บทที่ 245 ช่างนุ่มนวลอบอุ่นนัก ช่างร้ายกาจนัก
เวินจิ้งหัวเราะ คำตอบที่ได้ช่างตรงกับที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด
เพียงแต่ว่าเธอได้ยินคำนั้นด้วยหูตัวเอง ช่างรู้สึกเสียใจยิ่งนัก
“ถ้าเช่นนั้นคุณก็อย่าทำดีกับฉัน ได้ไหม?” เวินจิ้งตอบเสียงต่ำ
เธอรู้บ้างไหม เธอจะตกลงไปในกับดักของเขา
เธอไม่เหมือนกับเขา
มู่วี่สิงหรี่ตาลง นัยน์ตาที่ยากจะคาดเดาความคิดเขาได้
“ผมอนุญาตให้คุณชอบผมได้”
ซักพักนึง เสียงของเขาจึงดังเข้มขึ้น
เวินจิ้งมองตาขึ้น ในตาแดงก่ำ
แล้วเขาหล่ะ?
ใช่สิ คำตอบของเขาก็ได้บอกเธอแล้ว
“ฉันไม่ชอบคุณ” เธอหายใจลึก น้ำเสียงเย็นลง
“คุณนายมู่ ผมจะทำดีแต่เฉพาะกับคุณ นี่เป็นสิ่งที่ผมสามารถให้คำมั่นสัญญากับคุณได้” มู่วี่สิงจูบลงที่ริมฝีปากของเธอ
ช่างนุ่มนวลอบอุ่นนัก ช่างร้ายกาจนัก
เวินจิ้งผลักเขาออกอย่างเย็นชา
กลับสู่การ์เด้นมู่เจียวานอันคุ้นเคย ทั้งหมดไม่มีการเปลี่ยนแปลง
แต่ครั้งนี้ ในใจของเธอสับสนวุ่นวายไปหมด
วันที่สองมู่วี่สิงก็ได้ออกไปทำงานด้านนอกแล้ว เวินจิ้งรู้สึกผ่อนคลายลง
ซูยีนช่วงนี้จะอยู่ที่เมืองหนานเฉิง เพื่อช่วยเวินจิ้งสืบเรื่องราวแต่กลับไม่มีข้อมูลอะไรเพิ่ม
หากขนาดตระกูลลี่ยังเช็คข้อมูลไม่พบ ก็เกรงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังฉินเฟยนั้น อำนาจอิทธิพลก็น่าจะแข็งแกร่งลึกลับยิ่งกว่าตระกูลลี่เสียอีก
“พวกเราไปเดินเที่ยวใกล้ๆกันไหม วันทั้งวันเธอคงไม่อยากอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหนหรอก” ซูยีน มาหาเวินจิ้ง
เวินจิ้งตอบรับโดยง่าย เธอเองก็ชอบออกไปเดินเที่ยว เพียงแต่ท่าทีการเตรียมสอบยังคงเป็นอยู่ เธอเคยชินกับการอ่านหนังสือไปแล้ว
ซูยีนหน้าตาสะสวย แต่งหน้าละเมียดละไม อยู่ในห้างก็ดึงดูดสายตาคนมองไม่น้อย
เธอเองก็รู้สึกเคยชินไปแล้ว
พาเวินจิ้งเดินเข้าร้านเสื้อผ้า เธอเป็นลูกค้าวีไอพี พนักงานที่ร้านต้อนรับเธอเป็นอย่างดี
ปกติแล้วเวินจิ้งจะสั่งซื้อของใช้ต่างๆทางTaobaoทั้งหมด หลังจากที่อั้ยเถียนไม่ได้อยู่ที่เมืองหนานเฉิงแล้ว เวินจิ้งเองยิ่งไม่ได้ออกมาเดินเที่ยวเล่นเลย
ซูยีนมองดูเธอแต่งตัว ก็ขมวดคิ้ว
ดึงตัวเวินจิ้งเข้ามา เธอหยิบชุดเดรสออกมาสองสามชุดแล้วก็ส่งให้เธอ
“ลองให้ฉันดูแต่ละชุดเลยนะ”
เวินจิ้ง : ……
ชุดเดรสเหล่านี้ล้วนเป็นชุดสายเดี่ยว กระโปรงสั้นมาก เธอไม่เคยมีชุดแบบนี้มาก่อน
