บทที่ 257 คนนับหมื่นอิจฉา
“คุณหลิง คุณหมายความว่ายังไง?”
“อาจเป็นเพราะผู้หญิงน่าเบื่อเยอะเกินไป อยากหาความสดใหม่” หลิงอี้เอนกายอย่างเกียจคร้านลงโซฟา ด้วยรอยยิ้มที่ขี้เล่น
ตอนแรกคิดว่าผู้หญิงคนนี้กำลังพยายามทำให้เป็นของเขา แต่กลับถูกเธอดึงดูดเสียแล้ว
แต่ไม่คิดว่า เธอแต่งงานแล้ว
ระยะนี้ เขาคิดถึงเธอตลอดไม่เคยลืม
“ไม่ว่าจะเป็นซูยิน เธอก็ไม่มีทางยอมรับคุณ” เวินจิ้งเลี่ยงสายตาของเขา
“หากฉันต้องการ ไม่มีครั้งไหนที่ฉันจะไม่ได้” หลิงอี้ยกริมฝีปากขึ้น
“คุณหลิงภูมิใจเกินไป” เวินจิ้งสีหน้าซีด
“ฉันมีสิทธิ์นี้ ไม่ใช่เหรอ?”
หลิงอี้เหมือนจะเป็นความภาคภูมิใจของสวรรค์ ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่มีสิ่งไหนที่เขาไม่ได้
แต่ตอนนี้ เหมือนว่าจะมีแล้ว
สายตาที่เขามองเวินจิ้งน่าอึดอัดมาก ผ่านไปสิบนาที ฉีเซินยังไม่กลับมา
หลิงอี้ก็สังเกตอย่างเห็นได้ชัด เขาเดินไปที่ประตู ถูกล็อคไว้แล้ว
ที่นี่มีระเบียง แต่ผ้าม่านไม่ได้ปิดไว้
เขาหรี่สายตาอย่าเยือกเย็น และเดินไป สายตาหยุดตรงระเบียงตรงข้าม เป็นเวลานาน มีรอยยิ้มปรากฏบนมุมปากลึก
“ดูแล้ว เราจะถูกคนวางแผนแล้ว”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว มองตามสายตาของหลิงอี้ มีแสงแฟลชกระพริบ พวกเขาถูกแอบถ่าย!
เมื่อนึกถึงฉีเซินจงใจออกไป เขาทำแบบนี้ทำไม?
แต่ยังไงก็แล้วแต่ เขาก็หวังให้เธอกับมู่วี่สิงหย่ากัน ดังนั้น เพื่อสร้างเรื่องอื้อฉาวให้เธอกับหลิงอี้ เธอจะได้หย่ากับมู่วี่สิงเหรอ?
เธอหามือถือ คิดไว้ว่าจะแจ้งให้มู่วี่สิงทราบ แต่ที่นี่ไม่มีสัญญาณ
หลิงอี้สองมือใส่เข้าไปกระเป๋ากางเกง แต่สีหน้ากลับเรียบเฉย
“เมื่อมาถึงแล้ว อย่างนั้นก็ตามนั้น”
เวินจิ้ง: …
เธอทำไม่ได้หรอก
หากถูกขับไว้ที่นี่หนึ่งคืน
มู่วี่สิงจะเป็นห่วง…
“ทำไมฉีเซินทำแบบนี้?” เวินจิ้งจ้องมองหลิงอี้
รู้สึกว่า เขาน่าจะรู้
“เธอคือพี่สาวของเขา เธอควรจะชัดเจนมากกว่าฉันไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันไม่มีความเกี่ยวอะไรกับเขา” เวินจิ้งไม่ยอมรับ
แม้ว่า ความจริงเธอกับฉีเซินจะมีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เธอไม่ต้องการมีความสัมพันธ์ใดๆกับฉีเซิน
“ดังนั้น เป็นเขาที่บังคับเธอมา?”
