีคนอีก เวินจิ้งขวางอยู่หน้าตรงข้างหน้าเย่เฉียว “ศาสตราจารย์เย่คะ ที่นี่คือมหาวิทยาลัย”