“เวินจิ้ง เธอไม่ควรใส่แต่ชุดเรียบๆนะ ผู้หญิงเรา ต้องรู้จักโชว์รูปร่างตัวเองบ้าง” ซูยีนกระพริบตามองที่เธอ
“รูปร่างฉันไม่ดีหน่ะ” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
ไม่เหมือนกับซูยีน รูปร่างสูงโดดเด่นได้เปรียบ รัศมีเปล่งประกายเจิดจ้า
เดินไปหนใด ไม่อาจทำให้คนมองข้ามได้เลย
“ใครบอกหล่ะ รีบไปใส่ให้ฉันดูก่อน!” ซูยีนผลักเธอเข้าไป
เวินจิ้งเปลี่ยนชุดเดรสที่เธอคิดว่าดูมีเนื้อผ้ามากที่สุดแล้วอย่างล่าช้า ยืนมองอยู่หน้ากระจก เธอรู้สึกคับแคบ
โดยเฉพาะยิ่งต้องสวมรองเท้าส้นสูง ขาอันเรียวยาวของเธอดูแล้วไม่มีที่ติ เธอผอมบาง แต่สัดส่วนกำลังดี ประกอบกับเสื้อผ้าที่ยิ่งทำให้เธอดูงดงามเพลิดพริ้ง
“ไม่เลวเลย เปลี่ยนชุดต่อไป”
เวินจิ้งมองดูตัวเองในกระจก ก็ได้แต่รู้สึกว่าสายตาของซูยีนช่างยอดเยี่ยม ชุดเดรสเมื่อสวมอยู่บนตัวของเธอแล้ว ช่างพอดีเป็นการโชว์รูปร่างอันสวยงามของเธอ อีกทั้งไม่เป็นการเปิดเผยจุดด้อยของเธอด้วย
แต่พอเห็นราคาชุด เป็นตัวเลขห้าหลัก……
เวินจิ้งถอดออกก็รีบส่งคืนให้กับพนักงานร้าน
“เวินจิ้ง เธอไม่ชอบหรอ?” ซูยีนแปลกใจ
“ปกติแล้วฉันก็ไม่ค่อยได้ใส่หรอก สิ้นเปลืองเกินไป” เวินจิ้งส่ายหัว
โดยเฉพาะ เธอยิ่งไม่กล้าสวมใส่ชุดแบบนี้ต่อหน้ามู่วี่สิง แทบจะโชว์ให้เห็นกระดูกไหปลาร้าและแผ่นหลังของเธอ เธอไม่มีความกล้าขนาดนั้น
ซูยีน ขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายก็หยิบชุดเดรสนั้นมา
“นี่เป็นของขวัญที่ฉันมอบให้เธอ เธออย่าปฏิเสธน่ะ”
พอพูดจบ ก็รูดบัตรเสร็จเรียบร้อย
เวินจิ้งหัวเราะ แต่ก็รู้ว่าซูยีนอยากให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ต่อมาก็ยังเดินเที่ยวที่ร้านขายเสื้อผ้าสตรีอีกสองสามร้าน เวินจิ้งช่วยซูยีนจ่ายเงิน เธอก็พูดมาหนึ่งประโยค “นี่ก็เป็นของขวัญที่ฉันมอบให้เธอ เธอก็อย่าปฏิเสธหล่ะ”
ซูยีน หัวเราะ “เธอยังมาคิดเล็กคิดน้อยกับฉันอีก ตระกูลลี่ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอยู่แล้ว”
“ที่ฉันรูดก็เป็นบัตรของมู่วี่สิง เขาก็คงไม่ขาดแคลนเงินอะไรหรอก”
ทั้งสองคนมองไปหัวเราะไป
ชั้นหนึ่งพวกเธอได้เดินช้อปเสร็จแล้ว ท้ายสุดคือร้านขายเครื่องประดับ
เวินจิ้งลูบไปที่สร้อยบนคอของเธอ ความคิดเรื่องอดีตในสมองก็ค่อยๆผุดขึ้นมา
ชายผู้ดูอ่อนโยนและเอาแต่ใจอย่างเขา จะต้องซื้อสร้อยคอให้เธอสิ
เธอเหม่อลอย เสียงของซูยีนที่อยู่ด้านข้างดังขึ้น “ฉินเฟย?”