เวินจิ้งเงียบ เหมือนว่าถูกหลิงอี้หลอกถามโดยไม่รู้ตัว
“ข้างนอกมีนักข่าวหมอบอยู่ คิดว่าอีกเดี๋ยวเราคงจะขึ้นหน้าหนึ่งแล้ว เธอเดาว่าครั้งนี้เธอจะถูกเปิดเผยไหม?” หลิงอี้ยกริมฝีปาก
“ทุกครั้งที่เจอคุณไม่เคยมีเรื่องดี” เวินจิ้งบ่น
หากถูกเปิดเผย ต้องไม่ดีแน่…
“ใครบอก? ฉันช่วยทำให้เธอมีชื่อเสียง คุณเวิน”
“ฉันแต่งงานแล้ว คุณกำลังทำให้ฉันเหนื่อยใจ”
“งานแต่งของเธอกับมู่วี่สิเรียบง่ายขนาดนี้ ไม่มีใครรู้ อย่างไรก็ตามตระกูลมู่ไม่ง่าย งานแต่งทั้งทีเรียบง่ายขนาดนี้ ไม่เพราะมู่วี่สิงไม่มีตำแหน่ง หรือไม่ เพราะเธอถูกยอมรับ” หลิงอี้พูดวิเคราะห์
เวินจิ้งลดสายตาลง เธอรู้ดีว่าตระกูลมู่ลีกลับและมีพลังอำนาจ จนถึงตอนนี้ นอกจากคุณปู่แลเธอไม่เคยเห็นใครอื่นของตระกูลมู่เลย
มู่วี่สิงไม่ใช่ว่าไม่มีตำแหน่ง ในทางกลับกัน เขารับช่วงต่อจากบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปทั้งหมด
และเธอ…ไม่ถูกยอมรับ
หรือว่า จะเป็นเรื่องจริงตามนี้?
อย่างไรก็แล้วแต่ คำพูดของหลิงอี้เธอไม่มีทางเชื่อ
“ถ้าหากฉันได้ขอเธอแต่งงาน ฉันจะจัดงานแต่งให้เธออย่างอลังการ ให้เธอมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ให้เธอ ทำให้คนนับหมื่นอิจฉาเธอ” หลิงอี้เข้าใกล้ทันที ตาร้อนแรง
เวินจิ้งรีบผลักเขาออก สายตาขัดขืน “คุณหลิง คุณอย่าพูดไร้สาระ!”
สิ่งเหล่านี้ ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ
“ผู้หญิงมักชอบสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เหรอ?” หลิงอี้จับคาง ค่อนข้างภูมิใจ
“ฉันต้องการแค่ชีวิตที่เรียบง่ายที่สุด” เวินจิ้งพูดเสียงเบา
เธอหวังแค่ว่าตัวเองจะแต่งงานกับผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ใช้ชีวิตธรรมดา
และตัวตนของตัวเอง ก็ไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลหลิน เป็นแค่ลูกสาวของเจี่ยนอี
แต่ทั้งหมดนี้ กลับยิ่งไกลออกห่างจากเธอเรื่อยๆ
“ปากไม่ตรงกับใจ” หลิงอี้ไม่เชื่อ
เวินจิ้งไม่ได้สนใจเขา หาเครื่องส่งรับวิทยุเจอ แต่กลับพบว่าเส้นนั้นถูกตัดไปนานแล้ว ไม่มีทางที่จะติดต่อบริกรด้านนอกได้
และทุบประตูก็ไม่มีเสียงตอบรับจากด้านนอก ห้องนี้อยู่ปลายมุม เว้นแต่มีเสียงเรียกจากพนัก ไม่งั้นไม่ค่อยมีพนักงานผ่านมา
เวินจิ้งนั่งลงมาอย่างหงุดหงิด
“คุณช่วยหาวิธีหน่อยได้ไหม” มองดูหลิงอี้ที่นิ่งๆ เวินจิ้งรู้สึกโกรธเล็กน้อย
“ฉันตักตวงที่ได้อยู่สองต่อสองกับเธอ” หลิงอี้ยกริมฝีปากพูด
เวินจิ้ง: …
…
ตรงประตูคลับ
มายบัคคันสีดำจอดอย่างช้าๆ
มู่วี่สิงโทรหาเวินจิ้งไม่ติด ตำแหน่งสุดท้ายของเธอคือที่นี่
ไม่ไกลนัก ร่างของฉีเซินกำลังเดินออกมา
มู่วี่สิงลงจากรถ ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน
“คุณมู่ ลมอะไรผ่านคุณมาถึงที่นี่?” ฉีเซินยกริมฝีปากขึ้น
อย่างที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่า คลับซีเซิงเป็นสมบัติของตระกูลฉี
“ทำไม ไม่ต้อนรับฉัน?” มู่วี่สิงยิ้มอย่างเย็นชา
“ไม่ใช่ งั้นฉันให้ความบันเทิงด้วยตัวเอง?”
“ไม่จำเป็น” สิ้นเสียง มู่วี่สิงรีบเดินเข้าไปในคลับ
เกาเชียนถึงนานแล้ว ติดตามกล้องวงจรของคลับ ในไม่ช้าก็เจอฉีเซินและเวินจิ้งหนึ่งชั่วโมงก่อนเดินเข้าไปในห้อง
แต่หลังจากนั้น ฉีเซินออกมาคนเดียว และไม่เห็นเวินจิ้งอีก
มู่วี่สิงย้อนวีดีโอดูถอยหลังอีกครั้ง ก็เห็นร่างของหลิงอี้
ตาสีดำนิ่งลง เขาหันเดินออกไป
“ฉันต้องการที่นี่ และไม่เปิดธุรกิจอีก!” มู่วี่สิงสั่ง
เกาเชียนตอบรับ พร้อมกับความกลัว
ในห้อง หลิงอี้เปิดเบียร์หนึ่งขวด
เวินจิ้งเห็นแก้วเบียร์ที่ยื่นมาตรงหน้าของเธอ สีหน้าเงียบ
“คุณหลิง หาวิธีทำยังไงให้ออกไปได้ไหม?”
“ที่นี่อะไรก็ไม่ขาด พักคืนหนึ่งก็ไม่มีอะไรไม่ดี”
สิ้นเสียง ประตูด้านนอกมีเสียงฝีเท้ากระแทกเข้ามา เวินจิ้งสายตาประกาย
ประตูเปิดออก ร่างที่คุ้นเคยผ่านเข้าตา
เวินจิ้งแทบจะเดินไป แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ได้โกหกมู่วี่สิง กลับไม่กล้าเงยหน้าขึ้น
มู่วี่สิงยกใบหน้าเล็กของเธอขึ้นมา เพื่อยืนยันว่าเวินจิ้งไม่เป็นอะไร ถึงจะถอนหายใจออกมา
“คุณหญิงมู่ ทำให้ฉันเป็นห่วงไม่น้อย”
คำพูดของเขาดูหมิ่น แต่ก็แฝงไปด้วยความรัก
“ดูแล้วคุณมู่กับคุณเวินจะรักกันมาก” หลิงอี้วางแก้วเบียร์ลง เดินเข้ามาช้าๆ
“แน่นอน คุณหลิงเก็บความในใจของตัวเองได้แล้ว”
มู่วี่สิงโอบเวินจิ้งแล้วจากไป ไม่หยุด
สายตาของหลิงอี้เปลี่ยนเป็นเย็นชา ขายาวเตะไป แก้วข้างๆถูกเขาเตะจนล้มลง
ฉีเซินเดินเข้ามา เห็นฉากที่วุ่นวายนี้ ริมฝีปากยกขึ้นแล้วพูด “ดูแล้ว คุณหลิงไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ?”
หลิงอี้หันตัว “ฉีเซิน นายต้องการทำอะไรกันแน่?”
เขาหลิงอี้ไม่เคยถูกใครวางแผนแบบนี้!
“ตอนนี้คนของตระกูลหลิงยังคิดว่าเวินจิ้งคือซูยิน ฉันก็แค่ช่วยจัดการคนของตระกูลหลิง คุณควรขอบคุณฉันไม่ใช่เหรอ?”
“อย่าดึงเธอเข้ามาเกี่ยวข้อง เธอเป็นคนของม่วี่สิง”
“เธอเป็นคนของตระกูลฉี เธอจะยืนฝั่งเรา คุณหลิง เพียงแค่ล้มมู่วี่สิง เวินจิ้งก็จะเป็นของคุณ”
หลิงอี้โกรธ สีหน้าแน่น
“เพื่อผู้หญิงคนเดียว ฉันไม่ต้องการทำให้ตระกูลมู่ขุ่นเคือง” หลิงอี้พูดเย็นชา
“อย่างงั้นดูเหมือนว่า เราจะไมมีอะไรต้องคุยกัน”