ซูยีนไม่รู้จักฉินเฟย เพียงแต่เพราะว่าเธออยู่ใกล้กับเวินจิ้งจึงพอเข้าใจบ้าง
และข่าวสมัยก่อนก็ลงรูปเธออยู่ไม่น้อย เธอจึงพอจำได้บ้าง
เวินจิ้งมองขึ้นไปในร้าน เป็นฉินเฟยจริงๆ หล่อนใส่ชุดเดรสสีดำเรียบ ด้านหลังเรียวบาง
“เกลียด ฉันไม่อยากเข้าไปแล้วหล่ะ” ซูยีนสีหน้าเข้มลง
แต่ว่า พนักงานร้านต้อนรับพวกเธออย่างเต็มที่ อีกทั้งฉินเฟยเองก็เห็นทั้งสองคนแล้ว
เวินจิ้งมองขึ้นไป สายตาของฉินเฟยสบกับเธอ
“เวินจิ้ง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ฉินเฟยวางของลง หยิบเงินออกมา
เวินจิ้งเม้มปาก ลองทบทวนดู ก็จริงที่ไม่ได้เจอกันนานแล้ว ตั้งแต่ตอนขึ้นศาลเมื่อสามเดือนก่อน
แต่ที่ฉินเฟยถูกพิพากษาจำคุกจนพ้นโทษออกมา ก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆไม่ถึงหนึ่งเดือน
“ใช่สินะ” เวินจิ้งยิ้มอย่างเย็นชา แต่ก็ไม่อยากพูดคุยกับเธอมากไปกว่านี้
“ดูไปแล้ว เธอคงจะแค้นฉันมาก”
“แค้นหรือ? เธอไม่มีค่าขนาดทำให้ฉันต้องเก็บมาคิดขนาดนั้นหรอก”
ซูยีนมองที่เธอ “คุณฉินถ้าจะมาหาเรื่องก็อย่ามารบกวนความสุขของฉันกับเพื่อน พอเจอคุณแล้ว อารมณ์ฉันก็ไม่ค่อยดีเลย”
พูดจบ เธอก็เดินเข้าร้านเครื่องประดับ ในใจไม่ได้คิดถึงเรื่องฉินเฟยแล้ว
เรื่องในอดีตเธอไม่อยากตามเอาความแล้ว แต่ว่ากับผู้หญิงคนนี้ เธอไม่สามารถเผชิญหน้ากับเธออย่างสีหน้าเบิกบานได้อีก
ฉินเฟยขมวดคิ้ว เดินออกจากร้านเครื่องประดับ ตากลับมองไปที่ซูยีน
ถ้าหากจำไม่ผิด เธอก็คือหลานสาวบุญธรรมของตระกูลลี่ คิดไม่ถึงว่าจะใกล้ชิดกับเวินจิ้งขนาดนี้
เธอกดโทรศัพท์ “ท่านลี่ ดูเหมือนว่าฉันจะเห็นหลานสาวท่านแล้วนะ”
……
“เวินจิ้ง เกี่ยวกับเรื่องของฉินเฟย ตอนนี้ฉันก็ยังสืบไม่เจออะไรเลย มันน่าแปลกมาก” ซูยีนขมวดคิ้ว
เธอไม่ได้บอกเรื่องนี้กับลี่หนานเฉิง แต่ตัวเองสืบผ่านคนในเครือข่ายของตระกูลลี่ โดยปกติแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่รู้ข่าวคราวอะไรสักนิด
แต่ฉินเฟย นอกจากคนในตระกูลฉินเหล่านั้นก็สามารถสืบหาเรื่องราวได้หมด ส่วนเรื่องอื่นสืบหาไม่ได้อะไรเลย
ตระกูลฉินแทบจะไม่มีบทบาทอะไรไปตั้งนานแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะมีอำนาจเช่นนี้
แต่ว่า เธอก็สืบมาได้เรื่องหนึ่ง
“ฉินเจิ้งช่วงนี้วางแผนจะสนุกกับชีวิตบั้นปลายที่ต่างประเทศ ฉีเซินให้เงินเขาก้อนหนึ่ง”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ฉีเซินหรือ?
เขาเป็นคนที่คอยเตือนให้เธอระวังมู่วี่สิง
แต่เขากลับทำอะไร?
“ฉันเข้าใจแล้ว รบกวนเธอจริงๆนะ”
ผลสรุปนี้ก็เป็นไปตามที่เวินจิ้งคาดคิด อย่างไรเธอก็อยากจะเชื่อใจมู่วี่สิง
อย่าให้เป็นเขาเลย อย่า……
ซูยีนอมยิ้ม “ฉันกลับหวังว่าจะสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้าง เรื่องอยุติธรรมแบบนี้หากว่าฉันรู้หล่ะก็ ฉันเองก็ไม่อาจทนได้นานหรอก”
เวินจิ้งลดสายตาลง น้ำเสียงรู้สึกเบื่อหน่าย “เมื่อปีก่อนฉันก็อยากจะสืบดู แต่ว่าฉันไม่มีเครือข่ายคนรู้จักที่ไหน ยื่นฟ้องร้องแล้วก็ไม่มีข่าวคราวอะไร ฉันจึงจำใจต้องปล่อยผ่าน”
“จนมาพบว่ามู่วี่สิงมีส่วนพัวพัน?” ซูยีน ยกคิ้ว
เวินจิ้งพยักหน้า “ดังนั้น ฉันเองก็ไม่รู้ว่าควรจะสงสัยเขาดีไหม เขาช่วยเหลือฉันมาตลอด แต่กลับมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับฉินเฟย”